ขอวอนกำนันผู้ใหญ่บ้านกลับไปมองอดีตอันยาวนานของระบบนี้ก่อนคิดทำอะไร ๆ  ต่อไป......

กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตามความคิดเดิมอดีตกาลนานมาแล้ว   พวกเขาเป็นคนรับใช้ประชาชน .......ระยอบ  ยอมแก่ประชาชนทุกอย่าง .......   โดยระบบของความคิดดั้งเดิมนั้น   กำนันผู้ใหญ่บ้านอยู่ในระดับคนรับใช้ของประชาชน .........   มีธรรมะประจำตำแหน่งคือ  ..........  รับใช้ประชาชน   ไม่ใช่นายประชาชน  ....ที่สำคัญละการใฝ่หา......ดิ้นรนเพื่อตนได้ประโยชน์...........มีหน้าที่ ทำประโยชน์แก่ประชาชนอย่างเดียว.......   

เขาจึงไม่ให้เงินเดือน......ให้ทำงานด้วยสมัครใจ  ถูกอุปนิสัยของการรับใช้ประชาชน  ...........    เมื่อทำไปไม่ไหวก็ลาออกไปได้  หรือแม้กระทั่งถึงอยากจะลาออกเมื่อประชาชนลงมติว่าให้อยู่ต่อไปก็ต้องอยู่ .........  เพื่อเป็นข้าของประชาชนต่อไป  

ระบบเดิมเขาไม่ต้องการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นนายประชาชนครับ   ..........   เขาจึงไม่ให้เงินเดือนไง   และไม่ให้ยกฐานะขึ้นเหนือระดับ ความเป็นประชาชน   .............   ซึ่งโดยระบบนี้ มันไม่ก่อเกิดการแก่งแย่งกันเพื่อความเป็นนาย   ไงครับ     สังคมภายใต้ระบบความคิดเดิมนี้จึงสงบ  ประชาชนเป็นใหญ่  มีฐานะเหนือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  ................   จริง ๆ แล้ว นี่คือ ประชาธิปไตยในระบบกำนันผู้ใหญ่บ้าน ระบบเดิมนั่นเอง 

ถ้าคุณคิดจะยกกำนันผู้ใหญ่บ้านขึ้นเป็นข้าราชการ  ให้เงินเดือนแบบข้าราชการ ..............อย่างที่มักคิดกันในตอนหลังนี้แล้ว   ก็ควรยุบตำแหน่งกำนันผู้ใหญ่บ้านเสียจะดีกว่า.......

สงสารประชาชนครับ   พวกเขามีเจ้านาย มีอมาตย์เหนือหัว  เยอะพอแล้ว  

มีอบต. เป็นหน่วยล่างสุด ที่ชอบด้วยหลักการประชาธิปไตย   ก็เพียงพอแล้ว  

จึงเรียกร้องมายังสำนึกของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  โดยตรง    ให้คิดย้อนหลังไปในอดีต  ......   นั่นเป้นความชอบธรรมสำหรับความเป้นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน   

อย่าอยากเป็นนายเลยครับ   สงสารประชาชน   ......

มองดู  มีแต่ตัวอ้วน ๆ อิ่ม  พุงกาง   ผิดทำนองเดิมไปทุกที  

ถ้าจะให้เป็นอีกระบบหนึ่ง ก็ต้องมีการเลือกตั้ง 5 ปีครั้งหนึ่งตามแบบประชาธิปไตยไปเลย  ........

แต่นั่นแหละ   มันมากเกินไปแล้ว   มีแค่ อบต.ก็พอแล้ว  ............  น่ายกลิก สข. ไปด้วยซ้ำ     มันสับสนทำประชาชนหัวหมุนไม่มีเวลาทำมาหากิน       ยุบดีกว่าที่จะใช้ระบบนี้  เว้นแต่กลับไประบบเดิม   ระบบที่เป็นผู้รับใช้ประชาชน   ไม่มีเงินเดือน .....แกอยากอยู่ก็อยู่ แกอยากไปก็ไป .... ไม่ใหญ่กว่าประชาชน  แล้วแต่ประชาชนเขาจะเรียกใช้  แบบนี้ทำให้ปราศจากการทะเยอทะยานแก่งแย่งสงบไม่ทำให้หมู่บ้านสับสน  ........

กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจึงต้องมาสู่สำนึกที่ถูกต้อง      และรู้ใครเป็นใคร    พวกพ้องของคุณมีใครบ้าง  เมื่อไปก็ไปด้วยกัน   เมื่ออยู่ก็อยู่ด้วยกัน   .................    ผมหมายถึงมันต้องพ่วงเอาตำแหน่งทายกวัดเข้าไปด้วยนะ  ..................ถ้าคุณเอาตัวรอดคนเดียว ไม่มองทายกวัด คนหัวอกเดียวกันแล้ว  ...........   ก็เห็นแก่ตัวเกินไป.....................

และย่อมไกลไปอีกนะครับ   คุณต้องมองเจ้าอาวาสด้วย .......รองเจ้าอาวาส   ผู้ช่วยเจ้าอาวาสด้วย .............เลขานุการเจ้าอาวาสด้วย ...........

คุณก็รู้  นี่คือกลุ่มแนวคิดเดิม  ในระบบเดียวกัน 

จะยกก็ยกทั้งระบบ.......................แล้วคุณเห็นไหมว่ามันไม่ชอบด้วยเหตุผลของประชาธิปไตย  .......  เพราะมันเป็นประชาธิปไตยดีอยู่แล้ว  คุณจะไปยก  เพิ่มเจ้านายเพิ่มอำมาตย์..........มันก็เพิ่มแรงกดลงไปที่ประชานอีกหลายเท่า ถ้ายกคนกลุ่มนี้ขึ้น   ก็จะเต็มไปด้วยนาย  มีเจ้านายอยู่แทบทุกตารางนิ้วของแผ่นดินไทย   ประชาชนก็ก้มหน้ามองดิน  ไม่มีวันเงย  

ทางที่ดี   ใช้ระบบเก่าน่ะดีแล้ว  อย่าไปยกขึ้นเป็นอันขาด    

แต่ที่ถูกต้องที่สุดคือ  ให้มีเพียง  อบต.ระบบเดียวก็พอแล้ว   ยุบ  สข. เสียด้วย 

กำนันผู้ใหญ่บ้าน  อย่าลืมนะครับว่าสุเทพ เทือกสุบรรณ  ทำเสียหายแก่สถาบันท่านอย่างยิ่งใหญ่

สุเทพ  เป็นกำนันเก่า  ถูกสนธิ ลิ้มทองกุล  ดูแคลนหยามหมิ่น โดยเอาสถาบันมาเหยียบย่ำทั้งสถาบัน  ที่เอเอสทีวี ว่า  ลูกกำนันอย่างสุเทพสู้ลูกจีนอย่างผมไม่ได้    สุเทพยังไม่มีน้ำยาตอบโต้เลย 

กำนันต้องแก้แค้นเจ๊กลิ้ม   ไอ้คนลวงโลกนี้ครับ 

ถ้าจะยกกำนันผู้ใหญ่บ้านก็อย่าลืมหัวหน้าคุ้มต่าง ๆ ในเขตเทศบาล อีกจำนวนหนึ่งด้วย  นะครับ 

หัวหน้าคุ้มเหล่านี้  ถ้าตามคติหรือแนวคิดเดิมเขาก็มองว่าทำงานเอาบุญ  แบบเสียสละ  ทำนองเดียวกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทายกวัดนั่นแหละครับ  ทำงานเอาบุญ  แบบเสียสละ   และที่สำคัญก็คือ แนวคิดที่ว่าไม่ให้ฐานะราชการเพราะไม่ให้เป็นนายประชาชน ให้เป็นเพียงประชาชน  ให้เป็นผู้รับใช้ประชาชน  ในแนวความคิดเดิม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทายกวัด  หัวหน้าคุ้มนี้จะไม่มีอะไรใหญ่  ไม่ก่อเหตุให้อัตตากำเริบ   ............จึงเป็นระบบที่ไม่มีการยึดติดในอำนาจ  เพราะไม่มีอำนาจ    และเขาไม่บังคับ จะอยู่จะไปก็ได้ ........  ก็เลยหาคนเป็นทายกวัดค่อนข้างยาก ผู้ใหญ่ กำนันก็หายาก  นี่ก็เป็นยระบบที่ดีแก่ประชาชน  เพราะคนเหล่านี้อยู่ในฐานะผู้รับใช้ประชาชนจริง ๆ จะอยู่หรือไปก็อยู่ที่ประชาชน  และมีบ่อยครั้งไปที่ถ้าประชาชนไม่ยอมให้ไปก็ไปไม่ได้  

