ReadyPlanet.com


สุเทพ vs เจ๊กลิ้ม ลูกกำนัน หรือจะสู้ ลูกเจ็ก ว่าเจ๊กลิ้มหันไปเชียร์ยิ่งลักษณ์


สุเทพ  เทือกสุบรรณ  กล่าวหาว่านายสนธิ  ลิ้มทองกุล แปรพักตร  ไปเชียร์ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนเชียรประชาธิปัตย์ .......  กลายเป้นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อโทรทัศน์ ทั่วไปทั้งหนังสือพิมพ์รายวัน  

 

ความจริงนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  กับนายสนธิ  ลิ้มทองกุล  มีการโต้เถียงกันมาเป็นระยะ ๆ    ที่แรง............    ลูกกำนันอย่างสุเทพหรือจะสู้ลูกเจ๊กอย่างผม  ....................ซึ่งนายสุเทพปิดปากเงียบกริบมาถึงปัจจุบันนี้  จึงเริ่มจะตอบโต้  กรณีนายสนธิ ไปเชียร์ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร........

 

ความจริงสนธิ ลิ้มทองกุล  เป็นคนสองหน้า   ตลบแตลง    ยังจำได้ไหม คราวนายกทักษิณ ได้ตำแหน่งใหม่ ๆ  เจ๊กลิ้มนี่แหละสรรเสริญออกมาก่อนคนอื่นอย่างเลิศลอย   ว่านี่คือนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทยเท่าที่เคยมี............แต่แล้วแปรไปอย่างไรครับ.......

 

ดูเหมือน  เมื่อมาชมยิ่งลักษณ์ นี้    จะเดินตามรอยเก่าละมั้ง.............ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ........................................โดยเฉพาะประเด็นลูกกำนัน  กับลูกเจ๊ก.........  สำหรับผมเองเจ็บครับ  ............................ผมเจ็บมาตั้งแต่นาง...(อีปอง)......เอเอสทีวี......ด่าพลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา  ผบ.ทบ.    ว่าทหารหัวกระบือ  มา ถอดหมวกออก  มาใกล้ ๆ  กูจะเขกกะโหลกให้ฉลาดขึ้นหน่อย ..................

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ บันทัดทอง สุวรรณเมาลี :: วันที่ลงประกาศ 2011-06-10 09:15:23


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3297744)

ความจริงเจ๊กลิ้มก็ไม่ได้พูด หรือเชียรคุณยิ่งลักษณ์   ฟังจากไหน ?    แต่นี่คือชั้นเชิงปกติของคนในพรรคประชาธิปัตย์   .......    ที่มีความชินในเชิงวาทะกรรม และนี่เป็นวาทะส่อเสียด ยุแยกมากกว่า 

ระยะนี้ประชาธิปัตย์ดูเหมือนจะเตรียมไว้ 2 อย่าง ด้านวาทะกรรม    คือเมื่อเป็นต่อ ก็จะใช้วาทะกรรมอย่างหนึ่ง    เป็นรองหรือเชื่อว่าแพ้แน่ ๆ ก็จะอีกอย่างหนึ่ง  .......... ดูเหมือนเตรียมวาทะกรรมฝ่ายแพ้ไว้แล้ว  .............มีเทกนิกนะครับ   ที่เริ่มเห็นก็คือ    ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ   ..................ออดอ้อนถอนใจใหญ่  ฯลฯ

ดีเบทระหว่างเพื่อไทย กับ ประชาธิปัตย์   ๆ ถึงยอมรับตรง ๆ ว่าไร้ความสามารถจะแก้ไขปัญหาของแพง และค่าครองชีพ ...แล้วเพื่อไทย  ดร.สุชาติ ก็ถือโอกาสชี้แจงนโยบายพรรคเพื่อไทยไป.............   แต่ประชาธิปัตย์รอบรู้ทีหนีทีไล่......หนีไปก็ขุดหลุมพรางไป   

 

ไม่มีวันที่ประชาธิปัตย์จะซื่อสัตย์ต่อมิตร  และซื่อสัตย์ต่อวาจาตนเอง........   

