อ.พัชรา กอปรทศธรรม
You can click to see the English translation.
อย่างนี้นะอ.พัชรา เด็กเขาอาจจะไม่รู้นิยามหรือความหมายของสมาธิ ฌานด้วยซ้ำ แต่เขาทำไปแบบธรรมชาติ ใจมันเป็นไปเองเมื่อมันนิ่ง และคนได้สัมผัสใจที่นิ่ง ก็อยากให้มันนิ่งไปนาน ๆ ก็เพิ่มพลังสมาธิไป พลังสมาธิที่แข็งแกร่งสูงส่งจะทำให้ใจต่อต้าน ต่อสู้ตัณหาที่มาสุ๋ใจขณะนั่งสมาธิได้ และนั่นแหละจึงมีเรื่องเด็กบรรลุอรหันต์ในอดีต
..หรือแม้สมัยนี้ก็อาจจะเป็นได้โดยให้ดูสมาธิที่ใจ รู้ที่ใจตนเอง ดูใจตนเองให้เห็น ให้ชัด แล้วจะรู้จักพัฒนาไปเอง(แบบไม่ต้องไปถามใคร รู้เห็น เหตุและผลด้วยตนเอง) อย่างเช่นเด็กฝรั่งนั่งสมาธิกันนั้น
เขาเป็นวัฒนธรรมมีเหตุมีผลแบบนักวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว ให้เข้าใจว่าดูใจให้ออก ทำไปแบบธรรมชาติ ก็ถึงหรือบรรลุใจสอาด สงบและใจบริสุทธิ์สิ้นเชิงไปจากกิเลสตัณหาได้ก็สำเร็จมรรคผลได้ แม้ว่าเป็นเด็ก
เรื่องของเรื่องคือเป็นเรื่องของใจล้วน ๆ ทำใจให้บริสุทธิ์สะอาดเกลี้ยงไปหมด โดยเกลี้ยงไปจากตัณหา ให้ได้ ขณะนั่งสมาธินั้นแหละ ดูใจตนเองให้เห็น ให้เห็นกิเลสแล้วฆ่ามันทิ้งไป ตรงนี้เองคือ มรรคผล นิพพาน ตรงที่ใจเราเกลี้ยงไปจากกิเลส ตัณหา อุปปาทาน ดูตัณหา 3คือ กามตัณหา ภวะตัณหา วิภะวะตัณหา เกลี้ยงไปหมดจากใจ
ที่จริง จะทำอย่างไรก็ตาม ให้ตัณหาทั้ง3นี้เกลี้ยงไปจากใจ ก็สำเร็จเข้าสู่โลกนิพพานได้ วันหนึ่ง ๆจึงเพียรนั่งสมาธิดูกิเลสในใจตัวเอง แล้วฆ่าทิ้งไปให้เกลี้ยง นำใจเข้าสู่ความว่าง ที่ไม่มีอะไรมารบกวนใจเราได้เลยให้ได้ ...
ก็คือที่ ตำราว่า อากาสานญฺจายตนฌาน (ชื่อน่ากลัว แต่คือ อากาศว่างนั่นเอง) แล้วเพ่งอยู่ในความว่างนั้นเองก็สำเร็จ หรือใจไม่คิดอะไรอีกต่อไปสัญญาทั้งหลายหรือความผูก ฝังใจ ความนึกคิดเก่า ๆ หรือใหม่ ๆ ในอดีตปัจจุบัน อนาคต หายเกลี้ยงไป เรื่องในอนาคตก็ไม่คิดตามหลักตำราว่า เนวสญฺญานาสญฺญายตนฌาน(ชื่อน่ากลัวอีก แต่นี่คือสัญญา ความจำความคิดวิตก เป็นห่วง ซึ่งมันเป็นตัณหา กิเลสอยู่ นั่นเอง ฆ่ามันให้เกลี้ยง) นั่นเอง ก็สำเร็จ จึงเป็นอกาลิโก คนทำดีมีอยู่ตราบใดโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์