............พระอาจาย์ครับ ผมขอถามพระอาจารย์ว่าตัวผมรู้ความคิดของคนอื่นที่ผมได้พูดคุยว่าเขาคิดอะไรกับผม ผมอยากถามพระอาจารย์ว่า!!    สิ่งที่ผมรู้ความคิดคนอื่นนั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือหลอกตัวเอง  แต่หลายครั้งก็เป็นจริงอย่างที่ผมรู้ ทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็รู้ว่าผู้นั้นคิดไม่ดีกับผม แต่ผมก็คิดดีกับเขา แต่สุดท้ายผมก็ต้องเสียใจทุกครั้ง อยากขอถามพระอาจารย์ว่าผมจะแก้ไขตรงนี้อย่างไรครับ ทั้ง ๆ รู้ว่าเขาไม่จริงใจ เพราะหลายครั้งคนนั้นก็แสดงออกว่าเขาเป็นจริงอย่างที่ผมคิดและเข้าใจ ผมจะต้องแก้ไขตัวเองอย่างไรครับ จึงขอให้พระอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยผมจะได้ไม่ต้องเสียใจอีก !

ผู้ส่ง:
+66808366625

ศูนย์ข้อความ:
+66818310890

ส่งแล้ว;
22 เม.ย.2556
14:07:04

อุเบกขาสิ ไม่ดีใจเมื่อเขาชม ไม่เสียใจเมื่อเขาว่า เคยเห็นคติธรรมแหลมคมติดกระจกรถของวัดแห่งหนึ่ง ว่า จงยิ้มเมื่อเขาเยาะ  จงหัวเราะเมื่อเขาเย้ย และจงเฉยๆเมื่อเขาชม ทำได้อย่างนี้จิตจะเบาสบายจากความยึดมั่นถือมั่น  

 ทำอย่างนี้ความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเราจะลดลงสมาธิและปัญญาจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ

คุณอย่าคิดในเชิงศาสนาลึกลับมากจนกระทั่งลืมความเป็นธรรมดาไป

เมื่อคุณสามารถที่จะรู้ความคิดของคนอื่นได้นั้น   ย่อมเป้นสิ่งที่จะอำนวยประโยชน์ให้คุณอย่างมากมาย  คุณทำไมไม่คิดที่จะใช้ความสามารถพิเศษนี้อำนวยประโยชน์ให้คุณเอง

ตามเรื่องที่เล่ามา   คุณได้รู้ความคิดของตนที่อยู่ใกล้ชิด   แต่เป็นความคิดที่เขาจงเกลียดจงชังเรา คุณรู้ว่าเขาเกลียดชังเราแล้วคุณก็ไม่พอใจ  คุณไปเสียอกเสียใจ เป็นทุกข์ในเรื่องที่ว่าทำไมเขาจึงจงเกลียดจงชัง และคิดลำเอียงต่อเรา

ผมขอบอกว่า  คุณจงอย่าไปเอาเรื่องที่เขาเกลียดชังเรามาเป็นเหตุทุกข์ร้อนใจเลย   ผมจะแนะนำให้   คุณจงทำเสมือนว่าคุณไม่รู้ความคิดของเขา  ทำเหมือนว่าไม่รู้ว่าเขาเกลียดชังเรา   แต่จงทำตัวปกติ ๆ  เสมือนว่าเราคบกัน  ทำงานด้วยกัน  ไปวัน ๆ เท่านั้น และถ้าให้ดีจงทำเสมือนว่าเขานั้น รักเรา   ทำตรงข้ามกับที่เขาคิด และทำความดีไปเรื่อย ๆ

และคุณจงเฝ้าติดตามความคิดของเขาไป  วันหนึ่งความคิดเขาจะเปลี่ยนไปได้  เพราะไม่มีใครที่จะเกลียดชังใครไปตลอดชีวิต   ศัตรูก็ใช่ว่าจะชังเราไปตลอดกาล   ดีเสียอีกที่เรารู้ว่าเขาคิดอย่างไรต่อเรา   ถ้าเกิดเขาคิดร้ายหมายเอาชีวิตเรา  นั้นย่อมเป็นการดีไม่ใช่หรือ   ดีในด้านที่เราจะได้ป้องกันตัวเอง  และแก้ไขเรื่องใหญ่เรื่องร้ายให้เป็นเบาลงได้

วันหนึ่งเขาก็จะเข้าใจเราครับ  เมื่อเขารักเรา เราก็ย่อมรู้ในความรักของเขา   เมื่อนั่นชีวิตย่อมเป็นสุข  เพราะได้เพื่อนแท้

