การคุ้มครองพระพุทธศาสนาไม่ควรออกกฎหมายในลักษณะเอาผิดเอาโทษผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เห็นต่างทางความคิด เพราะธรรมชาติของมนุษย์ย่อมมีทั้งสัมมาทิฏฐิและมิจฉาทิฏฐิตามระดับของสติปัญญา พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวกท่านไม่เคยเอาผิดเอาโทษคนที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใส และเปิดโอกาสให้โต้แย้งได้เต็มที่ ดังที่พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกท่านได้โต้ตอบปัญหากับเจ้าลัทธิ พราหมณ์ทั้งชมพูทวีป ความจริงและเหตุผลต่างหากที่จะนำพาการพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง มิใช่การบังคับข่มขู่ให้เชื่อ อย่านำความมีอัตตาตัวตนมายัดเยียดให้พระพุทธศาสนาเพราะมิใช่การคุ้มครองที่แท้จริง การคุ้มครองคือการส่งเสริมให้มีการเผยแผ่พระพุทธวัจนะอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ยกเลิกระบบสงฆ์เจ้าขุนมูลนายมาเป็นการปกครองด้วยหลักเมตตาธรรม

ช่วยกันตามหาข้อมูลหน่อยว่าใคร หน่วยงานไหน ที่รับผิดชอบ พรบ.คุ้มครองพระพุทธศาสนา เนื้อหาใจความว่าอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ควรนำขึ้นสู่เวทีสาธารณะจัดให้มีการเสวนาถึงข้อดีข้อเสีย มิใช่งุบงิบออกกฎหมายมาเลย แทนที่จะเป็นคุณอาจจะสร้างความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาได้

ประเด็นน่าสนใจ  ต้นตอแหล่งข่าวน่าจะเป็นสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติแหละครับ   ถ้าไม่งั้น  สำนักงานนี้ตั้งขึ้นมาทำไม เปลืองงบประมาณเปล่า ๆ  ไม่เห้ฯทำอะไรเป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนา........... หรือมีอะไรบ้างก็ไม่ทราบ  เงียบเชียบจัง ...

ดร.อำนาจ  บัวศิริ ดูชื่นชมวัดพระธรรมกายจังเลย ทั้งๆที่เป็นพุทธพาณิชย์ ดูจะไม่มีความรู้เรื่องพระธรรมวินัยเอาเสียเลย ไม่เคยมีพินิจพิเคราะห์ พรบ.คณะสงฆ์ฉบับปัจจุบันเลยว่ามีผลกระทบอย่างไรต่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ความจริงอย่างหนึ่งก็คือพระพุทธศาสนามีคำสอนเป็นวิทยาศาสตร์ ใจกว้าง เปิดโอกาสให้พิสูจน์ ไม่มีการตีกรอบ ปกครองโดยภราดรภาพไม่ปกครองโดยชนชั้นจึงจะเดินไปสู่มรรคผลได้  อยากให้คณะสงฆ์ไทยลองเปิดใจมองการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศอื่นๆบ้าง เพราะยุคนี้เป็นยุคเสรีประชาธิปไตย   

สำนักพุทธคงไม่ทราบเหตุผลกระมังว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงบัญญัติให้สงฆ์เคารพกันตามพรรษายุกาล พระที่บวชทีหลังต้องเคารพพระที่บวชก่อนเพื่อเป็นการลดอัตตาตัวตน เพราะความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนมากเท่าไรกิเลสเครื่องเศร้าหมองก็ครอบงำมากเท่านั้น เป็นการเกื้อกูลต่อการบรรลุพระนิพพาน สงฆ์มิได้ปกครองกันโดยถือสมณศักดิ์ใดๆ เพราะสมณศักดิ์มิได้เกื้อกูลต่อการเอาชนะกิเลสแต่อย่างใด ปัจจุบันประชาชนเขาเบื่อหน่ายต่อการเห่อเหิมในลาภ ยศ สรรเสริญของสงฆ์ แล้วหันมาศึกษาพระพุทธพจน์ด้วยตนเอง ยิ่งในประเทศที่พัฒนาเป็นเสรีประชาธิปไตยแล้ว  การศึกษาเขามุ่งแสวงหาความรู้และความจริงด้วยตนเอง

อย่างเช่นกรณีสันติอโศก    พากันมานุ่งห่มแบบสงฆ์ในสังกัดมหาเถรสมาคมอีกแล้ว    ทำไมไม่ตรวจสอบ ..........   และตรวจสอบเลยไปถึง กรณีมาร่วมชุมนุมด้วย ..........  ไหนว่าไม่สนใจโลก  สนใจเป็นพระโพธิสัตว์ มุ่งโลกุตตระอย่างเดียว     แล้วมาร่วมฝ่ายยึดสนามบิน ยึดทำเนียบรัฐบาล  

และที่สำคัญ  ร่วมชุมนุมขวางทางเสด็จพระราชดำเนิน ขณะทรงเสด็จไปในงานพระราชะธีถวายเพลิงพระศพ พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้านราธิวาสราชนครินทร์ ณ ท้องสนามหลวง เป็นเวลาถึง 6 วัน  จักเสด็จถนนราชดำเนิน ก็ต้องทรงเลี่ยงไปถนนลูกหลวง อันเป็นถนนธรรมดาแทน เป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติ์