ReadyPlanet.com


จะอธิบายอย่างไรในประเด็นศาสนากับประชาธิปไตย หมายถึงศาสนาประชาธิปไตยศาสนาใหม่ของมวลมนุษย์หรือ?


วิเคราะห์เจาะลึกในความคิดเห็นของท่านผู้อ่าน  ประเด็นนี้เป็นประเด็นการศึกษาธรรมชาติความใฝ่ฝันของมนุษย์ในใจลึก ๆ ของคนทั้งหลาย อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการในเมื่อได้อัตภาพเป็นชีวิต ๆ หนึ่งขึ้นมาในโลกนี้ ท่านคิดว่ามันคืออะไร โปรดแสดงความคิดปรัชญาของท่านออกมา เพื่อการศึกษาวิจัยหาคำตอบร่วมกันอย่างเปิดเผยในหน้านี้ เพื่อความรู้ที่แท้จริงอันจะเป็นทฤษฎีชีวิตของคนทั้งหลายต่อไป

เราอาจจะพูดไปก่อนก็ได้ว่า  เริ่มด้วยเรื่องเก่า ๆ คือศาสนา   และมาสู่เรื่องใหม่ ๆ คือประชาธิปไตย  



ผู้ตั้งกระทู้ บุษบา บุญเสฏฐ์ :: วันที่ลงประกาศ 2011-03-31 08:45:49


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3289810)

เรื่องศาสนาเป็นเรื่องเก่า ........   อย่างไร ?

หมายความว่าอย่างไร ? 

 

และเรื่องใหม่ ๆ คือเรื่องประชาธิปไตยหรือ? 

 

หมายความว่า   เป็นเรื่องที่ล้าหลังหรือเปล่า ?      ศาสนาเป็นเรื่องที่ล้าหลัง   อย่างนั้นหรือ ?   

และประชาธิปไตยเป็นเรื่อง  ทันสมัย   กระมัง   มองอย่างไร ?

ผู้แสดงความคิดเห็น xxx yyy วันที่ตอบ 2011-03-31 12:19:36


ความคิดเห็นที่ 2 (3289811)

ในทัศนะของผม  ศาสนาเป็นเรื่องราวของคนโบราณ...........................ผมหมายถึงเป็นความคิดของคนโบราณ........

 

ประเด็นของผมคือ   ความคิดของคนโบราณนั้น   ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า    สำหรับยุคนี้.....

 

เราน่าจะมาวิเคราะห์ตรงประเด็นนี้........

ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-03-31 12:34:59


ความคิดเห็นที่ 3 (3289855)

แล้วแต่ว่าจะคิดอย่างไร............

ถ้าคิดแบบว่า............มีเทพเจ้า     อย่างเช่นที่มีรายงาน(ของนักวิทยาศาสตร์)ออกมา  ว่าชาวอินเดียโบราณเชื่อว่ามีเทพเจ้า  แล้วมีเทพเจ้าของอินเดียเต็มไปหมด........แทบว่าในอนูของอากาศเต็มไปด้วยเทพเจ้า.......นับหมื่น...แสนองค์...........แล้วเป็นสาระสำคัญของศาสนาพราหม.............อย่างนี้แหละ ตัวอย่างของความคิดเก่า ๆ แบบดั้งเดิมจริง ๆ ของมนุษยชาติ .....................ตัวอย่างที่ว่าศาสนาเป็นเรื่องของคนโบราณ  ............   อันเป็นต้นเหตุของกระทู้นี้ที่ว่า.........................เรื่องเก่า ๆ คือศาสนา   และเรื่องใหม่ ๆ คือ ประชาธิปไตย......

แล้วมาถึงยุคของพระพุทธเจ้า ๆ ทรงสร้างศาสนาพุทธ   ............  เวลานั้นมัน 2553 ปีล่วงมาแล้ว   ถ้าถือว่าศาสนาพุทธถูกสร้างขึ้นโดยคนโบราณ    ก็ถูกเหมือนกัน  .................

 

แล้วมาถึงยุคของพระเยซู...................พระเยซูทรงสร้างศาสนาคริสต์ เมื่อประมาณ 2011 ปีล่วงมาแล้ว.............. ถ้าถือว่าศาสนาคริสต์ถูกสร้างขึ้นโดยคนโบราณ    ก็ถูกเหมือนกัน

 

แล้วมาถึงยุคพระมุฮำมัด ๆ สร้างศาสนาอิสลาม   มา 1400 ปีเศษ ๆ แล้ว   ก็ถือว่าเป็นผลงานของความคิดของคนโบราณ เหมือนกัน  

 

สรุป     ศาสนาเป็นความคิดของคนโบราณ   ................. ประเด็น  ยังคงเป็นคำถามที่ว่า  

แล้วคนยุคนี้ยังเชื่อถือความคิดของคนโบราณอยู่ได้อย่างไร ??????

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2011-03-31 19:28:16


ความคิดเห็นที่ 4 (3289856)

แล้วคอมมิวนิสต์ เป็นความคิดของคนโบราณหรือเปล่า ?

ความคิดที่ว่า    ศาสนาเป็นยาเสพติด.......   นี่ก็เป็นความคิดของคอมมิวนิสต์...........

 

ถ้าคุณมองศาสนาว่าเป็นความคิดเก่า ๆ   คุณก็อาจจะเห็นด้วยกับคอมมิวนิสต์   ที่มองศาสนาว่าเป็นสิ่งไร้สาระ  และยังเป็นโทษฐานเป็น   ของเสพติดอีกด้วย   ..................

 

อาจจะมีความคิดโบราณที่ยังใช้ได้อยู่บ้างละกระมัง ......?

 

และอะไรบ้างล่ะ ที่ยังใช้ได้...............

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายบัฟฟาโล(นายควาย) วันที่ตอบ 2011-03-31 19:37:06


ความคิดเห็นที่ 5 (3289857)

ระบอบเผด็จการไง    .......................

 

สืบมาจากฮิตเลอร์....................ถึง   เหมาเจ๋อตุง    .................

 

ในไทยก็มีอยู่ทุกวันนี้    เผด็จการทหาร ไง.....................ที่เลวสุด ๆ  ก็สนธิ  บุณยรัตนกลิน...........อย่าลืมมันเป็นอันขาด

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น xxx yyy วันที่ตอบ 2011-03-31 19:44:48


ความคิดเห็นที่ 6 (3291207)

คุณเห็นด้วยกับกระทู้แล้วยังที่ว่า  ศาสนาเป็นเรื่องความคิดโบราณ ?

ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-04-14 06:57:12


ความคิดเห็นที่ 7 (3291208)

แล้วคุณไปยกยอว่า ประชาธิปไตยเป็นความคิดของคนสมัยใหม่อย่างนั้นหรือ?

ผู้แสดงความคิดเห็น xxx yyy วันที่ตอบ 2011-04-14 07:00:28


ความคิดเห็นที่ 8 (3291304)

คุณต้องเข้าใจความจริงเกี่ยวกับการพัฒนา     หรือ   การวิวัฒนาการ  ของโลกเราเสียก่อนครับ

 

โดยสรุปก็คือ     วิชาการ หรือ  วิทยาศาสตร์ ทั้งปวงในยุคของเรา  ยุคใหม่นี้      ไม่ใช่อยู่ ๆ  คนก็รู้ก็ได้ทฤษฎี หลักการมา.........................................แต่   มันมีการวิวัฒนาการมา.................