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-06-15 08:06:25


ความคิดเห็นที่ 2 (3298997)

ผมขอบันทึกเจ๊กลิ้มไว้ ณ ที่นี้หน่อยครับ  แกขึ้นเวทีสพานมัฆวาน  ด่าแหลก  ตามสไตล์เจ๊ก ๆ จีน ๆ ของแก  ............  แกว่า..โวตโน เป็นสิทธิ์ ด่า กกต. ว่าถ้าไม่ให้โหวตโนแล้ว  มีช่องไม่เลือกพรรคใดไว้ทำไม  .............แกว่าอีกสักหน่อยพวกสัตว์เลื้อยคลานทุก ๆ พรรค ก็จะออกมาเต็มเมือง  ...อย่าไปเลือกมัน   

 

เจ๊กลิ้มนี่ด่าเจ็บมาก   แกด่าว่าสุเทพ อภิสิทธิ์ นี่กินขี้พลเอกเปรมหอม  ส่วนขี้ทักษิณนี่เหม็น.................เมื่อเปรียบเทียบกันด้วยสูตรนี้ .......เราก็พูดได้เหมือนกันว่าเจ๊กลิ้มเองก็กินขี้พลเอกเปรมเหมือนกัน  หอมขี้พลเอกเปรมเหมือนกัน แกไม่ว่า   ........เพราะแกไม่เคยด่าคน ๆ หนึ่งคือ พลเอกเปรม แบ พล.อ.ประยุทธ   บางที่ขี้พลเอกประยุทธจะหอมสำหรับเจ๊กลิ้มก็ได้  ...............

 

ทำไมแกไม่ยอมพูดถึงคนที่ลอบยิงกะบาลแกเลย  น่าสลดใจและน่าสงสารเจ๊กลิ้มในข้อนี้   เพราะอย่างเจ๊กลิ้ม มีหรือที่จะไม่รู้ความจริง  ว่าใครแอบยิงกระบาลแก....ลงไปแผ่ข้างถนน  ....หวิดไปเมืองผี 

 

ถามว่าเจ๊กลิ้มเป็นลูกผู้ชายหรือไม่   ไม่มีใครตอบได้    อาจจะเป็นกะเทยก็ได้พอ ๆ กัน     แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ  ส่วนด้านมืดของเจ๊กลิ้ม  เป็นสิ่งที่น่าสงสาร     แกถูกคุกคามและอยู่ใต้คำสั่ง   ของศัตรูตนเอง  ศัตรูคนที่สั่งยิงกบาลแกเองนั่นแหละ  ผมว่า    

 

แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์วาระนี้ก็ดูเหมือนง่อยเปลี้ยไป   เป็นรัฐบาลที่ทรามและน่าสมเพชมาก  ที่ปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งนิดเดียวตั้งเวที  ยึดถนนหนทาง  ทำการด่ารัฐบาล  ด่าประชาชน  ด่าใครก็ได้  และด่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยได้เป็นวัน ๆ เป็นชั่วโมง ๆ  โดยรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้   นี่เป้ฯเรื่องที่แปลกที่สุด ที่มีรัฐบาลเช่นนี้อยู่ในโลกได้   วิเคราะห์แล้ว   นี่แหละการปกครองของเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม 

 

และยังบอกไปถึงมือที่มีพลังในความมืด   ที่มีอำนาจสามารถควบคุมรัฐบาล และเวทีสพานมัฆวานไว้ใต้อำนาจได้   ไม่ยากหรอกที่จะมอง   ขบวนการนี้เขาเอาไว้เป้นหัวหอกถล่มรัฐบาลที่จะมาต่อจากนี้  หากไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปัตย์  ก็จะโดนหัวหอกนี้ถล่ม และดำเนินการเจาะไชต่อไป  แล้วก็จะกลายเป้นร่วมมือกัน  สามฝ่ายล้มรัฐบาลใหม่เหมือนเดิม

 

นั่นคือแผนการของมือที่อยู่เบื้องหลัง

 

