นี่คือประเด็นในด้านนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์..ที่บริหารประเทศไทยมา 2 ปีเศษ ๆ .....รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่เคยทำให้ชัดเจนขึ้นมาเลย เกี่ยวกับชายแดนไทย-กัมพูชา   นับตั้งแต่การประชุมอาเซียนซัมมิต ที่ไทยเป้ฯเจ้าภาพ   มาจนถึงเกิดเรื่องขัดแย้งส่วนบุคคลและส่วนรวม ... เขาพูดอะไรกับนายพณิช  วิกฤตเศรษฐ  ตอนไปโดนจับที่ชายแดนกัมพูชา  เป้นผลให้นายวีระ สมความคิด  กับนางราตรี....ถูกจับเข้าคุกเขมรมาจนถึงบัดนี้ ..........และตลอดเวลาที่มีเวที พธม.สะพานมัฆวาน  ดูประหนึ่งว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์  กับ พธม.สนธิลิ้ม  แตกกันอย่างรุนแรง  ....ความจริงก็ปรากฎเช่นนั้น   แต่มือมืดได้ประสานเอาไว้  .........และมือมืดนั่นเองคือ  อำนาจที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอภิสิทธิ์  และ  พธม.    และยังเห็นชัดขึ้น  เมื่อพล.อ.ประยุทธ  จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และแม่ทัพทหารแสดงตนสนับสนุนอย่างออกหน้า ไปคอยต้อนรับนายสุวิทย์ แสดงถึงการร่วมมือกันในนโยบายนี้ ...........

การสร้างความสับสนในประเด็นชายแดนไทย - กัมพูชา นี้   มีมาจนถึงวันนี้  วันที่นายสุวิทย์  คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะผู้แทนไทยอ่านประกาศถอนตัวในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส  ฝรั่งเศส   .........   แล้วหน.รัฐบาลเด็ก พูดง่าย ๆ ว่า ให้รัฐบาลชุดต่อไปแก้ปัญหาต่อ   .......

นี่คือลักษณะความสับสนในนโยบายการบริหารงานด้านต่างประเทศ  ของรัฐบาลนี้  และรัฐมนตรีต่างประเทศนายกษิต ภิรมย์  รวมทั้ง รัฐมนตรีทั้งคณะ  ก็พลอยสับสนไปด้วย

รูปธรรมของนโยบาย จึงไม่ใช่นโยบาย(นโยบายจะต้องเป็นสิ่งที่ชัดเจน มองเห็นเป็นรูปธรรม มีความง่ายหรือ simple สำหรับประชาชนทุกชั้นสัมผัสได้)  แต่มีลักษณะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อมาโดยตลอด(ทำให้สับสน ไม่กระจ่าง ให้คนทั้งหลายเข้าใจกันไปคนละทิศละทางเข้าไว้)       นั่นหมายถึงแผนการณ์ที่ลึกลับซับซ้อน  ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลนี้  เบื้องหลัง พธม. และเบื้องหลังค่ายทหาร

เป็นการทำลายประเทศชาติมาตามลำดับ ๆ   แล้วเอาปมปัญหานี้มาโยนใส่รัฐบาลที่จะมาใหม่   อย่างไร้จิตใจ ไร้ความเป็นธรรมอย่างยิ่ง

ผมได้ทราบมา  ว่าการประชุมกรรมการมรดกโลกนั้น  ประชุมที่ปารีส ฝรั่งเศส  ๆ เป็นพี่เบิ้มของกัมพูชา ผู้ช่วยให้กัมพูชาชนะคดีเขาพระวิหารปี 2505  (ศาลโลกใช้แผนที่ฝรั่งเศสตัดสิน)  การประชุมครั้งนี้เขาก็ช่วยกัน ......  นายสุวิทย์  นายกษิต ทำงานไม่ประสานกัน ไม่รู้เรื่อง รัฐบาลเด็กและทหารก็สับสน  ไม่รู้เรื่อง  อยู่แล้ว   ก็หมดท่า  ...........   จึงใช้วิธีที่น่าขายหน้าชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง  คือประกาศถอนตัวกลางที่ประชุม..............นึกภาพแล้ว......ไม่น่านึก

ญี่ปุ่นก็ช่วยกัมพูชา   เขาจะช่วยทำกระเช้าขึ้นเขาพระวิหาร  เขาเร่งรีบทำอะไรต่ออะไรไปหมด

เวียดนามก็เข้ามา  เอาทหารเสนาธิการมาก่อน ........   เตรียมรบกับไทย   เมื่อรบกัน  จีนก็จะมาช่วยเขมร  อาเซียนทั้งอาเซียนเมินไทยหมด...........  นี่คือฝีมือรัฐบาลเด็ก

ประชาชนไทยต้องรีบไล่หนีเถอะครับ

ผมเคยเตือนแล้วว่า   ยิ่งอยู่ไปรัฐบาลนี้ก็ยิ่งสร้างปัญหาใหม่ ๆ  ใหญ่ ๆ ขึ้นมา ทำลายประเทศชาติไปเรื่อย

