หน้าแรก | หน้ารวมกลุ่มเว็บบอร์ด | School of Horasatra | นิทานสนุก | ประวัติ 16 ตอนจากนสพ.ดี |
สุเทพ vs เจ๊กลิ้ม ลูกกำนัน หรือจะสู้ ลูกเจ็ก ว่าเจ๊กลิ้มหันไปเชียร์ยิ่งลักษณ์ | |
สุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวหาว่านายสนธิ ลิ้มทองกุล แปรพักตร ไปเชียร์ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนเชียรประชาธิปัตย์ ....... กลายเป้นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อโทรทัศน์ ทั่วไปทั้งหนังสือพิมพ์รายวัน
ความจริงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล มีการโต้เถียงกันมาเป็นระยะ ๆ ที่แรง............ ลูกกำนันอย่างสุเทพหรือจะสู้ลูกเจ๊กอย่างผม ....................ซึ่งนายสุเทพปิดปากเงียบกริบมาถึงปัจจุบันนี้ จึงเริ่มจะตอบโต้ กรณีนายสนธิ ไปเชียร์ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร........
ความจริงสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นคนสองหน้า ตลบแตลง ยังจำได้ไหม คราวนายกทักษิณ ได้ตำแหน่งใหม่ ๆ เจ๊กลิ้มนี่แหละสรรเสริญออกมาก่อนคนอื่นอย่างเลิศลอย ว่านี่คือนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทยเท่าที่เคยมี............แต่แล้วแปรไปอย่างไรครับ.......
ดูเหมือน เมื่อมาชมยิ่งลักษณ์ นี้ จะเดินตามรอยเก่าละมั้ง.............ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ........................................โดยเฉพาะประเด็นลูกกำนัน กับลูกเจ๊ก......... สำหรับผมเองเจ็บครับ ............................ผมเจ็บมาตั้งแต่นาง...(อีปอง)......เอเอสทีวี......ด่าพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ว่าทหารหัวกระบือ มา ถอดหมวกออก มาใกล้ ๆ กูจะเขกกะโหลกให้ฉลาดขึ้นหน่อย ..................
| |
ผู้ตั้งกระทู้ บันทัดทอง สุวรรณเมาลี :: วันที่ลงประกาศ 2011-06-10 09:15:23 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3297744) | |
ความจริงเจ๊กลิ้มก็ไม่ได้พูด หรือเชียรคุณยิ่งลักษณ์ ฟังจากไหน ? แต่นี่คือชั้นเชิงปกติของคนในพรรคประชาธิปัตย์ ....... ที่มีความชินในเชิงวาทะกรรม และนี่เป็นวาทะส่อเสียด ยุแยกมากกว่า ระยะนี้ประชาธิปัตย์ดูเหมือนจะเตรียมไว้ 2 อย่าง ด้านวาทะกรรม คือเมื่อเป็นต่อ ก็จะใช้วาทะกรรมอย่างหนึ่ง เป็นรองหรือเชื่อว่าแพ้แน่ ๆ ก็จะอีกอย่างหนึ่ง .......... ดูเหมือนเตรียมวาทะกรรมฝ่ายแพ้ไว้แล้ว .............มีเทกนิกนะครับ ที่เริ่มเห็นก็คือ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ..................ออดอ้อนถอนใจใหญ่ ฯลฯ ดีเบทระหว่างเพื่อไทย กับ ประชาธิปัตย์ ๆ ถึงยอมรับตรง ๆ ว่าไร้ความสามารถจะแก้ไขปัญหาของแพง และค่าครองชีพ ...แล้วเพื่อไทย ดร.สุชาติ ก็ถือโอกาสชี้แจงนโยบายพรรคเพื่อไทยไป............. แต่ประชาธิปัตย์รอบรู้ทีหนีทีไล่......หนีไปก็ขุดหลุมพรางไป
ไม่มีวันที่ประชาธิปัตย์จะซื่อสัตย์ต่อมิตร และซื่อสัตย์ต่อวาจาตนเอง........
