หน้าแรก | หน้ารวมกลุ่มเว็บบอร์ด | School of Horasatra | นิทานสนุก | ประวัติ 16 ตอนจากนสพ.ดี |
เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ | |
รายการ intelligence คุณ ธีรัตถ์ คุยกับ............. เรื่องคนไทยเรียนภาษาอังกฤษ ตามหลักสูตรโรงเรียน-มหาวิทยาลัยไทย แล้ว 90 กว่าเปอร์เซนต์พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เรียนมาตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ เพราะสอนแบบไทย....................ผมสรุปว่า สอนแบบไทยคือสอนโง่ ๆ ...........ขอบคุณที่เอาเรื่องนี้มาพูดกันเสียที การท่องไวยากรณ์ เป็นการสอนแบบโง่ ๆ จริงครับ ผมช่วยยืนยัน สอนท่องศัพ? ก็สอนแบบโง่ ๆ ผมขอยืนยัน
อย่าว่าแต่สอนภาษาอังกฤษเลยครับ ทั้งหมดของหลักสูตรไทย นั่น เป็นเรื่องโง่ ๆ ..........เอามาพูดบ่อย ๆ นะครับ เริ่มจากการเรียนภาษาอังกฤษนี่แหละก่อน มีอย่างที่ไหนเรียนตั้งแต่ประถมถึงอุดมศึกษาแต่พูดอังกฤษไม่ได้........................
การคิดและการพูดให้ออกมาพร้อมกัน...........อือ !!!!! สอนให้เป็นธรรมชาติ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ ดนุพงษ์ :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-20 20:45:07 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3294925) | |
นี่คือ คุณพ่อ และคุณแม่สองภาษา ครับ................................เคยมีครอบครัวแบบนี้ในประเทศไทยนะครับ ผมพบมาแต่สักเมื่อ 20 ปีก่อน ....... เขาไม่อนุญาตให้ลูกเขาเข้าโรงเรียนประเทศไทย ........... เขาว่า...โรงเรียนในประเทศไทยสอนให้เด็กโง่.............เขา...ครอบครัวเขาจะสอนลูกเขาเอง.............................ผมไม่ทราบว่ามาบัดนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับเขา
มาวันนี้ นี่คือครอบครัว........ที่ดูเหมือนจะไม่ยอมให้ลูกไปเรียนภาษาอังกฤษในหลักสูตรไทยอีกครอบครัวหนึ่ง ................เพราะเรียนภาษาในหลักสูตรไทยแล้ว แม้ว่าเรียนมาตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัยยังพูดไม่เป็นเลย...............(ดูนายชวน หลีกภัยเป็นตัวอย่าง...........พูดในสภาไทยด้วยภาษาไทยคมอย่างมีดโกน แต่พอไปประชุมต่างประเทศพูดอังกฤษมะลื่อทื่อ ๆ.......นายชวนเคยเป็นรมต.ศึกษาธิการแต่ไม่เคยคิดแก้ไขมองไม่เห็นปัญหาด้วยซ้ำ) เสียเวลาไปกี่ปีล่ะ.......จากประถมถึงอุดม..กว่า 14 ปีละ........พูดไม่เป็น.............
ตอนผมเรียนมัธยม ผมสงสัยแล้วสงสัยอีก ว่าฝรั่งจริง ๆ มันพูดอย่างที่ครูผมสอนหรือไม่ ? เพราะรุ่นผมเรียนนี่ ไม่เคยได้พบฝรั่งจริง ๆ เลย แม้กระทั่งเสียงก็ไม่มีมาให้ฟัง...........................
มาถึงสมัยนี้ผมจึงได้ทราบว่า ที่จริงครูที่สอนผมนั้น ก็พูดไม่เป็นเหมือนกัน...............เป็นประเภทที่เจอฝรั่งจริง ๆ มาแล้วรีบวิ่งหนีไปซ่อนตัว.............