ส่วนทหารคือ พล.อ.ประยุทธ  จันทร์โอชา  บทบาทไม่เหมาะสม   เพราะท่านไม่เข้าใจฐานะตัวเอง ไม่รู้ตัวเอง   ในหลักพุทธรรม มงคลสูตร คือ  อัตตสัมมาปณิธิ  การตั้งตนไว้ชอบ   การตั้งตนให้เหมาะกับหน้าที่ฐานะของตน

คือ  ท่านไม่ใช่ระดับนโยบาย    ไม่เคยทำนโยบาย   เมื่อพยายามยกตัวขึ้นมาสู่ระดับนโยบาย   ก็กะพร่องกะแพร่ง ไม่สมบูรณ์   และเป็นเหมือนโจ๊กเท่านั้นเอง 

ดูทหารอเมริกันสิ     เขาเก่งกว่าท่านตั้งเยอะแยะ  เขายังไม่เคยยกตนขึ้นมาก้าวก่ายระดับนโยบายเลย  

ชายแดนกัมพูชา  ปัญหาต่างประเทศ   ปล่อยให้เป็นระดับนโยบาย.........  ทหารคอยฟังและคอยรับนโยบายอย่างเดียว     เช่นนี้ ท่านก็ไม่ต้องรับผิดชอบอย่างไรล่ะ      ปล่อยให้อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  กับกษิต ภิรมย์ รับผิดชอบไปเต็ม ๆ 

ทหารต้องทำได้..............ไม่งั้นระบบไม่อาจจะเคลื่อนไปได้    ประเทศก็ไม่ก้าวไป....

ก็รอดสายตาประชาชนไปไม่ได้ครับ   ถูกลงโทษโดยประชาชน   ไม่ได้  สส.แม้แต่คนเดียว  ....   ก็สมควรครับ    ทำงานแบบเด็ก ๆ อย่างนี้ในระดับโลกได้อย่างไร  ?

ขอขอบคุณประชาชนคนไทยที่ตาสว่าง  ไล่นักการเมืองน้ำเน่าออกจากสภา และพาพลพรรคสอบตกไปด้วย  นี่แหละเขาเรียกว่าจบชีวิตทางการเมือง  นักการเมืองแบบนี้นอกจากไม่ทำประโยชน์แล้วยังสร้างปัญหาให้ประเทศ  พรรคเพื่อไทยก็คงต้องตามแก้ปัญหาที่พี่แกวางระเบิดเวลาเอาไว้  นักการเมืองที่ยังอยู่ต่อไปก็ต้องศึกษาความต้องการของประชาชนให้มาก  อย่ามัวเล่นเกมการเมืองเดี๋ยวจะไม่มีอนาคต ดูคนในพรรคภูมิใจไทยสิอยากออกมาร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยเขาก็ไม่เอาด้วย  ส่วนประชาธิปัตย์ก้าวข้ามไม่พ้นทักษิณสักที วนเวียนแต่เรื่องทักษิณแก้ปัญหาปากท้องไม่เป็น ประชาชนก็คว่ำบาตรเสียเลย  เมื่อเอาชนะใจประชาชนไม่ได้ ก็หันไปหา กกต. และศาลรัฐธรรมนูญให้ช่วยยุบพรรคเพื่อไทยก็ต้องคอยดูต่อไปว่า ระหว่างประชาชน 35 ล้านคนเลือกมา  กับคนไม่กี่คนตัดสินใจ  จะเป็นอย่างไร เพราะประเทศนี้เป็นของคนไทยทุกคน  ไม่มีอำนาจใดๆจะยิ่งใหญ่กว่าอำนาจของประชาชน  เพราะมันเป็นอำนาจที่บริสุทธิ์ก่อให้เกิดความยุติธรรมและประโยชน์สุขต่อประชาชนโดยส่วนรวมอย่างเท่าเทียมกัน 

อยากบอกองค์กรอิสระว่า  ความกลัวทำให้เสื่อมจงทำหน้าที่ของท่านอย่างตรงไปตรงมา อย่าทำอะไรๆที่เป็นความอยุติธรรมต่อประชาชน อย่ากดขี่ข่มเหงประชาชนด้วยการมองข้ามเสียงประชาชน  เพราะมันคือเสรีภาพทางการเมืองที่ประชาชนทั่วโลกใฝ่หา วันนี้โลกได้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว  ประชาชนคนไทยไม่ยอมให้ใครมาฉุดประเทศให้ถอยหลังลงคลองดังปรากฏการณ์คนเสื้อแดงที่ยิ่งฆ่า  ยิ่งขังยิ่งเติบโตมั่นคงแข็งแกร่ง และยุทธวิธีการต่อสู้ที่ชาญฉลาดเป็นโมเดลให้นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั่วโลก    

นายชัจ  ชลวรณ์    ชื่อนี้จำได้     จะต้องมาทำความกระจ่างต่อประชาชนให้ได้     จะหลบหนีไปไหน ???

พ่วงธาริต  เพ็งดิษฐ์  ด้วยที่จะต้องถูกชำแหละว่าได้ปฏิบัติหน้าโดยชอบหรือไม่  อย่างไร มิใช่ย้ายที่อยู่ใหม่เฉยๆ