ReadyPlanet.com


เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้


รายการ intelligence  คุณ ธีรัตถ์  คุยกับ.............  เรื่องคนไทยเรียนภาษาอังกฤษ ตามหลักสูตรโรงเรียน-มหาวิทยาลัยไทย  แล้ว 90 กว่าเปอร์เซนต์พูดภาษาอังกฤษไม่ได้  ทั้ง ๆ ที่เรียนมาตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่   เพราะสอนแบบไทย....................ผมสรุปว่า สอนแบบไทยคือสอนโง่ ๆ   ...........ขอบคุณที่เอาเรื่องนี้มาพูดกันเสียที

การท่องไวยากรณ์   เป็นการสอนแบบโง่ ๆ จริงครับ  ผมช่วยยืนยัน     สอนท่องศัพ?   ก็สอนแบบโง่ ๆ    ผมขอยืนยัน

 

อย่าว่าแต่สอนภาษาอังกฤษเลยครับ    ทั้งหมดของหลักสูตรไทย นั่น  เป็นเรื่องโง่ ๆ    ..........เอามาพูดบ่อย ๆ นะครับ   เริ่มจากการเรียนภาษาอังกฤษนี่แหละก่อน     มีอย่างที่ไหนเรียนตั้งแต่ประถมถึงอุดมศึกษาแต่พูดอังกฤษไม่ได้........................

 

การคิดและการพูดให้ออกมาพร้อมกัน...........อือ !!!!!

สอนให้เป็นธรรมชาติ

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ ดนุพงษ์ :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-20 20:45:07


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3294925)

นี่คือ คุณพ่อ และคุณแม่สองภาษา ครับ................................เคยมีครอบครัวแบบนี้ในประเทศไทยนะครับ ผมพบมาแต่สักเมื่อ 20 ปีก่อน  .......  เขาไม่อนุญาตให้ลูกเขาเข้าโรงเรียนประเทศไทย  ...........  เขาว่า...โรงเรียนในประเทศไทยสอนให้เด็กโง่.............เขา...ครอบครัวเขาจะสอนลูกเขาเอง.............................ผมไม่ทราบว่ามาบัดนี้เป็นอย่างไรบ้าง   แต่ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับเขา

 

มาวันนี้   นี่คือครอบครัว........ที่ดูเหมือนจะไม่ยอมให้ลูกไปเรียนภาษาอังกฤษในหลักสูตรไทยอีกครอบครัวหนึ่ง ................เพราะเรียนภาษาในหลักสูตรไทยแล้ว  แม้ว่าเรียนมาตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัยยังพูดไม่เป็นเลย...............(ดูนายชวน  หลีกภัยเป็นตัวอย่าง...........พูดในสภาไทยด้วยภาษาไทยคมอย่างมีดโกน   แต่พอไปประชุมต่างประเทศพูดอังกฤษมะลื่อทื่อ ๆ.......นายชวนเคยเป็นรมต.ศึกษาธิการแต่ไม่เคยคิดแก้ไขมองไม่เห็นปัญหาด้วยซ้ำ)  เสียเวลาไปกี่ปีล่ะ.......จากประถมถึงอุดม..กว่า 14 ปีละ........พูดไม่เป็น.............

 

ตอนผมเรียนมัธยม  ผมสงสัยแล้วสงสัยอีก   ว่าฝรั่งจริง ๆ มันพูดอย่างที่ครูผมสอนหรือไม่  ?

เพราะรุ่นผมเรียนนี่  ไม่เคยได้พบฝรั่งจริง ๆ เลย   แม้กระทั่งเสียงก็ไม่มีมาให้ฟัง...........................

 

มาถึงสมัยนี้ผมจึงได้ทราบว่า   ที่จริงครูที่สอนผมนั้น  ก็พูดไม่เป็นเหมือนกัน...............เป็นประเภทที่เจอฝรั่งจริง ๆ มาแล้วรีบวิ่งหนีไปซ่อนตัว.............