 

เข้าใจไหมครับคุณ xxx yyy  ชื่อคุณนี่ขวางจังเลย  

ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-04-15 21:38:57


ความคิดเห็นที่ 9 (3291305)

เพราะฉะนั้น  อะไรที่เป็นของใหม่   มันก็วิวัฒนาการมาจากของเก่า    นั่นแหละครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-04-15 21:42:16


ความคิดเห็นที่ 10 (3291373)

ประเด็นอยู่ไหน........อย่าหลงประเด็นนะครับ..................  ไม่งั้นจะสานต่อได้อย่างไร  ???   จริงไหม   .....   คุณนะทีธาร  เผดิมพงษ์.............................ชื่อคุณนี่เย็นนะ......................เย็นฉ่ำเลย.????

ผู้แสดงความคิดเห็น xxx yyy วันที่ตอบ 2011-04-16 21:05:02


ความคิดเห็นที่ 11 (3292210)

เรากำลังแลกความคิดกันในประเด็น ศาสนาเป็นของเก่า  จริงหรือไม่  ?  

ประชาธิปไตยเป็นของใหม่  จริงหรือไม่ ?

 

เรางงตรงที่ว่า   เราอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม   รู้แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร  เรากำลังพูดเรื่องไร้สาระหรือเปล่า ??

ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-04-25 08:30:14


ความคิดเห็นที่ 12 (3293534)

ถ้าจะถามว่าศาสนาเป็นของเก่า  จริงหรือไม่  ?  ประชาธิปไตยเป็นของใหม่  จริงหรือไม่ ? 

เราอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม   รู้แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร  เรากำลังพูดเรื่องไร้สาระหรือเปล่า ??

เราในฐานะผู้อ่านคนหนึ่งคงจะบอกว่าไม่ถูกต้องทั้งหมด เราคงต้องมาชำแหละความเชื่อในลัทธิต่างๆอย่างตรงไปตรงมาเพื่อการพัฒนาสติปัญญาและการค้นหาความจริง

หลักคำสอนของศาสนาที่มีพระเจ้าเป็นความเชื่อแบบเทวนิยม มีศูนย์กลางความเชื่ออยู่ที่พระเจ้าเบื้องบน ทุกสิ่งพระเจ้าเป็นผู้สร้างและดลบันดาล มนุษย์ไม่สามารถโต้แย้งคำสอนของพระเจ้าได้โดยมีบาทหลวงเป็นผู้รับโองการมาจากพระเจ้าและต้องเชื่อฟังทุกอย่างเพราะมนุษย์เป็นมนุษย์บาปต้องทำพิธีล้างบาปกับบาทหลวงจึงจะพ้นมลทิน และมีอำนาจมากดังจะเห็นได้ในยุโรปที่เคยถูกปกครองด้วยระบอบอำนาจเผด็จการเทพเจ้า ประชาชนคนใดที่ทำตนเป็นเสรีชนหรือนักปฏิวัติทางความคิดต่อต้านระบอบเผด็จการเทพเจ้าจะถูกลงโทษสถานหนัก ดังมีหลักฐานที่รายการบันทึกโลกเคยนำเสนอว่ามีการจับคนนอกรีตมาเผาไฟทั้งเป็น ในศตวรรษที่ 15-17 หรือยุคกลางของยุโรป ที่เรียกกันว่า ยุคมืด นั้นมีการล่าแม่มดขนานใหญ่ สมมุติว่าเกิดเหตุผิดธรรมชาติขึ้นในท้องถิ่น เช่นฝนไม่ตก มีโรคระบาด สิ่งแรกที่คนสมัยนั้นจะโยนบาปก็คือแม่มด พวกชาวบ้านจะระดมกันตามล่าแม่มดตามการยุยงปลุกปั่นของบาทหลวงแล้วจับเธอมาเผาไฟทั้งเป็น และยังมีคำสอนในคัมภีร์ไบเบิ้ลและคัมภีร์อัลกุรอานที่ข่มขู่มนุษยชาติอีกว่าหากใครไม่ศรัทธาพระเจ้าจะลงโทษให้ตกนรกเพลิงในวันสิ้นโลก หากใครศรัทธาจะได้ขึ้นสวรรค์และพ้นบาป แม้ในศาสนาพราหมณ์เองก็มีการจับมนุษย์และสัตว์จำนวนมากมาบูชายัญเพื่อสังเวยเทพเจ้า นี่คือความเชื่อของศาสนาในยุคเก่าที่ล้าหลัง

ส่วนศาสนาที่ไม่มีพระเจ้า จะให้ความสำคัญกับการเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจสูงมีคุณธรรม มีความรักเมตตาต่อสัตว์โลกทุกชีวิต ไม่กดขี่ข่มเหงเบียดเบียนกัน มีเสรีภาพทางความคิดที่จะเลือกเชื่อหรือไม่เชื่อลัทธิใดๆก็ได้ เพราะให้ความสำคัญกับการพัฒนาสติปัญญา เข้าใจโลกและชีวิตตามที่เป็นจริง และใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาระดมความคิดเพื่อพิสูจน์ความจริง

หากจะถามว่าประชาธิปไตยเป็นของใหม่จริงหรือ ?

ก็ต้องย้อนกลับไปดูหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอริยสาวกท่านเป็นนักปฏิวัติความเชื่อ ท่านสอนให้มนุษยชาติเคารพในเกียรติศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นโดยไม่มีชั้นวรรณะ ละเลิกจากการกดขี่ข่มเหงเบียดเบียน เลิกละจากความเชื่อที่เหลวใหล เลิกกดขี่ข่มเหงทางความคิดเพราะขัดขวางการพัฒนาสติปัญญาพร้อมกับเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความจริง 

คราวนี้ลองหันมาวิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยหรือในโลกมุสลิมที่ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลเผด็จการ  ก็เพราะประชาชนได้เข้าใจสัจธรรมแล้วว่า ได้ถูกกดขี่ข่มเหงให้ได้รับความลำบากยากจน ประชาชนต้องการใช้สิทธิในการเลือกผู้นำของเขาเอง เพราะชาวโลกกลุ่มแรกคือประเทศในยุโรปและอเมริกานี่เองที่ได้ปฏิวัติความเชื่อเสียใหม่ว่า ไม่มีอำนาจใดที่จะยิ่งใหญ่เท่าอำนาจของประชาชนจึงเกิดการปฏิวัติทางภูมิปัญญาเสียใหม่ในยุคเรอเนสซองค์ เพราะทนกับยุคมืดที่จับคนบริสุทธิ์มาฆ่ามาขังไม่ไหว คนเสื้อแดงและประชาชนในโลกมุสลิมก็กำลังต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เขาต้องการเลือกผู้นำประเทศด้วยตนเองตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อเป็นหลักประกันว่าเขาจะได้ผู้นำที่รักและให้เกียรติประชาชน  ยอมให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้พิพากษาว่าจะเลือกหรือไม่เลือกเขาเข้ามาบริหารประเทศ

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-05-08 02:02:52


ความคิดเห็นที่ 13 (3293535)

คราวนี้เราลองมาวิเคราะห์ว่า การเป็นประเทศประชาธิปไตยและมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ยังมีอะไรที่ขาดตกบกพร่องอยู่ที่ต้องได้รับการพัฒนาประชาธิปไตยต่อไป 