ผมคิดว่า  เจ๊กลิ้มก็คงจะรู้เรื่องนี้ดีอีกเหมือนกัน

ผมหวังว่าเจ๊กลิ้มนี่แหละจะเป็นคนที่เปิดเผผยเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้   ในวันหนึ่ง 

และผมอยากดูว่า   มือที่อยู่เบื้องหลังนั้นคือใครแน่ ๆ    

ผมไม่นับถือเลย   

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2011-06-25 17:25:04


ความคิดเห็นที่ 3 (3299170)

เอาแล้วครับ !!!   เวทีมัฆวาน ของเจ๊กลิ้ม  สู้  เวทีราชประสงค์  ๆ  มีสุเทพ  เทือกสุบรรณ   กอบศักดิ์  สภาวะสุ  ชวน  หลีกภัย  และ  อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ..................

 

ดูเผิน ๆ ไปไกลกว่าเจ๊กลิ้มเยอะเลย    สุเทพ  เทือกสุบรรณ  ถึงหลั่งน้ำตากลางเวที  ............   ผมไม่เคยเห็นเจ๊กลิ้ม จอมมายาการแห่งการโฆษณาชวนเชื่อทำได้ขนาดนี้  เท่าที่เห็นก็มีอยู่ครั้งเดียวก่อน รัฐประหาร ก.ย.49  ที่สนามหลวง แน่นขนัดเพราะฝีมือขนคนของประชาธิปัตย์  เย็นนั้นมีระเบิดเอ็ม 79 ดังโพล้งขึ้นมานัดหนึ่ง  แล้วเกิดไฟไหม้.........ทราบภายหลังว่าไฟไหม้ถังขยะ.......แต่ประชาชนไม่แตกตื่นหนีไป........ เจ๊กลิ้มแสดงการคารวะอย่างสุดซึ้ง  ด้วยการนั่งลงกลางเวที อย่างเรียบร้อยนิ่มนวล   แล้วกราบลงกับพื้น 3 ครั้ง  นิ่มยิ่งกว่าพระเถระมหาเถระเสียอีก    .....  เขาว่าที่กราบ ๆ เพื่อขอบคุณน้ำใจของประชาชน  ที่ยังยืนหยัดฟังข้อสัจธรรมของเขา .......... (ซึ้งเหมือนกัน)

 

แต่สุเทพ  เทือกสุบรรณ  ทำท่าเศร้าโศก เช็ดน้ำตา  .........   เขาพูดไม่ชัดเจนว่า  ทำไมเขาจึงบันดาลอารมณ์เศร้า ๆ ออกมาเช่นนั้น.......... บางทีคนคิดว่า  น้ำตาจรเข้ไม่มี  นี่แสร้งบีบน้ำตามากกว่าจริงใจ  .......  บางคนเปรียบว่า  มนุษยวานร 1.8 ล้านปีคนนี้ไม่มีเสียละที่จะมีความจริงใจ  

 

เน้นย้ำเข้าไปอีกว่า ลูกกำนันอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ  หรือจะสู้ลูกเจ๊กลูกจีน สนธิ  ลิ้มทองกุลได้  

 

ชมรมกำนันแห่งประเทศไทย  ฟังเอาไว้

 

ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ  อีกคนก็อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ      โอ้โฮ ๆ !!!  

 

ส่วนนายชวน  หลีกภัย   กลายเป็นเสียคนหมดเกลี้ยงเอาครั้งนี้นี่เอง   เสียหมดไม่มีเหลือเลย   แกไม่ใช่อมาตย์ตัวจริงหรอกครับ  แต่เป้นระดับขี้ข้าเขาครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-06-27 10:47:01


ความคิดเห็นที่ 4 (3299743)

วันนี้เจ๊กลิ้มประกาศจะเลิกชุมนุม วันนี้ 1 ก.ค.2554  เวลาเย็น ๆ    ฉวยโอกาสนายสุวิทย์  คุณกิตติ หนีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ถอนตัวจากกรรมการมรดกโลกไปเสีย  ท่ามกลางคนงงทั้งประเทศว่าอะไรเป็นอะไร   แต่เจ๊กลิ้มอ้างทำตามข้อเสนอของพันธมิตร  ก็เอาไปโฆษณาต่อได้ว่า  พันธมิตรชนะแล้ว   เลิกชุมนุมได้   

 

ทีนี้ก็น่าคิดว่าเจ๊กลิ้มคิดจะทำอะไรต่อไป....................มียุทธศาสตร์ใหม่ ๆ หรือไม่ ?

คงจะรอฟังผลโหวตโน..........และรอใครสั่งต่อไปอีก

 

เราคิดว่า  ก่อนที่เจ๊กลิ้มจะอำลาไป  น่าจะเปิดเผยความจริงให้ชัดเจนสักครั้ง  ความจริงของเรื่องต่อไปนี้สัก 5 - 6 เรื่อง  คือ

1.    จริง ๆ  แล้วเจ๊กลิ้มมีเจ้านาย ฟังคำสั่งเขาจนถึงวินาทีนี้  อยากทราบว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร    วันนี้เจ๊กลิ้ม  กับพวกสันติอโศกที่มาฝึกหัดโฆษณาชวนเชื่อ โดยยอมเป็นลูกศิษย์เจ๊กลิ้ม กุเรื่องขึ้นว่า เจ๊กลิ้มหันจาก ปชป.ไปเชียร์ยิ่งลักษณ์แล้ว  ซ้ำนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มนุษย์วานร 1.8 ล้านปีคนที่เจ๊กลิ้มดูถูกอย่างหนักว่า  ลูกกำนันสู้ลูกเจ๊กอย่างผมไม่ได้ ... ก็พูดให้สื่อทราบว่าเจ๊กลิ้มเปลี่ยนไปเข้าข้างยิ่งลักษณ์จริง ๆ  ....  แต่ที่จริงเป็นการกุเรื่องขึ้นเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้นเอง  กุเรื่องขึ้นว่ามีคนสืบทราบว่าทักษิณให้เงินเจ๊กลิ้ม ๆ รับเงินทักษิณมาให้เชียร์ยิ่งลักษณ์  แล้วแก้ตัวเป็นพัลวันทางเอเอสทีวีว่าไม่ได้รับเงินทักษิณมา แล้วเอาเป็นชนวนจุดด่าทักษิณต่อไปอีก   (ซึ่งที่จริงไม่มีเหตุผลเลยว่าทักษิณจะให้เงินเจ๊กลิ้มไปทำไม   เรื่องเดิมที่ผิดใจ แค้นทักษิณ ก็เพราะเจ๊กลิ้มอุตส่าห์หมอบราบกราบกรานเข้าไปขอเงินทักษิณ ส่วนทักษิณพูดภายหลังว่าทำไม่ถูกระเบียบก็ไม่ให้เงินเจ๊กลิ้ม นี่เอง  เพราะทักษิณมองเจ๊กลิ้มเป็นสิ่งชำรุด สิ้นสภาพมานานแล้ว .....ซึ่งความจริงก็คือเจ๊กลิ้มเป็นคนล้มละลายทางการเงิน  ตามคำสั่งศาล    ในทางการเมืองทักษิณก็เหยียดด้วยสายตาท่าทีว่าเจ๊กลิ้มเป็น  กุ๊ยการเมือง  กุ๊ยข้างถนน..นั่นคือเพลิงโหมความแค้นของเจ๊กลิ้มมาไม่มีวันดับ  ......ดูเรื่องเดิมได้)   

2.   อยากทราบจริง ๆ ว่า ใครลอบยิงกบาลเจ๊กลิ้ม  สะใจคนที่เกลียดเจ๊กลิ้มจริง ๆ  และยังสะใจไปสุด ๆ ที่เจ๊กลิ้มไม่ตาย   ซึ่งเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้อีกเช่นเดียวกันว่าเจ๊กลิ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว  แท้ที่จริงเจ๊กลิ้มรู้ดี  และเป็นความขมขื่นกล้ำกลืนสุดทนสุดกลั้นของเจ๊กลิ้ม  เพราะรู้แต่พูดไม่ได้  แถมยังอาจจะถูกควบคุมเหมือนถูกปืนจี้หลังอยู่ตลอดเวลา ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ด่าคนนั้นคนนี้....  ก็ขอให้เปิดเผยเสียหน่อย ก่อนจะเลิกชุมนุม  เพราะหากไม่เปิดเผย เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว  เพราะชีวิตเจ๊กลิ้มขณะนี้ อยู่ในอัตราเสี่ยงค่อนข้างสูงแม้เจ๊กลิ้มเองก็สามารถสัมผัสได้  