เมื่อมีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน หรือเลือกทายกวัด เดิมหลายปีมาแล้ว  เขาก็ทำกันง่าย ๆ   ประชุมกันที่วัดแล้วก็ชี้เอาใครก็ได้  คนก็ยอมรับ   เพราะตำแหน่งไม่ค่อยมีความหมายเท่าไร  ให้ใคร ๆ ก็ไม่อยากเอาอยู่แล้ว  และที่สำคัญหลักการอยู่ที่เป็นตำแหน่งที่เสียสละ  ไม่มีเงินเดือน  ทำงานเอาบุญ  รับใช้ประชาชน รับใช้แผ่นดิน  จนต่อมามีคนเห็นใจให้เงินเดือนก็ได้นิดหน่อย  ไม่ให้มาก  ถ้าให้มากคนจะอยากเป็นจะเป็นเหตุให้กำเริบเสิบสานตั้งตนเป็นนายประชาชน มองหาแต่ช่องทางแสวงหาประโยชน์ตนกับพวก  และเป็นเหตุให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกขึ้น ดังที่เป็นอยู่ทั่วประเทศขณะนี้  ...นี่คือหลักการเดิม  หลักการว่าด้วยการเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา  ไม่เหนือประชาชน  แต่กลับเป็นตำแหน่งที่รับใช้ประชาชนจริง ๆ  ประชาชนก็เป็นอิสระ  สบายใจ   มีเวลาทำงานการอาชีพมากขึ้น

นี่คือหลักการที่ควรให้เป็นไปต่อไป  ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน 

หรือทางที่ดีที่สุด  เมื่อมี  อบต.แล้ว  ก็ควรยกเลิกไปเสีย  เมื่อมีอบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  ก็ไม่มีความจำเป็นอย่างใด    เพราะอบต.รับผิดชอบแทบทั้งหมดในระดับตำบล หมู่บ้านอยู่แล้ว  และตั้งแต่มี อบต.  ก็มีข้อเท็จจริงว่า  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แทบไม่ได้ทำอะไร   อะไรคือความรับผิดชอบของกำนันผู้ใหญ่บ้าน เมื่อมีอบต.  ก็ซ้ำซ้อนงานกัน เสียงบประมาณ  และที่สำคัญ  ไปยกฐานะขึ้นเป็นข้าราชการ  กลายเป็นประชาชนมีเจ้านายเหนือหัวเพิ่มไปอีก  มันกดดันประชาชนอย่างน่าสงสาร

สรุปก็คือ   ยกเลิกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเสีย

ให้มีองค์กรเดียวคือ อบต.  ก็พอแล้ว  และแท้จริงนี่คือวถีทางที่ประชาธิปไตยท้องถิ่นจะเจริญไปอย่างรวดเร็ว  โดยมีเพียงอบต.เท่านั้น

มันเป็นประชาธิปไตยในอุดมการณ์เลยนะครับ

ที่ในระดับท้องถิ่นของไทย  จะมีอบต.เป็นหน่วยล่างสุด  ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ได้รับการสร้างสรรค์ให้เป็นหน่วยสำคัญจริง ๆ  มีการจัดทำงบประมาณตนเอง บริหารงบตนเอง และสามารถทำนโยบายตนเองได้บ้างแล้ว 

ก็เหลืออยู่อย่างเดียว คือถางป่ารกออกเป็นแผ่นผืนดินกว้างใหญ่ สะอาด สวว่างหูสว่างตา  มีถนนประชาธิปไตยให้กว้างใหญ่  ผมหมายถึงเอาพวกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  ออกไปเสีย    ให้เหลือ อบต.เพียงหน่วยเดียว  ประชาธิปไตยจึงจะเดินไปอย่างสมบูรณ์ในระดับท้องถิ่น  และไม่รกรุงรัง ไม่น่าเวียนหัวอย่างยิ่งอย่างในปัจจุบัน  