จากปรากฏการณ์อุสซามา บิลลาเดน หัวหน้ากลุ่มอัลเคดา ส่งเครื่องบินถล่มตึก เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อ 11 ก.ย. 2544 และล่าสุดหน่วยซีไอเอของสหรัฐอเมริกา บุกจู่โจมเข้าสังหารอุสซามา บิลลาเดน เมื่อ 3 พ.ค. 2011 และหลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วโลก ได้เห็นคนอเมริกันส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจที่ได้ฆ่าศัตรูตัวฉกาจอย่างบิลลาเดน แต่หลังจากดีใจได้ไม่นานคนอเมริกันก็ต้องขวัญผวาเมื่อกลุ่มอัลกออิดะห์ประกาศจะเดินหน้าการก่อการร้ายต่อไป และเหตุการณ์ที่นายบิลลาเดนถูกสังหารโหดโดยมีข่าวว่าเขาไม่มีอาวุธอยู่ในมือ และศพของเขาถูกฝังลงในทะเลโดยยังไม่ได้รับการทำพิธีตามความเชื่อของศาสนาอิสลามก็ยิ่งสร้างความร้าวฉานระหว่างลัทธิความเชื่อ 2 อุดมการณ์ระหว่างโลกตะวันตกกับโลกมุสลิม

เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาต้องการเป็นประเทศมหาอำนาจ เป็นตำรวจโลก แสนยานุภาพของกองทัพสหรัฐไม่มีประเทศไหนเทียบได้ ส่งกองทัพเข้าไปในอิรัค อาฟกานิสถานและยังไม่มีทีท่าจะสงบ ประชาชนอเมริกันต้องแบกรับภาระภาษีที่สูงขึ้น และปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อแลกกับการเป็นมหาอำนาจ ในขณะเดียวกันรายได้หลักก็มาจากการค้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับรัฐบาลของประเทศต่างๆ หลายประเทศนำรัฐบาลนำมาปราบปรามประชาชนที่ต่อต้าน เพราะคนอเมริกันเคยชินกับการเป็นนักบริโภคนิยม ขณะนี้มองไปทางไหนชาวอเมริกันก็มีแต่ศัตรู เคยมีเหมือนกันที่ประชาชนผู้รักสันติออกมาต่อต้านสงคราม  แต่กระแสนี้ก็ค่อยๆลดลงๆ  เพราะในเมื่อรัฐบาลได้ก่อความรุนแรงขึ้นแล้วก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการโต้ตอบกลับด้วยความรุนแรง 

ระบอบประชาธิปไตยโลกจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องหันมามองเพื่อนมนุษย์ต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมอย่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ประเทศเล็กดูแลประเทศใหญ่ จะมีสักครั้งไหมที่มนุษยชาติจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขโดยลดละความเห็นแก่ตัวเป็นมหาอำนาจในแบบที่มีใจเป็นใหญ่ เป็นนักบุญที่เผยแผ่ความรักความเมตตาไปยังเพื่อนร่วมโลกเพื่อยุติสงครามและความเร่าร้อน  ผู้นำประเทศมหาอำนาจทั้งหลายน่าจะลองศึกษาชีวประวัติของพระเจ้าอโศกมหาราชผู้เปลี่ยนจากทางบาปมาเดินในทางบุญ 

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-05-08 02:58:15


ความคิดเห็นที่ 14 (3293714)

คือศาสนาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยโบราณน่ะครับ    ประเด็นอยู่ตรงนี้ 

 

ศาสนาเป็นผลิตผลของความคิดของคนโบราณ น่ะครับ  

 

เช่น   ความคิดว่า   พระเจ้าสร้างโลกของเรา และให้โลกเราเป็นจุดศูนย์กลางของจักรภพ  ดาวอื่น ๆ  หมุนรอบโลก  เป็นบริวารโลก

 

แต่  กาลิเลโอ   มีความคิดใหม่  เพราะได้ดูความจริง  เอากล้องส่องทางไกลมองดู  สังเกตดู  ก็เห็นความจริงว่าแท้จริงโลกเราเป็นบริวารดวงอาทิตย์   และรู้ไปอีกว่า   โลกเกิดจากการที่กลุ่มสารระเบิดออกมาจากดวงอาทิตย์  เมื่อหลายแสนหลายล้านปี   ไม่ใช่พระเจ้าสร้างขึ้นใช้เวลา 7 วันเท่านั้น

 

พอความคิดใหม่นี้ออกมา  คนก็ยังไม่เชื่อ    กาลิเลโอจึงถูกลงโทษฐานที่กล่าวความจริง 

 

 

สรุป       ความคิดเก่าอาจจะผิดก็ได้

 

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ความคิดเก่า  ไหนผิด  ไหนถูก....?

 

อาจจะผิดทั้งหมดก็ได้  ............

 

 

และเนื่องจากศาสนาเป็นต้นเหตุของการปกครอง.................................. ก็อนุมานได้ว่า    เมื่อตั้งบนหลักการที่ผิด   การปกครองก็ย่อมจะผิดไปด้วย 

 

 

เช่นความคิดเก่าจากศาสนาคริสต์  ว่า   โลกเป็นของที่พระเจ้าสร้าง  มนุษย์จึงต้องเป็นหนี้พระเจ้า  และเชื่อฟังพระเจ้า  และอยู่ใต้การปกครองของพระเจ้า   แต่พระเจ้าทรงให้ตัวแทนพระองค์ปกครองมนุษย์....................  โดยให้โป๊ปที่กรุงโรมเป้นผู้ปกครองแทน  มีคณะบาดหลวงเป็นคณะผู้ปกครอง...................................

 

เรียกว่า   คณะตัวแทนจากสวรรค์   ที่มนุษย์จะต้องเชื่อฟังอย่างไร้การสงสัยใดใด........(ห้ามถาม)..............ทางโป๊ปสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ..............  พวกคริสต์  จึงทำสงครามกับอิสลามได้     โดยเพียงเพราะ   มีความเชื่อฟังโป๊ปและคณะผู้ปกครองตัวแทนสวรรค์เท่านั้นเอง  

 

ก็พบว่า   นี่เป็นความคิดที่ผิด...................................อีก...............

 

สรุป   เรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล  เป็นเรื่องความคิดเก่าทั้งนั้น  เอามาใช้ในยุคมนุษย์ฉลาดไม่ได้..........เอามาเป็นหลักการปกครองก็ไม่ได้

 

ความคิดใหม่จึงเกิดขึ้นมาแทน    ทางการปกครอง   จึงมีระบอบประชาธิปไตยขึ้นมา

 

ผมว่า  ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกครับ..........

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นะทีธาร เผดิมพงษ์ วันที่ตอบ 2011-05-09 22:07:40


ความคิดเห็นที่ 15 (3296176)

ผมว่าไม่ต้องมีศาสนาหรอก   มีประชาธิปไตยก็พอแล้ว   เพราะประชาธิปไตยนี่แหละ  คือศาสนาใหม่ของชาวโลก..............

