Phayap Panyatharo
แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของ
ภูมิธรรม ภูธร
รู้สึก..ตลก..ที่โดนไล่ออกจากกลุ่ม พุทธภูมิผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า...เพียงเพราะผมบอกว่าผมไม่ใช่สาวก....ผมเป็นพุทธภูมิ...555+...
ที่แท้ก็มีแต่สาวก..ที่หลงผิดว่าตัวเองเป็นพุทธภูมิ
...เป็นถึงแอ๊ดมิน...แต่ไล่สมาชิกออก..เพียงแค่เขาบอกว่าเขาไม่ใช่สาวกภูมิ..แต่เป็นพุทธภูมิ..
11ภูมิธรรม ภูธร และคนอื่นๆ อีก 10 คน
ความคิดเห็น
-
ก็ผมปฏิบัติแล้วเป็นแบบนี้..จิตผมเลือกพุทธภูมิ..ไม่ได้ เลือกสาวกภูมิ...ผมผิดด้วยหรือที่ไม่ได้เป็นสาวกภูมิ..แบบท่าน.กิตติ...ท่านถึงต้องไล่ผมออกจากกลุ่มพุทธภูมิผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
-
-
แต่ผมเป็นพุทธภูมิ
-
-
คนล่ะเรื่องเลย ที่จริงเค้าก็เตือนพี่มานานล่ะ ในเมื่อไม่เหมาะกับจริตก็ตั้งกลุ่มเองแบบที่พี่เคยทำน่ะถูกแล้ว
-
Rammiti D. Sumrit
หรือท่านรามก็เป็นสาวกภูมิแบบท่าน กิตติ.ไม่ได้เป็นพุทธภูมิแบบผม.ถึงไม่โดนไล่ออก
-
-
ภาษาพาเข้าใจผิด ตีความผิด จึงเข้าใจผิด นักเรียนปรารถนาจะเป็นอาจารย์ในอนาคต แต่ปัจจุบันมีสถานะเป็นศิษย์อยู่ ต่อเมื่อเรียนจบจึงสมัครเป็นอาจารย์ เปลี่ยนจากสาวกเป็นศิษย์ก็จบความ
-
Bird Good Luck
แล้วกลุ่มพุทธภูมิผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า.ที่อ้างต้นว่าเป็นศูนย์รวมพระโพธิสัตว์..ตั้งขึ้นเพื่ออะไร...ถ้ายังเป็น.สาวกอยู่เหมือนกันทุกดวงจิต.ไม่แบ่ง.ความปรารถนา.จนกว่าจะได้ตรัสรู้....ทำไมไม่ตั้งชื่อกลุ่มว่า กลุ่มสาวกพระพุทธเจ้าโคดม...แต่ท...
ดูเพิ่มเติม
-
ท่านกำลังเรียนครู แต่ท่านยังไม่จบครู
ท่านก็ไม่เคารพครูที่กำลังมีอยู่ที่กำลังสอนท่านอยู่แล้วตีตนเสมอครูเสียแล้ว
ท่านควรพิจารณาเองครับว่า...
ดูเพิ่มเติม
-
- ·
ตอบกลับ
- · 1 วัน
- ·
แก้ไขแล้ว
-
Surachai Sauilee
ท่านอย่ากล่าวเลยว่าผมไม่เครารพครู(พระพุทธเจ้า)..ถ้าท่านมีปัญญาจริง..ท่านจะเห็นว่าผมเอาแต่คำพระพุทธเจ้ามาสนทนาในธรรมนั้นๆ..เช่นเรื่อง มงคล 38 ประการผมก็เอาคำครู(พระพุทธเจ้า)..ท่านพิจารณาอย่างไรว่าผมไม่เครารพครู...ในเมื่อครู..(พระพุทธเจ้...
ดูเพิ่มเติม
-
ผมไม่ใช่สาวก..ผมเป็นพุทธภูมิ...ผมกล่าวเช่นนี้ในกลุ่มนี้...ผิดใช่มั้ย....ท่านสุรชัย..ลองใช่ปัญญาของท่านพิจารณาดู...แล้วชี้ว่าผมกล่าวผิดตรงไหน......ถ้าสมมุติ.ผมเป็นผู้เที่ยงแท้ต่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วเท่านั้น..ผมกล่าวว่าผมไม่ใช่สาวกภูมิ....มันผิด...