 

ทุกวันนี้ผมเสียดายเหลือเกิน.................สมัยครูสอนผมนั้น   สอนไวยากรณ์ครับ...........................และผมก็รอบรู้เชี่ยวชาญจริง ๆ    ได้คะแนนดี..............แต่ไม่เคยพบฝรั่งจริง ๆ    เวลาหัดพูด ๆ ออกมาแล้วดูมันกระโดกกระเดก.......ทั้ง ๆ ที่พยายามออกเอกเซนส์ตามที่ครูสอน..........และก่อนจะพูดก็คิดในใจก่อนว่า    อะไรเป็นประธานของประโยค.......ถ้าประธานเป็นเอกพจน์   กริยาต้องเติมเอส........(นี่ผมคล่องเลย)     ถ้ากริยาเป็น............อกรรมกริยา   สกรรมกริยา........... เป็นวอยส์อะไร ..........มีกี่ชนิด..................ตอนนั้นผมจำได้  ผูกประโยคถูกต้องไปหมดแหละครับ..................เพียงแต่ผมพูดไม่เป็นเท่านั้นเอง.................เสียดายจริง ๆ   เสียดายเวลา.......และเจ็บใจเรื่องครูสอน....ที่ไม่มีความรู้จริง ................

 

ครูผมคนหนึ่งมา   ก็บอกอย่างหนึ่ง   อีกคนมาทีหลังก็บอกอีกอย่างหนึ่ง      อย่างเช่น    ....ฮาว อาร์ ยู   ไอ  แอม  เวน  แทงก์ยู   แอนด์ยู ...(ผมไม่เคยมั่นใจเลยว่าฝรั่งจริง ๆ มันพูดอย่างนี้หรือเปล่า) .........เป็นต้น   ก็ยังบอกไม่เหมือนกัน     ยังมีอีกหลายมุข...........ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง...............

พอเข้ามหาวิทยาลัยนะครับ.................ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ    คือยังไม่ได้เจอฝรั่งตัวจริง.........และดูเหมือนครูสอนภาษาอังกฤษท่านจะทำตนเป้นคนละชั้นกับนักศึกษา.............ไม่พยายามจะคลุกคลีด้วย   จะถามก็ไม่ถนัด........เพราะท่าทีครูเหมือนว่า   ให้รู้จักศึกษาเอาเองให้มาก ๆ นะ........แล้วท่านก็สอนไปถึงเรื่อง  บทกวีภาษาอังกฤษ.........เป็นชั้นสูงไปนู้นเลย.....(ที่จริงก็เป็นประเภทที่พูดฝรั่งไม่เป็นเหมือนกัน).....นั่นเป็นยุคของผม................มีแต่ฝรั่งปลอม ๆ   ..............

มันทำลายผมครับ......................................ทำให้ผมสับสนมาตลอดชีวิต .......และการพูดภาษาอังกฤษกลายเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ    ...........................

 

 

มีหนังสือครับ ชื่อว่า   เด็กสองภาษา......  คุณพ่อ   คุณแม่   ชื่ออะไรจำไม่ทันครับ   ขึ้นป้ายเร็วเกินไป..........................................................................ผมขอชมเชยครับ   กล้าและเก่งมาก  ในทางสร้างสรรค์

 

รัฐบาลไทยไหนพูดถึงเรื่องเหล่านี้บ้าง   ผมจะลงคะแนนให้ทันที....................

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สาลี วันที่ตอบ 2011-05-20 21:54:28


ความคิดเห็นที่ 2 (3295049)

จริงๆด้วย  ครูคนไทยที่สอนภาษาอังกฤษก็พูดไม่เป็น  เห็นอธิบายตามตำราอะไรอยู่หน้าชั้นก็ไม่รู้ตั้ง 2 ชั่วโมง ชอบสอนอะไรที่มันยากๆพอๆกับหลักวิชาภาษาไทย  สุดท้ายเด็กเลยเบื่อ เคยไปเรียนฟรีกับครูฝรั่งสมัยท่านทักษิณเป็นนายก  ท่านสอนดีมากสอนให้พูดคุย เวลาพบเราท่านจะทักทายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้กล้าแสดงออก ก็รู้สึกสนุกดี ถ้าเด็กไทยได้เรียนอย่างนี้แต่แรกเวลา 10 กว่าปีเด็กคงเก่ง พูดฝรั่งเป็นไฟแลบ ดังนั้นเวลารับสมัครครูสอนภาษาอังกฤษน่าจะทดสอบทักษะการสื่อสารของครูมากกว่าให้สอบข้อเขียนอะไรก็ไม่รู้ มิน่าเดี๋ยวนี้เด็กไทยถึงยอมเสียค่าเครื่องบินไปเรียนคอร์สสั้นๆในต่างประเทศ ลูกดิฉันอยู่เมืองไทยไม่เคยพูดภาษาอังกฤษเลย ไปเรียนพิเศษที่อินเดียแค่เดือนเดียวเห็นเขาโทรคุยกับเพื่อนๆต่างประเทศโดยไม่เคอะเขิน ไม่เห็นเขากังวลว่าถูกไวยากรณ์ ถูกสำเนียงหรือไม่ เพราะขั้นแรกต้องฝึกให้สื่อสารรู้เรื่องก่อน เรื่องสำเนียงที่ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษาสามารถฝึกประสบการณ์ในภายหลังได้จากการดูหนัง ฟังเพลงบ่อยๆ เราฟังแล้วก็พอรู้เรื่องไม่เห็นยากอย่างที่ครูเคยสอนเลย  พูดแล้วก็คิดถึงท่านนายกทักษิณ  หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลช่วยปฏิรูปการศึกษาด่วนด้วย สำนักมาตรฐานการศึกษาประเมินอะไรก็ไม่รู้ตัวบ่งชี้เยอะแยะไปหมด ต้องเสียเวลามาทำเอกสารเป็น 100 แฟ้ม จะเอาเวลาที่ไหนมาเตรียมความรู้ จัดทำสื่อไว้สอนเด็กให้ฉลาดๆทันกับเทคโนโลยี เด็กไทยจึงมี ไอคิวต่ำลงทุกวันๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น วิญญูชน วันที่ตอบ 2011-05-21 23:40:17