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง วันที่ตอบ 2011-05-31 19:58:52


ความคิดเห็นที่ 16 (3299708)

กระจกเงาให้แง่คิดว่า  ศาสนามี 2 ชนิดคือศาสนาเทวนิยม   กับ  ศาสนาอเทวนิยม 

อย่างแรกเห็นชัดครับว่าเป็นทฤษฎีเผด็จการ   สืบมาเป็นการปกครองแบบเผด็จการ   ปรากฎในยุโรปก่อน แล้วแผ่มาตะวันออกกลาง   คือคริสต์และอิสลาม   สร้างระบอบการปกครองเทวนิยม  ตัวแทนเทพเจ้าขึ้นปกครองมนุษย์ เรียกว่าคณะตัวแทนเทพเจ้าบนโลกมนุษย์ โดยมีหลักการว่า  มนุษย์-โลกถูกสร้างโดยพระเจ้า  มนุษย์จึงเป็นหนี้บุญคุณพระเจ้า  ต้องชดใช้ด้วยความเป็นทาส ผู้เชื่อฟังอย่างไร้การโต้เถียงโต้แย้ง    2 ศาสนานี้ก็เลยรบกันอยู่ถึง 300 ปีได้  เพราะมีการขัดกันเรื่องของพระเจ้าองค์ที่แท้จริง   โดยที่กษัตริย์และทหารคอยรับคำสั่งจากผู้นำทางศาสนาให้ไปรบ ก็เกณฑ์ประชาชนไปรบ จนคนตายหมดก็ถึงกับเกณฑ์เยาชนไปรบกันต่อ(เรียกว่ายุวชนครูเสด) ไปรบกัน  ทั้ง 2 ฝ่าย   ก็เป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ ยาวนานที่สุดของมนุษยชาติ เพราะรบกันชั่วโคตร ถึงรุ่นลูก หลาน เหลน และโหลน แม้ขณะนี้ก็ยังรบกันอยู่ในบางท้องที่  จนคนสมัยใหม่เช่นกาลิเลโอ ออกมาประกาศข้อมูลใหม่ ที่ขัดกันกับสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสไว้   คนจึงเริ่มจะสงสัยในสัจธรรมในคัมภีรศาสนา  และเริ่มใช้มันสมองของมนุษย์เองในการค้นหาความจริง  และครั้นวิทยาการว่าด้วยการวิจัยความรู้ใหม่เกิดขึ้น    ประกอบกับคนในศาสนาเทวนิยมได้มาเรียนรู้หลักการศาสนาพุทธ ที่มีหลักคำสอนเกี่ยวกับความเสมอภาค ไม่มีชั้นวรรณะ  โดยพระพุทธเจ้าตรัสว่า  การเป็นพราหมณ์-การเป้นคนดี คนชั่วนั้นเป็นได้ด้วยความประพฤติ ไม่ใช่เป็นได้เพราะการสืบสกุลมา หรือโดยวิธีการอื่นนอกจากการกระทำของมนุษย์เอง  ก็ยิ่งได้พบความหมายของมนุษย์เองมากยิ่งขึ้น  จนกลายเป้นความหมายของการปกครองของระบอบประชาธิปไตยต่อมา

กระจกเงาดูเหมือนจะได้ข้อสรุปว่า  ศาสนาที่ว่าด้วยมนุษย์ก็คือศาสนาอเทวนิยม พุทธศาสนา    และหลักการของประชาธิปไตย มาจากหลักการของพระพุทธศาสนา   แต่นำมาซึ่งหลักการปกครองประชาธิปไตยอย่างไร  ??    นี่คือประเด็นใหม่

 

แต่ประเด็นเก่าก็ยังคงมีคำถาม   ว่าศาสนาพุทธก็เป็นศาสนาของคนโบราณ  เหมือน ๆ ศาสนาคริสต์  และ อิสลาม  ซึ่งคนยุคใหม่ยังต้องศึกษาต่อไปว่า  หลักการหรือแนวคิดในศาสนาพุทธ  ส่วนไหนที่ล้าหลัง   ส่วนไหนที่ทันสมัยใช้ได้  หรือส่วนไหนที่ตรงกับหลักการประชาธิปไตย  มองอย่างไร  ?  จริงหรือไม่ ?

และประชาธิปไตยเป็นศาสนาใหม่   มองจากหลักการอะไร  อย่างไร ?  การจะศึกษาลัทธิประชาธิปไตย ศึกษาจากอะไร ?  ใครเป็นศาสดา  ?

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บัวระย้า ชะบาบุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2011-07-01 05:30:56


ความคิดเห็นที่ 17 (3302441)

เพื่อความเข้าใจในวงกว้าง ๆ  ลองอ่านบทความนี้นะครับ   ประเด็นประชาธิปไตยกับศาสนาในพม่า

 

นางอ่องซาน ซูจี ในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของ การเมืองพม่า ปีนี้อายุ 64 ปี ได้มีเหตุการณ์ที่มาบรรจบกันในปีนี้หลายอย่าง ประการที่ 1 เป็นปีที่ครบกำหนดการควบคุมตัวของรัฐบาลพม่า ซึ่งเมื่อครบกำหนดแล้ว   ก็จะต้องปล่อยตัวนางอ่องซาน ซูจี   ออกมาเป็นอิสระ เป็นประชาชธรรมดาหนึ่งผู้พ้นโทษ    แต่เมื่อมาถึงเวลานี้ รัฐบาลพม่ากลับกล่าวหาเธอไปอีกเรื่องหนึ่งคือกล่าวหาว่าเธอได้ละเมิดข้อตกลงในการที่ถูกควบคุมตัว โดยปล่อยให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้าไปพบและพักอาศัยในที่คุมขังด้วยเป็นเวลาหลายคืน และขณะนี้รัฐบาลพม่าก็เอาเรื่องนี้ฟ้องศาล และได้ควบคุมตัวนางอ่องซาน ซูจีไว้ในเรือนจำ พร้อมกับพรรคพวกอีกกว่า 2000 คน ตามข่าวที่ดังไปทั่วโลกในขณะนี้
โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นี่เป็นการหาเรื่องรังแกผู้นำพรรคฝ่ายค้าน อย่างไม่เป็นธรรม อีกครั้งหนึ่งที่สำคัญ   
 
 
สิ่งที่ให้ความมั่นใจแก่รัฐบาลทหารพม่า มี 2 อย่างคือ  
1.   มีมหามิตรคือจีน หนุนหลังอยู่ ซึ่งจีนนี้แหละที่ดำเนินนโยบายการเมืองแบบเดียวกับพม่า แม้กระทั่งการวัฒนธรรมการเมืองก็คล้ายคลึงกัน   ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ต่อต้านตะวันตก   ก็เข้าใจกันดี   

ประการที่ 2 พม่าเป็นประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างค่อนข้างเคร่งครัด ทหารพม่าก็เคร่งครัด นับถือในพระพุทธศาสนา    การเคร่งครัดในหลักพระพุทธศาสนานี้ ก็คือ ทำความดี   และรัฐบาลพม่า ทหารพม่าก็เชื่อตนเองว่าได้ทำความดี   มีความสุจริตจริงใจต่อประเทศชาติและประชาชน    เห็นได้จากการจัดตั้งเมืองหลวงใหม่ รัฐบาลทหารพม่า ก็ยังคงเอาแนวคิด วังกับวัด (อย่างที่คนไทยคิด ในแบบเดียวกันนี้) ไปจัดตั้งเมืองหลวงใหม่   ในขณะนี้กำลังก่อสร้างทำเนียบรัฐบาล สภานิติบัญญัติหรือที่อ้างว่าสภาผู้แทนราษฎรแห่งชาติ แล้วยังดำเนินการสร้างพระมหาเจดีย์ชเวดากองขึ้นมาควบคู่กับฝ่ายบ้านเมืองด้วย โดยเปิดเผยทางสื่อมวลชนไทยเราเกี่ยวกับเหตุการณ์ในพม่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ 
 