ดูเพิ่มเติม
-
พระสาวก คือ อะไร และสาวกภูมิ คืออะไร ต้องแยกแยะออกให้ได้ ท่านก็เล่นไปเหมารวมว่า พระสาวก ก็เหมือนสาวกภูมิไปเสียเรียบร้อย พุทธภูมิหรือพระโพธิสัตว์ เมื่อลงมาบำเพ็ญเพียรบารมีในศาสนาในยุคหนึ่งยุคใด ท่านก็ให้ความเคารพและนอบน้อมต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในยุคนั้นเสมอ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต และปฎิบัติตามแนวทางให้ถูกทาง ส่วนสาวกภูมิคงไม่ต้องสาธยายให้มากความ ท่านคงเข้าใจในความหมายดีอยู่แล้ว
กราบขอขมาท่าน ถ้าล่วงเกิน
-
งั้น พุทธะ กับ พุทธภูมิ..ต่างกันอย่างไร...ท่านอธิบายให้ผมฟังได้มั้ย..ว่าต่างกันอย่างไร..
-
Khajonsak Yolsuriyan
.แล้วท่านพิจารณาดูคนที่ลบผมออกจากกลุ่ม..ใครเครารพพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามากกว่ากัน...เพราะผมเคยโดนไล่ออก..เพราะเอาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปชี้แจงว่าอาจารย์เขาซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า..ได้สอนธรรมค้านพระพุทธเจ้า...แต่เขาก็ไม่เครารพพระธรรมของพระพุทธเจ้า..เรียกที่จะเชื่อคำสาวกที่เป็นอาจารย์ตน...ผมว่าท่านก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี
-
เอาเวลาไปกวาดจิตกวาดใจ...ให้สะอาดดีกว่า....ไม่มีใครผิด...ใครถูกหรอกถ้าเอาเหตุ-ผลของแต่ละคนตัดสิน....การหมั่นเอาความความสงบ ความสะอาด ความสว่าง...เข้าหากันอคติย่อมไม่บังเกิด.
-
- ·
ตอบกลับ
- · 1 วัน
- ·
แก้ไขแล้ว
-
ในศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรา แบ่งมนุษย์ออกเป็น 2 พวกครับ คือ ปุถุชน กับ อริยชน หรือ อริยบุคคล ๆ มี 8 จำพวก โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล, สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล, อนาคามิมรรค อนาคามิผล, อรหัตตมรรค อรหัตตผล, และ เลยไปสู่ พุทธะ แล้วแบ่งเป็นปัจเจกพุทธะ กับ พุทธะพระพุทธเจ้า ปัจเจกพุทธ ท่านรู้แจ้งแล้วแต่ท่านไม่สอน(มีตัวอย่างก็ในเรื่องไซอิ๋ว นั้นแหละครับ เห้งเจีย อยากรู้วิชาชั้นสูงกว่าที่ตนรู้อยู่ รู้ว่ามีพระปัจเจกพุทธเจ้าอยู่ในเกาะใหญ่เร้นลับกลางทะเล ก็ไปตามหาพระองค์จนพบและมอบตนเป็นศิษย์ จนได้ความรู้สามารถเหาะแบบดั้นเมฆได้ นั่นแหละ พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นี้ท่านสั่งเลยว่าเห้งเจียออกไปจากเกาะนี้แล้ว ห้ามพูดถึงพระองค์อย่างเด็ดขาดหากพูดจะมีโทษร้ายแรงถึงเด็ดหัวเจ็ดชั่วโคตรเลย นั่นแหละครับพระปัจเจกพุทธเจ้า) ส่วนพระพุทธะพระพุทธเจ้าของเราท่านบรรลุแล้วท่านนั่งพิจารณาอยู่ตั้ง 49 วัน ว่าพระธรรมที่ท่านทรงรู้มันลึกซึ้ง ท่านก็คิดว่าคนคงจะฟังไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ บรรลุตามไม่ได้ หากท่านคิดอย่างนี้และไม่สอน หลีกไปเสวยสุขคนเดียวเงียบๆดีกว่าท่านก็จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าของเราพระองค์ทรงมีพระเมตตาสูง