ความคิดเห็นที่ 3 (3295940)

ผมจะบอกให้นะครับ   คนไทย สังคมไทยถูกทำให้เข้าใจผิดอย่างยิ่งในการศึกษา.......คือมองที่ใบปริญญาเป็นหลัก.........เดี๋ยวนี้นักการเมืองไทยนี่   ไปเรียนเอาปริญญาเอกกันเป็นแถว     อย่างสนธิ  บุณยรัตนกลิน  บรรหาร  ศิลปะอาชา  เนวิน  ชิดชอบ   นี่    ไปลงทะเบียนเสียค่าหน่วยกิตเฉย ๆ.........แล้ว....... ก็ได้ใบปริญญาไปประดับบารมี..........................   คนชั้นนี้  มีฐานะและหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศไทย........  ในทางที่จะต้องสร้างการศึกษาไทยให้เป้ฯมาตรฐาน ..........แต่..   กลับไปทำเรื่องห่วย ๆ เสียเอง     พาสร้างค่านิยมห่วย ๆ เสียเอง  ...........   ไม่มีความรับผิดชอบในการศึกษาของชาติเลย  ............

 

ผมว่านักการเมืองเช่นนี้   อย่าเลือกเข้าไปสู่สภา.............

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดนุพงษ์ วันที่ตอบ 2011-05-29 22:07:20


ความคิดเห็นที่ 4 (3297362)

อย่าเลือกแขกดำ สนธิ บุณยรัตนกลิน     ตามสุภาษิตไทยเดิมว่า   พบงูกับแขกจงตีแขกก่อน    (แขกอันตรายกว่างู)   นี่เป็นสัจธรรมครับ     

ผู้แสดงความคิดเห็น ดนุพงษ์ วันที่ตอบ 2011-06-11 20:57:44


ความคิดเห็นที่ 5 (3310237)

การแจกปริญญามั่วๆ มิใช่มีเฉพาะในหมู่นักการเมืองเท่านั้น ขนาดพระสงฆ์องคเจ้าที่มีเงินมากๆขนาดไม่มีความรู้อะไรก็ได้เป็น ดร. เป็นแถว

พระธรรมวินัยก็ไม่เคร่งครัด  วันๆโฆษณษชวนเชื่อแต่เรื่องอภินิหารย์ บางรูปถึงขนาดสร้างรูปปั้นพ่อปู่ชูชกให้คนนำไปบูชาว่าเป็นโชคลาภหาเงินได้คล่อง ทั้งๆที่ตาชูชกแกเป็นขอทาน ขอเขากินไปวันๆและตะกละตะกลามจนท้องแตกตายยังไปยกย่องให้เป็นเทพแห่งความมีโชค  อนาถหนอวงการศึกษาไทย เห็นทีต้องปฏิรูปทางภูมิปัญญาเป็นการใหญ่ทั้งการศึกษาของพระและโยมโดยเฉพาะใช้ทีวีและเทคโนโลยีทุกประเภทส่งเสริมให้คนไทยเป็นนักคิด  นักวิเคราะห์นักประดิษฐ์ที่มีเหตุมีผล มิกระบวนการคิดที่เป็นวิทยบาศาสตร์ หากไม่แก้ไขความโง่เขลาจะบั่นทอนคนไทยให้กลายเป็นคนล้าหลัง

ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-22 08:59:16



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.