เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้วComputerman36:003ThaiPBSไทยบันเทิง 8 ก.ย.2563 09.40 : ท่านรอง เค้ามูลคดี คนเด่นดีดังในวงการบันเทิงไทยมาจนชราวันนี้ เสียภริยาคู่ชีวิต ปทมวดี เค้ามูลคดี ไป นำศพเข้าวัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน จะเผาวันที่ 23 ก.ย.นี้ นี่คือบุคคลที่ทำความดีมีชื่อเสียงมาตลอดชีวิต และชีวิตคู่นั้นเป็นแบบอย่างแห่งผัวเมียที่รักกัน มีบุตร ๆ ที่ดี ๆ มีเพื่อน มีผู้เคารพนับถือ ผู้มีความตตัญญูกตเวทิตา ปรากฏในงานสวดพระอภิธรรมทุกคืน ๆ มานั้นเอง ตามข่าวนี้เห็นมีโฉมฉาย ฉัตรวิลัย คนยุคเก่าถ่อร่างมาร่วมงานด้วย คับคั่งด้วยคนที่รักมาร่วมในงานสวดพิธีศพ สิ่งที่ท่านรอง ได้เล่ามา เรื่องความรักภริยา ซื่อสัตย์ ต่อกันมาจนไม่อยากพรากจากกันเลย
จนแทบว่าตายแทนกันได้แต่เมื่อภริยาป่วยหนักลง ตนเองก็สงสาร ถึงขั้นอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อ้างคุณงามความดีต่าง ๆ ขอให้เมียรอดชีวิต แต่ก็ไม่รอด จึงได้รู้ความจริง จนพูดออกมาว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่มีหรอก ซึ่งนี่แหละเป็นสัจธรรมของชีวิตที่ท่านรองได้รู้เข้า ซึ่งพระพุทธศาสนากำเนิดขึ้นมาแบบนี้ จึงไม่สอนให้คนไปเชื่อหรือหลงไปกับสิ่งที่เรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ให้รู้ในเรื่องความจริงของชีวิต ความจริงนี่แหละที่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่มีหรอก ก็เกี่ยวกับภริยาตนเองนั่นเอง ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิมีจริงแล้ว ขอไม่ให้ตาย ก็ย่อมจะไม่ตาย ขอไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ขอให้ไม่ให้แก่ ก็จะไม่แก่ ขอไม่ให้ตายก็จะไม่ตาย นั่นเอง แต่ตั้งแต่มีโลกเกิดมามีมนุษย์ มีสิ่งศักดิ์สิทธ์บันดาลให้อย่างที่ว่ามาหยู่หรือ? มีหรือที่คนเกิดมาแล้วไม่แก่ แล้วไม่เจ็บ แล้วไม่ตาย มีหรือ? นี่ต่างหากที่มันเป็นไปของมันเองแบบนี้
ซึ่งคนแต่ก่อนๆมีพระพุทธศาสนาจะไม่รู้ รู้แบบผิด ๆ ไปว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยช่วย เพียงแต่คนเราไม่ค่อยรู้เท่านั้นเอง มารู้เข้าแบบที่ท่านรองรู้เข้าจากกรณีมรณกรรมของภรรยานี่เอง มารู้ รู้ความจริงเข้า จึงพูดได้เต็มปากว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มี และก็ไม่มีจริง ๆ สิ่งที่จะช่วยเราได้แต่ละคนนั้นกลับเป็นกรรมะของเราเอง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ได้ไปเกิดใหม่ที่ดี หรือที่เลวแล้วแต่กรรมนำไป และที่สำคัญขณะเรามีชีวิตอยู่นั้น ต้องแสวงหาสัจธรรมหาความรู้ คือความรู้ของเราเอง ที่รู้ความจริงของชีวิต พุทธศาสนาจึงสอนเราเรื่องไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา เมื่อมารู้ความจริงของชีวิตจึงมาถึงระดับ สิกขาชั้นสูง ระดับปัญญารู้ความจริงแล้ว อย่างที่ท่านรองได้รู้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีนั่นเอง และที่เป็นความรู้สูงไปอีกก็คือ ชีวิตเรานี้ มีดวงจิตของเราเองที่เป็นที่พึ่งได้ ไม่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะพึ่งไม่ได้เพราะไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่นแหละมาพึ่งตนเองเท่านั้น และนั่นเอง นำไปสู่ปัญญาอันสูงสุดคือ ปัญญาวิมุติ ที่ไปสู่ความสงบอย่างนิรันดรที่มันจะเกิดในดวงใจของเรา ฉะนั้น คนทั้งหลาย เมื่อใดก็ตาม มาสู่ปัญญาวิมุติอันสูงสุดก็ถึงภาวะที่พึ่งตนเองได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือ จิตใจที่พ้นไปจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน หรือ ใจที่ไร้กังวลใดใดอีกต่อไปแล้ว ก็จะเข้าสู่ภาวะแห่งความสะอาด สว่างสงบ นั่นแหละถึงเป็นฆราวาสหรือคนใดในโลกนี้ มาถึงจุดนี้แล้วก็จะรู้แจ้งไปทั้งหมดเรื่องของชีวิตทั้งหลาย เข้าสู่วิมุติสุขตลอดกาลนานนิรันดร ตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง @เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้วComputerman36บัวระย้า ชบาบุญเสฏฐ์ 8 ก.ย.2563 11.00