ทุกวันนี้ผมเสียดายเหลือเกิน.................สมัยครูสอนผมนั้น สอนไวยากรณ์ครับ...........................และผมก็รอบรู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ได้คะแนนดี..............แต่ไม่เคยพบฝรั่งจริง ๆ เวลาหัดพูด ๆ ออกมาแล้วดูมันกระโดกกระเดก.......ทั้ง ๆ ที่พยายามออกเอกเซนส์ตามที่ครูสอน..........และก่อนจะพูดก็คิดในใจก่อนว่า อะไรเป็นประธานของประโยค.......ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติมเอส........(นี่ผมคล่องเลย) ถ้ากริยาเป็น............อกรรมกริยา สกรรมกริยา........... เป็นวอยส์อะไร ..........มีกี่ชนิด..................ตอนนั้นผมจำได้ ผูกประโยคถูกต้องไปหมดแหละครับ..................เพียงแต่ผมพูดไม่เป็นเท่านั้นเอง.................เสียดายจริง ๆ เสียดายเวลา.......และเจ็บใจเรื่องครูสอน....ที่ไม่มีความรู้จริง ................
ครูผมคนหนึ่งมา ก็บอกอย่างหนึ่ง อีกคนมาทีหลังก็บอกอีกอย่างหนึ่ง อย่างเช่น ....ฮาว อาร์ ยู ไอ แอม เวน แทงก์ยู แอนด์ยู ...(ผมไม่เคยมั่นใจเลยว่าฝรั่งจริง ๆ มันพูดอย่างนี้หรือเปล่า) .........เป็นต้น ก็ยังบอกไม่เหมือนกัน ยังมีอีกหลายมุข...........ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง............... พอเข้ามหาวิทยาลัยนะครับ.................ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ คือยังไม่ได้เจอฝรั่งตัวจริง.........และดูเหมือนครูสอนภาษาอังกฤษท่านจะทำตนเป้นคนละชั้นกับนักศึกษา.............ไม่พยายามจะคลุกคลีด้วย จะถามก็ไม่ถนัด........เพราะท่าทีครูเหมือนว่า ให้รู้จักศึกษาเอาเองให้มาก ๆ นะ........แล้วท่านก็สอนไปถึงเรื่อง บทกวีภาษาอังกฤษ.........เป็นชั้นสูงไปนู้นเลย.....(ที่จริงก็เป็นประเภทที่พูดฝรั่งไม่เป็นเหมือนกัน).....นั่นเป็นยุคของผม................มีแต่ฝรั่งปลอม ๆ .............. มันทำลายผมครับ......................................ทำให้ผมสับสนมาตลอดชีวิต .......และการพูดภาษาอังกฤษกลายเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ...........................
มีหนังสือครับ ชื่อว่า เด็กสองภาษา...... คุณพ่อ คุณแม่ ชื่ออะไรจำไม่ทันครับ ขึ้นป้ายเร็วเกินไป..........................................................................ผมขอชมเชยครับ กล้าและเก่งมาก ในทางสร้างสรรค์
รัฐบาลไทยไหนพูดถึงเรื่องเหล่านี้บ้าง ผมจะลงคะแนนให้ทันที....................
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น สาลี วันที่ตอบ 2011-05-20 21:54:28 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3295049) | |
จริงๆด้วย ครูคนไทยที่สอนภาษาอังกฤษก็พูดไม่เป็น เห็นอธิบายตามตำราอะไรอยู่หน้าชั้นก็ไม่รู้ตั้ง 2 ชั่วโมง ชอบสอนอะไรที่มันยากๆพอๆกับหลักวิชาภาษาไทย สุดท้ายเด็กเลยเบื่อ เคยไปเรียนฟรีกับครูฝรั่งสมัยท่านทักษิณเป็นนายก ท่านสอนดีมากสอนให้พูดคุย เวลาพบเราท่านจะทักทายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้กล้าแสดงออก ก็รู้สึกสนุกดี ถ้าเด็กไทยได้เรียนอย่างนี้แต่แรกเวลา 10 กว่าปีเด็กคงเก่ง พูดฝรั่งเป็นไฟแลบ ดังนั้นเวลารับสมัครครูสอนภาษาอังกฤษน่าจะทดสอบทักษะการสื่อสารของครูมากกว่าให้สอบข้อเขียนอะไรก็ไม่รู้ มิน่าเดี๋ยวนี้เด็กไทยถึงยอมเสียค่าเครื่องบินไปเรียนคอร์สสั้นๆในต่างประเทศ ลูกดิฉันอยู่เมืองไทยไม่เคยพูดภาษาอังกฤษเลย ไปเรียนพิเศษที่อินเดียแค่เดือนเดียวเห็นเขาโทรคุยกับเพื่อนๆต่างประเทศโดยไม่เคอะเขิน ไม่เห็นเขากังวลว่าถูกไวยากรณ์ ถูกสำเนียงหรือไม่ เพราะขั้นแรกต้องฝึกให้สื่อสารรู้เรื่องก่อน เรื่องสำเนียงที่ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษาสามารถฝึกประสบการณ์ในภายหลังได้จากการดูหนัง ฟังเพลงบ่อยๆ เราฟังแล้วก็พอรู้เรื่องไม่เห็นยากอย่างที่ครูเคยสอนเลย พูดแล้วก็คิดถึงท่านนายกทักษิณ หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลช่วยปฏิรูปการศึกษาด่วนด้วย สำนักมาตรฐานการศึกษาประเมินอะไรก็ไม่รู้ตัวบ่งชี้เยอะแยะไปหมด ต้องเสียเวลามาทำเอกสารเป็น 100 แฟ้ม จะเอาเวลาที่ไหนมาเตรียมความรู้ จัดทำสื่อไว้สอนเด็กให้ฉลาดๆทันกับเทคโนโลยี เด็กไทยจึงมี ไอคิวต่ำลงทุกวันๆ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น วิญญูชน วันที่ตอบ 2011-05-21 23:40:17 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3295940) | |
ผมจะบอกให้นะครับ คนไทย สังคมไทยถูกทำให้เข้าใจผิดอย่างยิ่งในการศึกษา.......คือมองที่ใบปริญญาเป็นหลัก.........เดี๋ยวนี้นักการเมืองไทยนี่ ไปเรียนเอาปริญญาเอกกันเป็นแถว อย่างสนธิ บุณยรัตนกลิน บรรหาร ศิลปะอาชา เนวิน ชิดชอบ นี่ ไปลงทะเบียนเสียค่าหน่วยกิตเฉย ๆ.........แล้ว....... ก็ได้ใบปริญญาไปประดับบารมี.......................... คนชั้นนี้ มีฐานะและหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศไทย........ ในทางที่จะต้องสร้างการศึกษาไทยให้เป้ฯมาตรฐาน ..........แต่.. กลับไปทำเรื่องห่วย ๆ เสียเอง พาสร้างค่านิยมห่วย ๆ เสียเอง ........... ไม่มีความรับผิดชอบในการศึกษาของชาติเลย ............
ผมว่านักการเมืองเช่นนี้ อย่าเลือกเข้าไปสู่สภา.............
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ดนุพงษ์ วันที่ตอบ 2011-05-29 22:07:20 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3297362) | |
อย่าเลือกแขกดำ สนธิ บุณยรัตนกลิน ตามสุภาษิตไทยเดิมว่า พบงูกับแขกจงตีแขกก่อน (แขกอันตรายกว่างู) นี่เป็นสัจธรรมครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ดนุพงษ์ วันที่ตอบ 2011-06-11 20:57:44 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3310237) | |
การแจกปริญญามั่วๆ มิใช่มีเฉพาะในหมู่นักการเมืองเท่านั้น ขนาดพระสงฆ์องคเจ้าที่มีเงินมากๆขนาดไม่มีความรู้อะไรก็ได้เป็น ดร. เป็นแถว พระธรรมวินัยก็ไม่เคร่งครัด วันๆโฆษณษชวนเชื่อแต่เรื่องอภินิหารย์ บางรูปถึงขนาดสร้างรูปปั้นพ่อปู่ชูชกให้คนนำไปบูชาว่าเป็นโชคลาภหาเงินได้คล่อง ทั้งๆที่ตาชูชกแกเป็นขอทาน ขอเขากินไปวันๆและตะกละตะกลามจนท้องแตกตายยังไปยกย่องให้เป็นเทพแห่งความมีโชค อนาถหนอวงการศึกษาไทย เห็นทีต้องปฏิรูปทางภูมิปัญญาเป็นการใหญ่ทั้งการศึกษาของพระและโยมโดยเฉพาะใช้ทีวีและเทคโนโลยีทุกประเภทส่งเสริมให้คนไทยเป็นนักคิด นักวิเคราะห์นักประดิษฐ์ที่มีเหตุมีผล มิกระบวนการคิดที่เป็นวิทยบาศาสตร์ หากไม่แก้ไขความโง่เขลาจะบั่นทอนคนไทยให้กลายเป็นคนล้าหลัง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-22 08:59:16 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 115518 |