3.    ตอนยึดทำเนียบ 193 วัน  เจ๊กลิ้มไปใช้วาทะโวหารอย่างไร  จึงเอาชนะใจโพธิรักษ์ แห่งสันติอโศกจนยอมมาเป็นลูกน้องเจ๊กลิ้มมาจนถึงปัจจุบันได้   เท่ากับได้กองกำลังขบวนการไม่กินเนื้อมาทุกสาขาทั่วประเทศ  เคยมีผู้พยากรณ์ว่าเจ๊กลิ้มไปยกยอปอปั้นว่า ท่านอาระยะบุคคลโสดาบันผู้ยิ่งใหญ่ พ่อท่านโพธิรักษ์...........   ทำนองเดียวกับไปยุยงหลวงตาบัววัดป่าบ้านตาด...ท่านหลวงตาผู้เป็นโสดาบันสิ้นซึ่งกิเลสแห่งยุค ..........      ถูกไหมล่ะ ??   อีกเรื่องหนึ่ง อยากให้เปิดเผยความจริงกรณีระดมพระป่านับพันรูปมาทำพิธีคว่ำบาตรทักษิณกลางกรุงเทพมหานคร  ทราบชัดแต่ว่านายวิษณุ  เครืองาม  เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรัฐบาลทักษิณขณะนั้น โดนเข้าเต็ม ๆ  โดยทำชื่อใส่ลงในบาตร   อยากทราบว่าหลวงตาบัวเป็นคนสั่งพระป่าเหล่านั้นมาใช่หรือไม่ ?

4.     เจ๊กลิ้มให้กำลังใจหรือบริหารอย่างไร จึงกระตุ้นลูกน้องให้กล้าไปอย่างสุด ๆ ได้ อยากให้พูดถึง อัญชลี  ไพรีรัก(อีปอง)  ที่กล้าด่าพลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา  ผบ.ทบ.ขณะนั้น  ว่าโง่อย่างกระบือ  มานี่มาใกล้ ๆ ถอดกะโล่ออกกูจะเขกกะบาลให้ จะได้หายโง่ .......  สุดยอดการด่า    จริงไหม ???  ทุกวันนี้ ลูกน้องเจ๊กลิ้มทุกคนทำงานแบบถวายชีวิตแด่เจ๊กลิ้ม   ด้วยงานการด่าเฉียบคม แสนสันต์ไปตาม ๆ กัน   มีผู้หญิงสาว ๆ คนหนึ่ง หน้าตาเหมือนเจ๊กเหมือนกัน  เอาข่าวหนังสือพิมพ์มาอ่านแล้วบิดเป็นคำด่าได้อย่างแสบทุกเช้าทุกเช้า  ทางเอเอสทีวี (ทีวีโฆษณาชวนเชื่อ)  อยากทราบหลักการบริหารงานสตรี   ...........อยากให้ลูกน้องสตรี ๆ ด่าพลเอกประยุทธ  จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน ที่ดูประสาท ๆ ไปแล้ว เหมือนกวางพิการ เสือย่อมล่าง่าย  โดยทฤษฎีเดียวกันกับอัญชลี ไพรีรัก (อีปอง) ให้สาธารณชนฟัง เพื่อยืนยันความเชื่อถือได้ของทฤษฎีอีปองอีกสักครั้ง   