จงคอยเวลาที่ศัตรู กลับเป็นมิตรครับ   จงทำความดีเพื่อศัตรูกลับเป็นมิตร   แต่จงทำเป็นไม่รู้ว่าเขาคิดไม่ดีต่อเรา  เราเพียงเก็บเอาความคิดที่ร้ายของเขา และติดตามความคิดนั้นไปเรื่อย ๆ  แต่อย่ามีกริยาอาการใด  ทำเสมือนว่าเราไม่รู้   ในวันหนึ่งเขาก็คงจะกลับใจมาคิดดีต่อเรา   เขาอาจจะค่อยผันเปลี่ยนมาทีละน้อย ๆ  ก็ได้   นั่นเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น  ที่เราได้เห็นได้รู้ความคิดที่เปลี่ยนแปลงไป   มาเป็นมิตรกับเรา 

ต้องเอาความรู้นี้ไปใช้ในเชิงยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ซีครับ 

คือเพื่อที่จะเอาชนะเขานั้นง่ายมาก  ถ้าคุณรู้ความคิดของเขา 

คุณจงหลอกลวงให้เขาเข้าใจผิดในตัวคุณ.....ให้เขาเกิดความสับสนในตัวคุณ ......... แล้วเฝ้าดูความคิดของเขาว่าเขาคิดจะตอบโต้อะไร........... เราตามทราบ  รู้เท่าทันหมด    นี่สิ   เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ...............

โดยคุณต้องเก็บความลับ ในเรื่องที่ว่าคุณรู้ความคิดเขา(หรือคนใดใด)เอาไว้อย่างสนิท 

เช่นคุณอาจแสร้งหัวเราะฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ  ขึ้นมา   คุณสังเกตว่าเขาคิดอย่างไร    เขาสับสนหรือไม่    ถ้าเช่นนั้น คุณจงสร้างความสับสนในความคิดเขาต่อไป   คือหมายความว่า  เขาไม่แน่ใจว่าเราคิดอะไรต่อเขา  นั่นเอง

 เราก็แสร้งทำให้เขาคิดว่า  เราเป็นมิตรกับเขา   หรือ   เป็นศัตรูกับเขา แน่ ..............   ทำให้เขาสับสนไปเรื่อย ๆ   แล้ววันหนึ่งเขาก็จะคลายความเชื่อมั่นในคติหรือความคิดเดิม     เขาก็จะกลับมายอมรับเราได้

ขอให้คุณอ่านความคิดเขาได้อย่างชัดเจน ละเอียด   กระทั่งฟังเสียงความคิดเขาออก..........  นั่นแหละประโยชน์อันยิ่งใหญ่   แต่คุณต้องเก็บไว้เป้นความลับอย่างยิ่ง

การรู้ความคิดของคน  หมายถึงคุณได้ล่วงรู้แผนการ และความมุ่งหมายของเขาทุกชนิด    นั่นคือประโยชน์ในการทำเชิงยุทธศาสตร์และยุทธวิธีของเรา  ที่ไม่มีวันจะพ่ายแพ้เลย

 ประเด็นคือ   เมื่อคุณรู้ความคิดของคนอื่น  ทำไมคุณไม่เอาสิ่งนี้ไปหาความได้เปรียบจากคนอื่น  เช่นล้วงความลับของคนอื่น เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ของคุณเองอย่างดี  คุณกลับไปตื่นเต้นวิตกในความคิดของเขา  ที่เขาไม่ชอบเรา   เป็นต้น 

ในเรื่องนี้    ประสิทธิภาพในการรู้ความคิดของคนอื่น  อาจจะไม่ยั่งยืนก็ได้   คือมีการเสื่อมลงได้

คุณต้องศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ทราบถึงเหตุของมันอย่างชัดเจน  ..........  คือต้องรู้วิธีที่จะอนุรักษ์สมรรถภาพอันนี้เอาไว้ให้ยั่งยืน ..........  ถ้าเพียงว่าเป็นเหตุบังเอิญ  ก็ยากที่จะดำรงคุณภาพนี้ไว้ได้  เพราะวันหนึ่งก็จะเสื่อมสิ้นสมรรถภาพ เพราะเราบำรุงรักษาไม่เพียงพอ หรือ ไม่ถูกวิธี  

การรู้ความคิดของคนอื่น   เป็นเรื่องที่เป็นได้  โดยทั่วไปก็โดยการอนุมาน............  แต่ชนิดที่ได้ยินเสียงความคิดของคนอื่นออกมาตรง ๆ อย่างได้ยินคำพูดเขาเองนั้น  ยาก   ต้องมีสมาธิจิต และกสิณ สูงลุ่มลึกมาก