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-06-15 08:06:25 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3298997) | |
ผมขอบันทึกเจ๊กลิ้มไว้ ณ ที่นี้หน่อยครับ แกขึ้นเวทีสพานมัฆวาน ด่าแหลก ตามสไตล์เจ๊ก ๆ จีน ๆ ของแก ............ แกว่า..โวตโน เป็นสิทธิ์ ด่า กกต. ว่าถ้าไม่ให้โหวตโนแล้ว มีช่องไม่เลือกพรรคใดไว้ทำไม .............แกว่าอีกสักหน่อยพวกสัตว์เลื้อยคลานทุก ๆ พรรค ก็จะออกมาเต็มเมือง ...อย่าไปเลือกมัน
เจ๊กลิ้มนี่ด่าเจ็บมาก แกด่าว่าสุเทพ อภิสิทธิ์ นี่กินขี้พลเอกเปรมหอม ส่วนขี้ทักษิณนี่เหม็น.................เมื่อเปรียบเทียบกันด้วยสูตรนี้ .......เราก็พูดได้เหมือนกันว่าเจ๊กลิ้มเองก็กินขี้พลเอกเปรมเหมือนกัน หอมขี้พลเอกเปรมเหมือนกัน แกไม่ว่า ........เพราะแกไม่เคยด่าคน ๆ หนึ่งคือ พลเอกเปรม แบ พล.อ.ประยุทธ บางที่ขี้พลเอกประยุทธจะหอมสำหรับเจ๊กลิ้มก็ได้ ...............
ทำไมแกไม่ยอมพูดถึงคนที่ลอบยิงกะบาลแกเลย น่าสลดใจและน่าสงสารเจ๊กลิ้มในข้อนี้ เพราะอย่างเจ๊กลิ้ม มีหรือที่จะไม่รู้ความจริง ว่าใครแอบยิงกระบาลแก....ลงไปแผ่ข้างถนน ....หวิดไปเมืองผี
ถามว่าเจ๊กลิ้มเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ อาจจะเป็นกะเทยก็ได้พอ ๆ กัน แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ส่วนด้านมืดของเจ๊กลิ้ม เป็นสิ่งที่น่าสงสาร แกถูกคุกคามและอยู่ใต้คำสั่ง ของศัตรูตนเอง ศัตรูคนที่สั่งยิงกบาลแกเองนั่นแหละ ผมว่า
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์วาระนี้ก็ดูเหมือนง่อยเปลี้ยไป เป็นรัฐบาลที่ทรามและน่าสมเพชมาก ที่ปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งนิดเดียวตั้งเวที ยึดถนนหนทาง ทำการด่ารัฐบาล ด่าประชาชน ด่าใครก็ได้ และด่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยได้เป็นวัน ๆ เป็นชั่วโมง ๆ โดยรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้ นี่เป้ฯเรื่องที่แปลกที่สุด ที่มีรัฐบาลเช่นนี้อยู่ในโลกได้ วิเคราะห์แล้ว นี่แหละการปกครองของเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
และยังบอกไปถึงมือที่มีพลังในความมืด ที่มีอำนาจสามารถควบคุมรัฐบาล และเวทีสพานมัฆวานไว้ใต้อำนาจได้ ไม่ยากหรอกที่จะมอง ขบวนการนี้เขาเอาไว้เป้นหัวหอกถล่มรัฐบาลที่จะมาต่อจากนี้ หากไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็จะโดนหัวหอกนี้ถล่ม และดำเนินการเจาะไชต่อไป แล้วก็จะกลายเป้นร่วมมือกัน สามฝ่ายล้มรัฐบาลใหม่เหมือนเดิม
นั่นคือแผนการของมือที่อยู่เบื้องหลัง
ผมคิดว่า เจ๊กลิ้มก็คงจะรู้เรื่องนี้ดีอีกเหมือนกัน ผมหวังว่าเจ๊กลิ้มนี่แหละจะเป็นคนที่เปิดเผผยเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ ในวันหนึ่ง และผมอยากดูว่า มือที่อยู่เบื้องหลังนั้นคือใครแน่ ๆ ผมไม่นับถือเลย
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวหมอ วันที่ตอบ 2011-06-25 17:25:04 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3299170) | |
เอาแล้วครับ !!! เวทีมัฆวาน ของเจ๊กลิ้ม สู้ เวทีราชประสงค์ ๆ มีสุเทพ เทือกสุบรรณ กอบศักดิ์ สภาวะสุ ชวน หลีกภัย และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ..................