5.     ขอให้บอกเรื่องส่วนตัว คราวเริ่มรายการสนธิสัญจร  ในหอประชุมธรรมศาสตร์  ประกาศสู้แบบตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง  แล้วฝากลูกชายไว้กับมวลชนคนหนึ่งชื่อ  จิตนาถ ลิ้มทองกุล  ขอถามเขาทำอะไร  ไม่เห็นขึ้นเวทีพธม.สืบทอดธุรกิจการโฆษณาชวนเชื่อของบิดาต่อไป      อยากให้กล่าวถึงธุรกิจการโฆษณาชวนเชื่อว่าแท้จริงลักษณะรูปงานเป็นอย่างไร  ด้านการเงิน  ด้านการเสี่ยง  และด้านความสุขของชีวิต 

6.   เรื่องอื่น ๆ เช่น  สถาบัน  

 

 

หากเจ๊กลิ้มกล้าตอบ  ก็จะได้ชื่อปรากฎไว้ว่าเจ๊กลิ้มนี่กล้าพูดความจริงในที่สุดของชีวิตของเขาอยู่ 5 - 6 เรื่อง ดังกล่าว 

.............เฉกเช่นทศกัณฑ์ เมื่อต้องศรพระรามจวนจะตายแล้ว  พระรามให้พระลักษมณ์ไปหาทศกัณฐ์ บอกพระลักษมณ์ว่า  ทศกัณฐ์เป็นนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่ของสามโลก มีความสามารถมาก จงไปขอเรียนวิชาการปกครองจากทศกัณฐ์  พระลักษมณ์ ไปยืนเหนือหัวทศกัณฐ์ ๆ ก็ไม่พูด  พระรามก็ไปดึงมือน้องชายมายืนที่ปลายเท้าทศกัณฐ์ ขอเรียนวิชาการปกครอง    ทศกัณฐ์จึงบอกหลักการปกครองออกมา 3 ข้อ ซึ่งเป็นหลักสากลการปกครองของโลกในอดีตและปัจจุบัน นักปกครองไทยก็รู้ดีคือ  1.   จงรู้จักการลงโทษ ผู้สมควรได้รับการลงโทษ  2.   จงรู้จักให้รางวัล ผู้สมควรได้รางวัล  และ 3.   จงรู้จักวางตนเป็นอุเบกขา  ในกาละเทศะอันสมควร  ถ้าพระรามไม่ให้พระลักษมณ์ไปขอเรียนวิชาจากทศกัณฐ์  หลักการปกครองนี้ก็อาจจะไม่มีใครรู้ก็ได้  จึงเป็นโอกาสดีของเจ๊กลิ้มที่จะได้ทำดีบ้าง 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย ธีระพงษ์ วันที่ตอบ 2011-07-01 11:06:28

ผู้แสดงความคิดเห็น 001 ก๊อปปีมา วันที่ตอบ 2011-07-01 11:52:20


ความคิดเห็นที่ 5 (3301533)

กกต.ผ่าน สส.อีก 12 คนแล้ววานนี้   ภายหลังถูกยับยั้งไว้......ตามคำร้องของเครือข่ายต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ

 