นอกจากนี้ รัฐบาลพม่าทำการปราบปรามกะเหรี่ยงต่างชาติ คือ เคเอ็นยู กะเหรี่ยงคริสต์ มาโดยตลอด โดยเห็นว่าพวกนี้เป็นกบฏ ทั้งต่อบ้านเมืองและศาสนาประจำชาติ    นี่คือสิ่งที่ทหารพม่าคิดว่าตนได้กระทำความดีอยู่แล้ว ตนเป็นชาวพุทธที่ดีอยู่แล้ว   ซึ่งความคิดนี้จะสอดคล้องกับความคิดผู้นำประเทศพุทธศาสนาเถรวาท เช่นไทย ลาว กัมพูชา และแม้ประเทศจีน ซึ่งเป็นมหายานก็ตาม 
 
 
แต่ นี่คือสิ่งที่เป็นความคับแคบในความเชื่อ เป็นความจำกัดทางความเชื่อ เพราะโดยศาสนาพุทธแล้ว มีพุทธธรรมที่กว้างขวางไม่จำกัด จึงทันสมัย ทันยุคอยู่ตลอดเวลา      สมกับบทสรรเสริญพระธรรมว่า   อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาล
 
ตามที่ชาวพุทธมี ธัมมานุสสติว่า

สวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม      พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ;
สนฺทิฏฐิโก,                        เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็ฯได้ด้วยตนเอง;
อกาลิโก,                           เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล;
เอหิปัสฺสิโก,                        เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด;
โอปนยิโก,                         เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว;
ปจฺจตฺตํ เวทิตปฺโพ วิญฺญูหีติ,   เป็นสิ่งที่ผู้รู้ ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ; 
(มาจาก ธชัคคสูตร)
 
ซึ่งเป็นความผิดพลาดในความเชื่อ ที่จำกัดตนเองเกินไป ขัดหลักการพระพุทธศาสนาที่ว่ามานี้ ซึ่งจะคล้าย ๆ หรือเหมือนกับสันติอโศกที่จะบังคับให้ประชาชนไทยทั่วประเทศทำแต่ความดี โดยกินมังสวิรัติ เหมือนตน


นี่เป็นส่วนที่ชาวพุทธทั่วไปทางฝ่ายเถรวาท เช่นพม่า ไทย บางส่วน ยังบกพร่องอยู่ ยังแคบอยู่ และเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงยังไม่เข้าใจศาสนาพุทธ ในความหมายของ ความเป็นธรรมชาติ ความเป็นวิทยาศาสตร์ และ ความเป็นประชาธิปไตย  ซึ่งแท้จริง ชาวยุโรป อเมริกา ได้รู้จักศาสนาพุทธในประเด็นนี้มาแต่เดิม ที่พวกเขาได้ศึกษาพระพุทธศาสนธรรมมาแล้ว และพวกเขาจึงได้บัญญัติลัทธิการเมืองขึ้น ชื่อว่า ประชาธิปไตย   

 หากตนได้เป็นรัฐบาล การที่ทันสมัย อกาลิโก ทันยุคนี้บ่งบอกไปถึงความเป็นวิทยาศาสตร์ นั่นเอง 
 
 
 
 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น บก. (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-07-28 09:16:51


ความคิดเห็นที่ 18 (3326110)

ผมคิดว่า  ประเด็นปัญหาในคอลัมน์นี้ .............    ถ้าเราไปทึกทักเอาว่าประชาธิปไตยมาจากแนวคิดของศาสนาอเทวนิยม หรือศาสนาพุทธ   .................  มันก็ยังดูเหมือนว่า   ยังไม่น่าเชื่อเท่าไรในข้อที่พิศูจน์..........   ควรจะได้เสนอข้อพิศูจน์เพิ่มเติมไปอีก ให้ชัดเจนกว่านี้ ............

 

แต่ประเด็นของผมเอง  ผมอยากให้มองอย่างกลาง ๆ  ว่า .....   ควรจะมองประชาธิปไตย   อย่างประชาธิปไตยเอง   .........   ซึ่งคุณต้องอธิบายไปในลักษณะที่ว่า   ประชาธิปไตยเป็นอิสระ  เป็นตัวของตัวเองอย่างไร   ไม่ใช่เป็นทายาทของศาสนาที่โบราณ ดังกล่าว   ผมหมายความว่าศาสนาพุทธเอง  คนพุทธเองทุกวันนี้   ยิ่งบอกถึงความโบราณอย่างยิ่ง  ยิ่งไปกว่าศาสนาคริสต์  อิสลามที่คุณโจมตีเขาเสียอีก..... โดยเฉพาะพุทธไทยทุกวันนี้  แท้จริง ไม่มีลักษณะของศาสนา  แต่เป็นระบบราชการชนิดหนึ่ง และเป็นเผด็จการตัวยง  ที่ซ่อนแอบแฝงอยู่ในประเทศ  และขัดขวางประชาธิปไตยด้วยซ้ำ   ......  คุณกล่าวว่า  มีตัวแทนของพระเจ้าคือระบบโป๊ป ระบบสังฆราชแห่งศาสนาคริสต์ เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จ  สั่งการไปแล้วมนุษย์บาปจะต้องรับไปปฏิบัติ  แม้สั่งให้ไปรบกับต่างศาสนา (ตัวอย่างคือครูเสด) ก็ต้องไปโดยปราศจากการถาม  ... แม้ขนาดที่ว่าผู้ใหญ่ตายไปหมด   โป๊ปก็สั่งการเกณฑ์เด็กไปรบต่อไปอีก(ที่เรียกว่ายุวชนครูเสด) นั่นแหละครับ ............   แต่ทุกวันนี้ ศาสนาพุทธไทย  เต็มไปด้วยระบบชนชั้น  มีเจ้าขุนมูลนายกันเป็นชั้น ๆ ในระบบสงฆ์ไทย ....   ที่ประชาชนไทย  ต้องก้มลงกราบกรานอย่างราบคาบ..........และมีลักษณะเผด็จการคล้อยไปทางเฉียบขาด   คือใครโต้เถียงไม่ได้.....    นี่แหละคุณจะอธิบายว่า  เป็นที่มาแห่งประชาธิปไตยได้อย่างไร   เป็นที่มาของเผด็จการเจ้าขุนมูลนายจะถูกต้องกว่า.........    คุณจะอธิบายอย่างไร ?        

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2012-02-14 09:49:38


ความคิดเห็นที่ 19 (3326117)

ในเรื่องความเชื่อ ก็เชื่อในแบบที่คนประชาธิปไตยรับไม่ได้   เช่นเชื่อเรื่องกรรม  ..............

เท่าที่ผมสังเกตมานาน  แม้พวกเสื้อแดงเองยังเชื่อว่าใครก่อกรรมเอาไว้ในการเข่นฆ่าประชาชน 91 ศพ เดือน พ.ค.2553  นั้น  คน ๆ นั้นหรือคณะบุคคลนั้น ๆ  ก็จะได้รับการลงโทษโดยกรรม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   แล้วคนเหล่านี้ก็นั่งรอนอนรอกรรมมาลงโทษให้..........โดยตัวเองได้แต่อ้อนวอนให้กรรมมาไวไว..............มาลงโทษคนเลว...........อย่างนี้ไร้เหตุผล    เป็นความเชื่อโบราณยิ่งกว่ามนุษย์ยุคหินเสียอีก.....