ดูเผิน ๆ ไปไกลกว่าเจ๊กลิ้มเยอะเลย สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงหลั่งน้ำตากลางเวที ............ ผมไม่เคยเห็นเจ๊กลิ้ม จอมมายาการแห่งการโฆษณาชวนเชื่อทำได้ขนาดนี้ เท่าที่เห็นก็มีอยู่ครั้งเดียวก่อน รัฐประหาร ก.ย.49 ที่สนามหลวง แน่นขนัดเพราะฝีมือขนคนของประชาธิปัตย์ เย็นนั้นมีระเบิดเอ็ม 79 ดังโพล้งขึ้นมานัดหนึ่ง แล้วเกิดไฟไหม้.........ทราบภายหลังว่าไฟไหม้ถังขยะ.......แต่ประชาชนไม่แตกตื่นหนีไป........ เจ๊กลิ้มแสดงการคารวะอย่างสุดซึ้ง ด้วยการนั่งลงกลางเวที อย่างเรียบร้อยนิ่มนวล แล้วกราบลงกับพื้น 3 ครั้ง นิ่มยิ่งกว่าพระเถระมหาเถระเสียอีก ..... เขาว่าที่กราบ ๆ เพื่อขอบคุณน้ำใจของประชาชน ที่ยังยืนหยัดฟังข้อสัจธรรมของเขา .......... (ซึ้งเหมือนกัน)
แต่สุเทพ เทือกสุบรรณ ทำท่าเศร้าโศก เช็ดน้ำตา ......... เขาพูดไม่ชัดเจนว่า ทำไมเขาจึงบันดาลอารมณ์เศร้า ๆ ออกมาเช่นนั้น.......... บางทีคนคิดว่า น้ำตาจรเข้ไม่มี นี่แสร้งบีบน้ำตามากกว่าจริงใจ ....... บางคนเปรียบว่า มนุษยวานร 1.8 ล้านปีคนนี้ไม่มีเสียละที่จะมีความจริงใจ
เน้นย้ำเข้าไปอีกว่า ลูกกำนันอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือจะสู้ลูกเจ๊กลูกจีน สนธิ ลิ้มทองกุลได้
ชมรมกำนันแห่งประเทศไทย ฟังเอาไว้
ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ อีกคนก็อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โอ้โฮ ๆ !!!
ส่วนนายชวน หลีกภัย กลายเป็นเสียคนหมดเกลี้ยงเอาครั้งนี้นี่เอง เสียหมดไม่มีเหลือเลย แกไม่ใช่อมาตย์ตัวจริงหรอกครับ แต่เป้นระดับขี้ข้าเขาครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-06-27 10:47:01 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3299743) | |||||
| |||||
ผู้แสดงความคิดเห็น 001 ก๊อปปีมา วันที่ตอบ 2011-07-01 11:52:20 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3301533) | |
กกต.ผ่าน สส.อีก 12 คนแล้ววานนี้ ภายหลังถูกยับยั้งไว้......ตามคำร้องของเครือข่ายต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ
เครือข่ายต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ พวกเดียวกับเอเอสทีวีนี่แหละ พวกกะเลวะราด พวกเจ๊กลิ้ม ... มีหน้าที่ก่อกวนสังคม ไม่ให้เดินไปโดยปกติ และมีหน้าที่โดยตรง(อ่านจากเจตนาของพวกเขา)ในการสร้างความระส่ำระสายให้แก่สังคม ไปจนถึงสร้างความวิบัติแด่สังคมไทย จนถึงที่สุด................เป็นพวกที่ยึดทำเนียบรัฐบาลยุคนายกสมัครและนายกสมชาย 2 ยุคของนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว จนก่อเกิดประวัติศาสตร์นายกรัฐมนตรีไทยที่ได้อยู่ในตำแหน่งโดยไม่มีโอกาสเข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลเลย...... แล้วยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่เข้าใจการกระทำของตนเองว่าถูกหรือผิด ถึงกับพวกนายจำลอง เอาพื้นที่ส่วนหนึ่งหน้าทำเนียบ ทำเป็นนา