แล้วประชาชนก็จะได้มีสมาธิต่อ อบต. ดูแล อบต. ตรวจสอบ อบต.  เลือกตั้ง อบต.  ได้อย่างสบาย ๆ ใจขึ้น 

ดูตอนน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554  ........   อบต.ทำอะไร  กำนันทำอะไร   ผู้ใหญ่บ้านทำอะไร       มั่วไปหมด 

แถมผู้ใหญ่บ้านก็ไปเซนต์เอกสารหลอกลวงรัฐบาลไปอีก   มีนาน้อยก็ว่ามีนามาก   ไม่มีนาน้ำท่วมเลยก็บอกไปได้ว่ามี 100 - 200 ไร่ เอาไปหลอกธกส.เบิกเงินไปแบ่งหมู่กลุ่มตน ............

เวลาปกติก็ไม่มีงานการอะไรทำ    ไม่มีเกราะตีประชุมเหมือนยุคผู้ใหญ่ลีแล้ว

ยุบเถอะครับ   ยุบเถอะ   ..............มาสร้าง อบต.  

แล้วพิจารณายุบ  สข.    ยุบ  อบจ.    อีกต่อไป     ให้ประชาธิปไตยรัดกุมและง่ายขึ้น   มีองค์กรเท่าที่จำเป็น.....

#  อนุสรณ์ปัดแนวคิดยุบอบจ.แค่ความเห็น ปรีชายันเพื่อไทยเคารพหลักการกระจายอำนาจ.......DNN... 3 มิ.ย.2556

 เหลืออบต.ก็แดกง่ายซิครับ บริหารงบเองเหรอครับ 30% ครับถ้าจะเข้ามาประมูลอย่าพูดดีกว่าครับเข้าหาประชาชนตอนจะเลือกตั้งพอได้แล้วไม่สนใจแล้วถ้าชาวบ้านมาแจ้งก็ไปบอกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านซิ อบต.ฝ่ายบริหารไม่เกี่ยวไว้สร้างถนนเข้าสวนเองดีกว่าว่าแต่คนอื่นเป็นนายอบต.ก็ยืดเหมือนกันลองไม่มีเงินเดือน งบประมารอยากรู้หน้าไหนจะมาเป็นอย่าใช้สโลแกน หาความสุข ใส่ความทุกข์ ให้ประชาชน ลองเอางบประมาณมาให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านบ้างซิลองพัฒนากันดูใครดีกว่ากัน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย เขาลงมือช่วยกันทำกันลงพื้นที่จริง ไม่ใช่จ้างให้เขาทำ จ้างใครก็ทำกันได้ไม่ใช่เงินเองเงินชาวบ้านทั้งนั้น นั่งแต่ในห้องแอร์ออกพื้นที่เฉพาะตรวจงาน ใครเป็นนายกันแน่คิดบ้าง  สุดท้ายที่บอกว่าอดีตกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นข้ารับใช้ประชาชน  แล้วปัจจุบันอบต.จะเป็นอะไรกันละครับ 1)ผู้ใช้เงินประชาชน  2)ผู้บังคับประชาชน 

 ลาออกเถอะ คสชยิ่งอยู่นานๆประเทศชาติก็ไม่ได้เจริญก้าวหน้าแทนที่จะปฏิรูกำนันผู้ใหญ่บ้านให้เหลือวาระ4-5ปีกลับขึ้นเงินเดือนให้จะบ้าไปแล้วถามความคิดเห็นประชาชนบ้างประเทศชาติคิดบริหารแบบนี้ประเทศชาติคงจะแย่เหมือนเก่าๆท่านมาเป็นนายกก็ไม่ได้มาทำอะไรกับในสิ่งที่เป็นประชาธิปไตย ผมคิดว่าท่านบริหารแบบเกาหลีเหนือดีกว่าใครขัดขี่นใครไม่ทำตามประหาร