 

หลังสุดก็มีเรื่องนายเอกยุทธ  อัญชัญบุตร   ที่เป็นคนโกงยอดโกง โกงแชร์คนทั้งแผ่นดินแล้วหลบหนีไปต่างประเทศจนคดีหมดอายุ  กลับมา   ..มาออกเฟสบุคดูถูกนายกรัฐมนตรีหญิงไทย และหญิงชาวเหนือ    ว่าทำอะไรไม่เป็นนอกจากเป็นโสเภณี....... สตรีชาวเหนือโกรธกันมาก.............ออกมาพูดกันใหญ่..........แต่สิ่งที่หญิงเหนือหวังก็คือ   กรรมจะต้องลงโทษนายเอกยุทธ   .......ก็พากันนั่งรอกรรม.....   แต่กรรมก็ไม่มาลงโทษ   จนนายเอกยุทธ ได้ใจ   ไปด้อมมอง นายกรัฐมนตรีหญิงในโรงแรมโฟซีซัน      แล้วมาพูดว่าไปทำอะไรลับ ๆ กับใครในห้องร่วม 2 ชม..อย่านึกว่าจะรอดสายตาคนภายนอกนะ............แม่หญิงเหนือก็โกรธอีก   แต่ก็ไม่เห็นทำอะไร   นอกจากรอให้กรรมมาลงโทษนายเอกยุทธ...............

 

แบบนี้นายเอกยุทธ  ก็หัวเราะก๊าก ๆ ๆ ๆ ๆ   แหละครับ   ผมเองก็สมน้ำหน้า   ที่แม่หญิงไปเชื่อและหวังว่ากรรมจะลงโทษให้เอง

 

ในระบอบประชาธิปไตยแห่งเสรีชน   คนต้องทำเอาเองครับ    เมื่อเห็นเขาทำร้ายเรา   ๆ  ต้องจัดการไปตามสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนดไว้     นั่นแหละประชาธิปไตย     .....   ถ้าคุณไม่ทำเอาเอง   พระเจ้าก็ช่วยคุณไม่ได้ (เพราะไม่มีพระเจ้า)     และไม่มีหรอกกรรมบ้า ๆ บอ ๆ อย่างคุณว่านั้นจะมาช่วยได้      ......

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2012-02-14 10:27:31


ความคิดเห็นที่ 20 (3326182)

คุณประชาธิปไตยไม่มีศาสนาหรือ?  

ผู้แสดงความคิดเห็น นายธรรมดา วันที่ตอบ 2012-02-14 19:35:01


ความคิดเห็นที่ 21 (3326484)

ถ้าผมจะตั้งคำถามเอากับใคร ในประเด็นศาสนานี่  ผมจะไม่ตั้งคำถามอย่างนายธรรมดา เป็นอันขาด  ......  การที่คุณคิดว่า  คนไม่มีศาสนาจะเป็นคนป่าคนเถื่อน อะไรประมาณนั้น  ........  ไม่น่าจะเป็นความคิดที่เป็นธรรม  .....

ถูกละ   คำตอบของผมมี......ผมตอบได้ว่า   ถ้าศาสนาที่มีความเชื่องมงาย  แบบที่ผมยกตัวอย่างมา  คือเชื่อเรื่องกรรมอย่างผิด ๆ .........เชื่อว่ากรรมคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยลงโทษคนชั่วคนบาปให้เราทุกอย่าง  ขอแต่ให้เราเป็นคนดี อะไรประมาณนั้น ...โดยนัยะนั้น..ถ้าเราถูกใครทำร้าย ทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม  เราสามารถอ้อนวอนให้กรรมมาลงโทษคนร้าย คนเลวนั้นได้   เหมือนที่แม่หญิงเหนือกำลังรอกรรมมาลงโทษนายเอกยุทธ  หรือ พวกเสื้อแดงรอกรรมมาลงโทษคนที่เข่นฆ่าประชาชน 91 ศพอยู่นั่น........ศาสนาแบบนี้ผมไม่นับถือ ......ผมตอบได้ว่า  ผมไม่นับถือศาสนาที่เชื่อเช่นนี้ ........   

 

แต่ผมเชื่อ...จะได้ชื่อว่าศาสนาหรือไม่ก็ตาม  ที่มีหลักการว่า   เสรีชนทำกิจการของตนไปโดยหลักสิทธิของมนุษย์ที่มีความเสมอกันในความเป็นมนุษย์   มีสิทธิที่จะไม่ถูกละเมิดซึ่งสิทธิ   ถ้าใครละเมิดสิทธิของผม ๆ มีสิทธิ์ดำเนินการป้องกันหรือเอาคืนซึ่งความเสียหายได้ทันที ด้วยการกระทำของผมเอง ที่ย่อมสามารถดำเนินการไปตามบทของกฎหมายที่บอกเอาไว้   กฎหมายก็คือกติกามวลรวมของเสรีชน   ผมหมายความว่ามีกฎหมายที่แข็งแรง ที่ตรงไปตรงมา ที่กำหนดเรื่องราวแห่งความเป็นธรรมและความยุติธรรมในสังคมเสรีชนไว้อย่างครบถ้วน   นั่นแหละชีวิตที่สมดุลและมีความสุข     และนั่นแหละคือศาสนาของผม  

    

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2012-02-18 12:46:15


ความคิดเห็นที่ 22 (3326508)

และโดยประการนี้  คุณไม่ต้องรออย่างว้าเหว่  เพื่อให้กรรมมาช่วยลงโทษคนข่มเหง ทำร้ายคุณ   ......   แต่คุณต้องดำเนินการลงโทษเขาด้วยตัวคุณเอง  โดยหลักการและวิธีที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น   ........

ทีนี้   สังคมคนเรานี้  มันมีอดีต   มันมีปัจจุบัน   และมันมีอนาคต  

ในอดีตคนอยู่ในสังคมทาส   ประชาชนเป็นทาส  และกฎหมายในอดีต มิได้รับใช้ทาส   แต่รับใช้นายทาส  รับใช้เผด็จการ  .......   นาย และเผด็จการเป็นผู้ออกกฎหมาย .....ใครออกกฎหมาย ก็แน่ละเขาออกกฎหมายเพื่อให้กฎหมายรับใช้เขาเอง รับใช้ครอบครัวเขา  รับใช้พรรคพวกเขา   เขาออกกฎหมายเพื่อให้คนทั้งหลายรู้กฎกติกาว่า คนทั้งหลายจะต้องรับใช้เขาอย่างไร จะพูดอย่างไรกับเขา จะต้องประพฤติต่อเขาและพรรคพวกอย่างไร  คนทั้งหลายจะต้องจ่ายภาษีอย่างไร  ขนาดไหน  คนทั้งหลายจะต้องถูกเกณฑ์ไปทำงานอย่างไร ที่ไหน เมื่อไร  กฎหมาย  จึงเป็นเครื่องมือของคนผู้ออกกฎหมาย................ และแน่นอน  ใช้ได้ในสังคมทาสเท่านั้น   

 

ปัจจุบันเราเป็นประชาธิปไตย    ก็จำเป็นอยู่เองที่ต้องยกเลิกกฎหมายทาสเสีย     ต้องแก้ไขกฎหมายทุกบทที่ไม่รับใช้ประชาชน เสีย      เพื่อให้กฎหมายรับใช้ประชาชน..........

