เราควรจะเข้าใจกันก่อน ในฐานะชาวพุทธ นะครับ ว่า ปุถุชน กับ อริยชน หรืออริยบุคคล นั้นมีฐานะไม่เสมอกัน ปุถุชนนั้นคือคนมีกิเลสครบถ้วนแบบวิถีทางส่ำสัตว์ในวงจรของวัฏฏสงสาร คือยังคงมีทางเดินของชีวิตแบบไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่ไปตามกำลังของกิเลส ตัณหา แล้วไปไม่ตรงทิศทาง หลงทางวนเวียนเหมือนคนหลงป่านั่นเองไม่ผิดเลย จะวนกลับมาสู่ที่เดิมอีก และเป็นเช่นนี้ไปตลอดไป นับโกฏิ ๆชาติ คือมันได้แต่วนไปวนมาอยู่แบบนี้ไปไม่รู้จบ นั่นคือ วนจาก เกิดขึ้นมา แล้วแก่ แล้วเจ็บ แล้วตายไปเอาละ เราไม่รู้หรอกว่าตายแล้วไปไหน แต่ ตายแล้วก็มาเกิดใหม่ นี้แหละแน่นอน ดูบุพชาติ10ชาติของพระพุทธเจ้าประกอบก็ได้ แล้ว เกิด แล้ว แก่ เจ็บ ตาย เกิดใหม่ ก็มาซ้ำรอยเดิมแบบใหม่ อยู่อย่างนี้.....ตราบที่ยังอยู่ในสภาวะของปุถุชน ทีนี้ อริยชนนั้น ไม่ใช่ปุถุชน ต่างจากปุถุชนที่ท่านมีเส้นทางชีวิตที่ตรงไปแล้ว ไม่หมุนวนไปในวัฏฏสงสารอีก ท่านข้ามไปฝั่งนู้นแล้วไม่กลับมาอีก ...อริยชนนี้ ดูสิพอบังเกิดพระพุทธเจ้าขึ้นมา จึงได้มีการบังเกิดอริยชนคนแรกขึ้น ก่อนนี้ไม่เคยมีเลย ก็ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ท่านได้สดับฟัง ธัมมจักกัปปวัตตนะสูตร ท่านลงไปรู้แจ้งในสัจธรรมข้อย่อยที่ว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นย่อมดับล่วงลับไปเป็นธรรมดา ..ไปอ่านนะครับ ว่าไว้ชัดเจน และพุทธองค์ก็ทรงมาเน้นว่าโกณฑัญญะรู้แล้ว สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับล่วงลับไปเป็ฯธรรมดา สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ขึ้นเป็นองค์แรกในโลก และนั่นแหละเร่ิมต้น ความมีอริยบุคคลขึ้นในโลกนี้ ...เราอาจจะไม่ทราบก็ได้ว่า อริยบุคคล มี 4 ระดับ เรียงลำดับได้8 อันดับ คือ โสดาปันมรรค โสดาบันผล ....ถึง อรหัตตมรรค อรหัตผล ......แต่ประเด็นที่ถามมานี้ เราจะมาเข้าใจกันก่อนว่าโสดาบัน นั้นเป็นอริยบุคคล ที่ต่างจาก ปุถุชน ดังกล่าวมา คือปุถุชน วนอยู่ในโลกสงสารไม่รู้จบ แต่อริยบุคคล เร่ิมจากพระโสดาบันแล้ว นั้นและ ทางท่านตรงแล้ว อยู่ที่พลังของท่าน หากท่านมีพลังแรงพอก็ถึง อรหัตผลภายใน 7 ชาติหรือก่อนก็ได้ หรืออย่างปัญจวัคคีทั้ง 5 ท่านก็ลัดไปสู่อรหัตผลหลังฟังพุทธธรรมกัณฑ์ที่2คือ อนัตตลัขณะสูตร 7 วันต่อมานั้นเอง เรื่องความไม่มีตัวตน ฟังจบก็สำเร็จอรหันต์เลยเพียงใน 7 วันเท่านั้น