ดำนาไปหลายแปลง อีกด้วย ยึดไว้ถึง 193 วัน แล้วยึดทำเนียบนี้ไว้ใช้เป็นฐานการก่อการร้ายต่อไป โดยไปยึดทีวีช่อง 11 ไประรานรัฐบาลใหม่ที่จะเข้าประชุมแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ ปิดกั้นเส้นทางพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวติดต่อกันถึง 6 วัน ขณะเสด็จโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมาร์ค เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพพระพี่นางเธอ ฯ สนามหลวง... แล้วไปกระทำการก่อการร้ายยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อันเป็นสนามบินนานาชาติ เพิ่มความผิดเข้าไปอีก ............แล้วไม่มีใครเอาผิดได้ กลายเป็นอันธพาลครองเมืองยุคหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ยุคแขกมุสลิมครองเมือง ...แล้วลอยนวลมาจนถึงวันนี้ ซึ่งรัฐบาลไทยยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ที่อ้างว่าตนมาจากครรลองประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยเหมือนกัน) มองเรื่องราวเหล่านี้อย่างคนไร้สติ ........... เพราะไม่มีการ decision ปัญหานี้เลย
ในขณะเดียวกัน สถาบันกฎหมาย......ก็พลอยไร้สติไปด้วย เพราะไม่ปรากฎว่ามีสถาบันกฎหมายใด ๆ ในประเทศนี้ แสดงถึงปฏิกริยาใดใดต่อการกระทำอันเป็นการผิดกฎหมายของบุคคลเหล่านี้ ต่อประเทศนี้
อย่างเช่นมีสมาคมทางกฎหมายก็หลายสมาคม............. มีมหาวิทยาลัย มีคณะที่สอนกฎหมาย...... มีผู้พิพากษา อัยการ ตุลาการ............... ทำไมจึงไม่สนใจเหตุการณ์เหล่านี้เลย................ถ้าหากจะทำการวิจัยเชิงกฎหมาย...ก็น่าจะเป็นการสะดวกง่ายดายที่จะเก็บรวบรวมข้อมูล ...ทำได้ง่าย ๆ ในขณะที่มีเหตุการณ์อยู่ แต่ไม่มีใครตามเก็บข้อมูลเลย........ จึงไม่ค่อยปรากฎแนวคิดใหม่ ๆ ทันโลก ทันยุค ......นักกฎหมายไทยไม่เคยสร้างทฤษฎีทางกฎหมายใหม่ ๆ ขึ้นมา ....... มีแต่แนวคิดตามก้นต่างประเทศ.....ไม่มีแนวคิดตนเองที่สอดคล้องกับสังคมตนเอง ไม่เข้าใจในเชิงเหตุและผลกฎหมายกับสังคม ในประเทศไทย มีแต่กฎหมายเก่า ๆ คร่ำครึ การเรียนกฎหมายเป็นเพียงการท่องจำ เพื่อให้แม่นยำในการเอาไปอ้างอย่างล้าหลังต่อไปเท่านั้น .......... และนั่นคืออุปสรรคของการพัฒนาประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ .... อันเป็นยุคที่กฎหมายจะถูกสร้างขึ้นจากคนชั้นรากหญ้าของสังคม.............(เพราะจะมีคนที่มีดีกรีในมหาวิทยาลัย ในสถาบันกฎหมาย...ฯลฯ....คอยออกมากำราบ โดยอ้างอะไร ๆ ที่ตนจดจำมาได้อย่างแม่นยำ....พร้อมที่จะเหยียดหยามว่าคนรากหญ้าไม่รู้หลักกฎหมาย..และยับยั้งคนรากหญ้าที่จะสร้างกฎหมายขึ้นมาตามหลักการของประชาธิปไตย ...... นั่นคือกฎหมายของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน...... ประมาณนี้)
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย ธีระพงษ์ วันที่ตอบ 2011-07-20 09:28:48 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 115482 |