เป็นเรื่องจำเป็น    คุณมีสิทธิเต็มที่ที่จะแก้ไข  หรือยกเลิกกฎหมายเผด็จการเสียทุก ๆ ฉบับ   ..........   และคุณต้องแก้ไข  และปรับกฎหมายทุกชนิดทุกฉบับ   ให้เบนทิศทางมาเพื่อรับใช้ประชาชน    เพื่อสนองเจตนารมณ์ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย .....

 

คุณต้องแก้ความคิดความเชื่อของคุณในประเด็นศาสนา     จากศาสนาความเชื่อ   มาเป็นศาสนาความจริง    ความจริงที่เป็นรูปธรรม และสิ่งที่คนทำเอาเองได้          

 

 

และศาสนาใหม่ของผมก็คือ   ศาสนาที่รับใช้ประชาชน รับใช้ประชาธิปไตย    ตัวศาสนาที่แข็งแรงก็คือศาสนาที่มีจุดหมายปลายทางที่การรับใช้ประชาชน เป็นบทกฎหมายที่แข็งแรง  มีข้อห้ามและบทกำหนดโทษอย่างเป็นธรรม และยุติธรรม 

 

 

ศาสนาในทัศนะใหม่นี้ ศาสนาไม่ใช่ความเชื่อ แต่ศาสนาเป็นความจริง    ก็คือกฎหมายนั่นเอง   ที่ต้องกำหนดเรื่องราวในตัวบทกฎหมายทั้งปวง ให้เป็นความจริง   ไม่ใช่เพียงความเชื่อ    และที่สำคัญกฎหมายจะต้องเป็นธรรม และยุติธรรม  และที่สำคัญ  ต้องรับใช้ประชาชน     รับใช้เสรีชน   

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2012-02-19 08:31:05


ความคิดเห็นที่ 23 (3329227)

แล้ววันนี้สหรัฐอเมริกากดดันไม่ให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ ด้วยการให้ประเทศสมาชิกคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งหลายประเทศก็ว่าง่าย ไม่มีใครกล้าคัดค้าน และหากอิหร่านไม่เชื่อฟังก็เตรียมใช้กำลังทางทหาร ซึ่งเป็นงานที่สหรัฐอเมริกาถนัดเพราะบุกไปโจมตีหลายประเทศแล้ว แต่สุดท้ายทุกทีที่สหรัฐบุกไปก็มีแต่ไฟสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธ์  ยังไม่มีประเทศไหนสงบสุขจริงๆเสียที ดูๆไปสหรัฐอเมริกาก็ทำตัวเหมือนพรรคปชป. ที่ไล่ล่าทักษิณและไปกดดันประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นศัตรูกับทักษิณ เหตุการณ์เช่นนี้คงจะดำเนินต่อไป เพราะไม่มีผู้นำทางจิตวิญญาณรายใดกล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาและได้แต่คิดว่าเดี๋ยวกรรมก็ตามสนองเอง ความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้ก็เห็นมีก็แต่ประชาชนของโลกเท่านั้นที่จะต้องร่วมมือร่วมใจลุกขึ้นมาพร้อมๆกันปฏิวัติความเชื่อเสียใหม่ว่า มนุษยชาติเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายร่วมกัน ทุกคนรังเกียจสงคราม รังเกียจการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง หากมนุษย์ยังใช้ความรุนแรงสงครามย่อมไม่มีวันหมดไปจากโลก โลกใบนี้ก็จะเต็มไปด้วยความเร่าร้อนทุรนทุรายเพราะอำนาจของอธรรม  

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2012-03-19 17:27:05


ความคิดเห็นที่ 24 (3356164)

คุณอยากให้อิหร่านมีนิวเคลียร์ละสิ  ?

ผมไม่เห็นด้วย

 

ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านนั้น  มีข้อแตกต่างครับ

 

สหรัฐมีนิวเคลียร์  แต่มีหลักประกันว่าสหรัฐไม่อาจจะใช้นิวเคลียร์ได้ตามอำเภอใจของใคร หรือของประธานาธิบดีเองผู้เป็นหัวหน้ารัฐบาล..................เขาเป็นประเทศที่ถูกควบคุมโดยประชาชนทั้งสหรัฐ อย่างเป็นที่เชื่อถือได้  ........  ว่ามันต้องแล้วแต่ประชาชนของสหรัฐอเมริกา.........  ระบบการบริหารตัดสินใจของเขาเชื่อถือได้ครับ  ว่ามันจะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน   ประชาชนสามารถตรวจสอบการบริหาร สั่งการของรัฐบาลได้อย่างแน่นอนเด็ดขาด  และเขามีสปิริตสูงทั้งรัฐบาลและประชาชน

 

ส่วนอิหร่านนั้นเป็นเผด็จการ เป็นการปกครองโดยคณะตัวแทนของเทพเจ้า..........ประชาชนอิหร่านคืออะไร ?  เขาสามารถตรวจสอบรัฐบาลเขาได้เพียงไหน  ......... มันไม่ได้เลย       มันเป็นคนละแบบกับสหรัฐอเมริกา............ ถ้าอิหร่านมีนิวเคลียร์   ไม่มีใครกล้าประกันได้ว่าอิหร่านจะไม่ยิงนิวเคลียร์ไปประเทศนั้นประเทศนี้ที่เป็นศัตรูของเขา ..........  ได้อย่างง่ายดาย 

 

ผมมองว่าประเทศที่คุณว่า...ที่ว่าว่าง่ายนั้น   เขามองแบบนี้แหละ  แบบที่ผมมอง  ........  มันไม่ใช่ว่าเขาตามก้นอเมริกาไปอย่างไร้เหตุผล

 

ผมไม่เห็นด้วยแทบทุกประเด็นที่กระจกเงาพูด

เช่นที่ว่า.....และหากอิหร่านไม่เชื่อฟังก็เตรียมใช้กำลังทางทหาร ซึ่งเป็นงานที่สหรัฐอเมริกาถนัดเพราะบุกไปโจมตีหลายประเทศแล้ว................

 

........แต่สุดท้ายทุกทีที่สหรัฐบุกไปก็มีแต่ไฟสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธ์  ยังไม่มีประเทศไหนสงบสุขจริงๆเสียที

 

และที่ผมไม่เห็นด้วยเลยก็ที่ว่า...........ดูๆไปสหรัฐอเมริกาก็ทำตัวเหมือนพรรคปชป. ที่ไล่ล่าทักษิณและไปกดดันประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นศัตรูกับทักษิณ ............ผมไม่เห็นด้วยกับการเปรียบเทียบเช่นนี้  เพราะพรรค ปชป.นั้นยังป่าเถื่อนทางประชาธิปไตย เทียบไม่ได้กับอเมริกา  ...เนื่องจาก ปชป.โง่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวของประชาธิปไตยเลย  แต่อเมริกาเขาใช้วิธีทางประชาธิปไตยอย่างชำนาญมาก ทั้งประชาชนและรัฐบาลเขา ประเทศเขาจึงหมายถึงประชาชนทั้งประเทศ  ไม่ใช่เพียงผู้ปกครองเท่านั้น ....... ตรงนี้แหละ เป็นความแตกต่างจากประเทศอิหร่านอย่างตรงกันข้าม ...... 

 

ที่ว่า.......ความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้ก็เห็นมีก็แต่ประชาชนของโลกเท่านั้นที่จะต้องร่วมมือร่วมใจลุกขึ้นมาพร้อมๆกันปฏิวัติความเชื่อเสียใหม่ว่า มนุษยชาติเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายร่วมกัน ทุกคนรังเกียจสงคราม รังเกียจการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง หากมนุษย์ยังใช้ความรุนแรงสงครามย่อมไม่มีวันหมดไปจากโลก โลกใบนี้ก็จะเต็มไปด้วยความเร่าร้อนทุรนทุรายเพราะอำนาจของอธรรม  ........................  เพ้อเจ้อ

 

เพราะหากเราลองวิจัยประวัติศาสตร์โลกดู...........  สงครามนั้นไม่ได้สงบลงเพราะถ้อยคำแบบที่คุณว่านี้แม้สักครั่งเดียวเลยนะครับ   ..............   คือการที่คนสองฝ่ายทำสงครามกันนั้น   มันมีเหตุที่เลยไปจากคำพูดแล้ว   คำพูดจึงใช้ไม่ได้แล้ว........... มันจึงมีทางสงบลงทางเดียวเท่านั้นคือ จะต้องมีผู้แพ้ และผู้ชนะสงครามเสมอ  สันติจึงจะกลับมาใหม่ 

 

คุณก็รู้นี่นะ.........มีสงครามแย่งน้ำกันสมัยพระพุทธเจ้า ............    คุณว่าสงครามคราวนั้นสงบลงเพราะพระพุทธเจ้าไปสอนธรรมะให้หรือเปล่า...........   เปล่าเลย........มันระงับชั่วคราว........พอคราวที่ 3 มันก็ต้องทำสงครามกัน ............  และอย่างที่ว่าสันติเกิดขึ้นเพราะมีผู้แพ้ ผู้ชนะสงคราม ..  นั่นแหละสัจธรรม..........

 

ในสงครามโลกครั้งที่ 2  รบกันทั้งโลก ..........  คุณก็รู้นี่  ถ้าญี่ปุ่นไม่แพ้สงคราม สันติมันก็เกิดขึ้นไม่ได้   

 

มันหมายความว่าคุณไม่อาจจะระงับสงครามได้ด้วยคำพูดหรอก  มันจะต้องสู้กันไปจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ   ไม่ว่าจะผิดจะถูก  การมีฝ่ายชนะเกิดขึ้นนั่นแหละคือวิธีที่ระงับสงคราม จึงกลับคืนมาสู้สันติได้ ............   สันติ ไม่ใช่ได้มาจากสันติ   นะครับ    สันติได้มาจากสงคราม.....

 

ลองดูความจริงในชีวิตประจำวันก็แล้วกัน .............    คุณมีข้าวของ ทรัพย์สินเงินทอง  .........  แล้วคุณไปบอกโจรว่าเห็นแก่สันติเถิด    เห็นแก่ศีลธรรมเถิด  อย่ามาลักของ ๆ เราเลย  ....... โจรมันเชื่อไหม?..............  โจรมันไม่เชื่อคำพูดหรอกครับ   แต่มันเชื่อตำรวจมากกว่า ..........   คือตำรวจทำให้มันเข็ดหลาบว่า  ทำสงครามกับตำรวจทีไร  มันโดนจับเข้าคุกทุกที   .........   โจรมันต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามกับตำรวจทุกที   มันจึงไม่กล้าโขมย  .............

 

คุณดูโรมันกับคาร์เถจเถอะ    ยุคฮันนิบาล  รบกันหลายครั้งหลายคราว  จนสุดท้ายคาร์เถจแพ้สงครามครั้งใหญ่ ฮานนิบาลพ่าย ทัพช้างมหิมาแตกกระเจิงเพราะแพ้ด้านยุทธศาสตร์แก่โรมัน  ............  หลังนั้นอะไรเกิดขึ้นครับ   ก็เกิดสันติภาพขึ้น.........

 

ข้อสรุปก็คือ   สันติภาพ   ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะปากว่า  ด้วยสันติภาพ    แต่เกิดขึ้นเพราะมีผู้แพ้และผู้ชนะ

 

เช่นเสื้อแดงทุกวันนี้แหละครับ   ตราบที่ฝ่ายก่อการร้ายเข่นฆ่าประชาชน ไม่ยอมแพ้  ยังเอาพวกมันติดคุกไม่ได้   .............   หรือยังฆ่าคนเสื้อแดงตายไม่หมดแผ่นดิน ..........สงคราม...การต่อสู้....ก็ต้องเกิดต่อไป   ........................ 

 

เพราะแนวคิดนี้  หากอิหร่านมีนิวเคลียร์ขึ้นมา   มันก็เสี่ยงต่อการเกิดสงครามล้างโลก  และซึ่งโดยทฤษฎีนี้  สันติภาพจะยังไม่เกิดขึ้นได้เลย จนกว่าจะมีฝ่ายที่พ่ายแพ้สงคราม   มีฝ่ายที่ชนะสงคราม.......................แน่นอนสหรัฐอเมริกาจะชนะแน่     แต่นี่เป้นสงครามนิวเคลียร์  ...............กว่าจะชนะกันคนก็คงตายไปเกือบหมดโลก  อาจจะรวมทั้งคุณและผมด้วย

 

ฉะนั้น  สู้อย่าให้อิหร่านไม่มีนิวเคลียร์เลยจะไม่ดีกว่าหรือ............ 

 

เอาละ  นี่เป็นความคิดของอเมริกาและประชาชนอเมริกา....  ซึ่งคุณหรือคนส่วนหนึ่งเห็นว่าไม่ยุติธรรม.........เพราะเมื่ออเมริกามีได้  ทำไมประเทศอิหร่านจะมีไม่ได้  ............ทำไมเกาหลีเหนือจะมีไม่ได้ .............ฯลฯ

 

ถ้าคุณคิดเช่นนี้  และทุกคนก็คิดเช่นนี้  ประเทศต่าง ๆ  ก็จะสร้างนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ตามอำเภอใจ  และจะมีนิวเคลียร์อยู่ทุกประเทศบนโลก    ยิ่งกว่ามีภูเขาไฟกระจายเป็นวงแหวนล้อมอินโดเนเซียเสียอีก...... เพราะมันร้ายแรงกว่าภูเขาไฟหลายเท่า

 

แต่คนจำนวนมาก ไม่คิดเช่นนี้   เขาคิดว่าอย่าให้มีการสร้างนิวเคลียรเพิ่มเติมขึ้นมา  จะเป็นทางรอดของโลกเราแต่เพียงวิธีเดียว พวกเขาจึงเห็นด้วยกับอเมริกาไงครับ .....  จะไปดูถูกว่าประเทศอื่น ๆ ตามก้นอเมริกาไปอย่างไร้เหตุผลได้อย่างไร ........  พวกเขายอมให้อเมริกามีได้    มันมีความเสี่ยงน้อย   เพราะอเมริกาเป็นประชาธิปไตย  มีประชาชนที่เชื่อถือได้จริง .........  แต่อิหร่านล่ะ    ใครจะอาจควบคุมรัฐบาลอิหร่านได้ ........  ประชาชนอิหร่านควบคุมได้หรือ?   

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายวิจัยประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2013-01-18 23:48:57



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.