เครือข่ายต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ  พวกเดียวกับเอเอสทีวีนี่แหละ    พวกกะเลวะราด พวกเจ๊กลิ้ม ... มีหน้าที่ก่อกวนสังคม  ไม่ให้เดินไปโดยปกติ  และมีหน้าที่โดยตรง(อ่านจากเจตนาของพวกเขา)ในการสร้างความระส่ำระสายให้แก่สังคม  ไปจนถึงสร้างความวิบัติแด่สังคมไทย  จนถึงที่สุด................เป็นพวกที่ยึดทำเนียบรัฐบาลยุคนายกสมัครและนายกสมชาย  2 ยุคของนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว  จนก่อเกิดประวัติศาสตร์นายกรัฐมนตรีไทยที่ได้อยู่ในตำแหน่งโดยไม่มีโอกาสเข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลเลย......  แล้วยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่เข้าใจการกระทำของตนเองว่าถูกหรือผิด  ถึงกับพวกนายจำลอง เอาพื้นที่ส่วนหนึ่งหน้าทำเนียบ ทำเป็นนา   ดำนาไปหลายแปลง  อีกด้วย   ยึดไว้ถึง 193 วัน    แล้วยึดทำเนียบนี้ไว้ใช้เป็นฐานการก่อการร้ายต่อไป โดยไปยึดทีวีช่อง 11 ไประรานรัฐบาลใหม่ที่จะเข้าประชุมแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ ปิดกั้นเส้นทางพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวติดต่อกันถึง 6 วัน ขณะเสด็จโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมาร์ค เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพพระพี่นางเธอ ฯ สนามหลวง... แล้วไปกระทำการก่อการร้ายยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อันเป็นสนามบินนานาชาติ เพิ่มความผิดเข้าไปอีก ............แล้วไม่มีใครเอาผิดได้  กลายเป็นอันธพาลครองเมืองยุคหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ยุคแขกมุสลิมครองเมือง    ...แล้วลอยนวลมาจนถึงวันนี้  ซึ่งรัฐบาลไทยยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ที่อ้างว่าตนมาจากครรลองประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยเหมือนกัน) มองเรื่องราวเหล่านี้อย่างคนไร้สติ   ...........   เพราะไม่มีการ  decision  ปัญหานี้เลย

 

ในขณะเดียวกัน สถาบันกฎหมาย......ก็พลอยไร้สติไปด้วย    เพราะไม่ปรากฎว่ามีสถาบันกฎหมายใด ๆ ในประเทศนี้  แสดงถึงปฏิกริยาใดใดต่อการกระทำอันเป็นการผิดกฎหมายของบุคคลเหล่านี้ ต่อประเทศนี้

 

อย่างเช่นมีสมาคมทางกฎหมายก็หลายสมาคม............. มีมหาวิทยาลัย   มีคณะที่สอนกฎหมาย......  มีผู้พิพากษา  อัยการ  ตุลาการ...............   ทำไมจึงไม่สนใจเหตุการณ์เหล่านี้เลย................ถ้าหากจะทำการวิจัยเชิงกฎหมาย...ก็น่าจะเป็นการสะดวกง่ายดายที่จะเก็บรวบรวมข้อมูล ...ทำได้ง่าย ๆ  ในขณะที่มีเหตุการณ์อยู่   แต่ไม่มีใครตามเก็บข้อมูลเลย........   จึงไม่ค่อยปรากฎแนวคิดใหม่ ๆ ทันโลก ทันยุค ......นักกฎหมายไทยไม่เคยสร้างทฤษฎีทางกฎหมายใหม่ ๆ ขึ้นมา .......  มีแต่แนวคิดตามก้นต่างประเทศ.....ไม่มีแนวคิดตนเองที่สอดคล้องกับสังคมตนเอง  ไม่เข้าใจในเชิงเหตุและผลกฎหมายกับสังคม ในประเทศไทย   มีแต่กฎหมายเก่า ๆ คร่ำครึ  การเรียนกฎหมายเป็นเพียงการท่องจำ เพื่อให้แม่นยำในการเอาไปอ้างอย่างล้าหลังต่อไปเท่านั้น   ..........  และนั่นคืออุปสรรคของการพัฒนาประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคประชาธิปไตยที่สมบูรณ์    ....   อันเป็นยุคที่กฎหมายจะถูกสร้างขึ้นจากคนชั้นรากหญ้าของสังคม.............(เพราะจะมีคนที่มีดีกรีในมหาวิทยาลัย  ในสถาบันกฎหมาย...ฯลฯ....คอยออกมากำราบ  โดยอ้างอะไร ๆ ที่ตนจดจำมาได้อย่างแม่นยำ....พร้อมที่จะเหยียดหยามว่าคนรากหญ้าไม่รู้หลักกฎหมาย..และยับยั้งคนรากหญ้าที่จะสร้างกฎหมายขึ้นมาตามหลักการของประชาธิปไตย ......   นั่นคือกฎหมายของประชาชน  โดยประชาชน   และเพื่อประชาชน......  ประมาณนี้)

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย ธีระพงษ์ วันที่ตอบ 2011-07-20 09:28:48



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.