ประกอบกับมีพระพรหมมาอาราธนาให้ท่านสอน ท่านจึงออกมาสอน และสอนปัญจวัคคี เป็นธรรมบทแรก ทรงตรัสสอนไปจนจบธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ปรากฎว่า ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน คนแรก(สำเร็จด้วยบทว่า ยังกิญจิ สมุทยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา) จึงมีพระอริยบุคคล เกิดขึ้นในโลก ระดับโสดาบัน เกิดขึ้นเป็นองค์แรก เป็นพระโสดาบันองค์แรก ส่วนอีก4 รูปยังไม่สำเร็จอะไร เป็นปุถุชนต่อ
-
7วันต่อมา จึงทรงสอน อนัตตลักขณสูตร เรื่องความไม่มีตัวไม่มีตน คือเรื่องความว่าง ความไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรนั่นเอง ทรงแสดงจบ ปรากฎว่า ปัญวัคคีย์ทั้ง 5 สำเร็จอรหันต์พร้อมกันเลย โดยข้ามขั้นไปเลย 4 องค์ข้ามขั้นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหัตตมรรค เข้าสู่ อรหัตตผลไปเลย นี่แหละ อริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ในยุคพระพุทธเจ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรานี้ หรือยุคไหนก็ตาม ไม่มีพระพุทธเจ้า เป็นองค์ที่ 2นะครับ มีองค์เดียว ถึงมีก็เป็นปัจเจกฯหมด คนในโลกเรานอกจากพระอริยบุคคลแล้ว ก็บล้วนแต่เป็น ปุถุชนหมด....แม้กระทั่งเทวดา เทพเจ้าต่างๆบนสวรรค์ ก็ถือว่าเป็นปุถุชนนะ(ทางศาสนาพุทธแม้พระเยซู ศาสดาศาสนาคริสต์ พระมะหะมัด ศาสดาศาสนาอิสลาม ก็เป็นปุถุชนนะ) อริยบุคคล มีเฉพาะ8 ประเภทดังกล่าว รวมทั้ง พระปัจเจกพุทธเจ้า และ พระพุทธเจ้าด้วยเป็น 10 ความดี ความเลิศประเสริฐ ของพระอริยบุคคลแม้ระดับต้นเลยคือพระโสดาบันนี้ ยากที่ปุถุชนจะรู้ได้ เป็นเองจึงจะรู้ว่าเลิศประเสริฐเหนือโลกทั้ง 3 เลย(มีคำบูชาท่านมากมายในคัมภีร์ เช่นท่านยิ่งกว่ามหาจักรพรรดิ์เป็นต้น) คำว่าปุถุชนนี้ หมายถึง คนมีกิเลสอยู่ แม้กระทั่ง ท่านผู้บำเพ็ญสู่พุทธภูมิ โพธิสัตว์ ที่ถามกันอยู่นี่แหละครับ เอากิเลส ตัณหา อุปาทาน เป็นสิ่งตัดสิน ความเป็นปุถุชน หรือ อริยบุคคล ข้อแตกต่างระหว่างอริยบุคคลกับปุถุชน ก็คือ อริยบุคคล แม้เพียงระดับต้นคือโสดาบันท่านจะหยุดการทำบาปทำชั่วลงอย่างเด็ดขาด ส่วนปุถุชน ขึ้น ๆ ลง ๆ ไป ไม่ว่าจักรพรรดิ์ หรือ แม้พระโพธิสัตว์ ก็อาจจะดิ่งดำต่ำลงนรกได้ แต่ โพธิสัตว์นั้น มีทั้งโพธิสัตว์อริยบุคคล กับโพธิสัตว์ปุถุชน นี่แหละครับแลกเปลี่ยนความรู้กันขอให้เจริญทุกท่าน ๆ
-
- ·
ตอบกลับ
- · 1 วัน
- ·
แก้ไขแล้ว
-
Phayap Panyatharo
ท่านช่วยอธิบาย..ได้มั้ยครับ.ว่าโพธิสัตว์ปุถุชน..กับพระโพธิสัตว์อริยบุคคล..ต่างกันอย่างไร...และ..เหตุใดโพธิสัตว์ถึงเป็นอริยะบุคคลได้
-
Phayap Panyatharo
น้อมกราบสาธุในคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ... พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันท่านชี้ทางให้ทุกคนมีความสำเร็จอันสูงสุดคือพระอรหันต์ แต่ถ้าเราไม่มุ่งตรงต่ออรหันต์ ในช่วงทางแยกเราอาจมองเห็นเป็นอีกแบบ เป็นเหตุให้ผู้คนลงมติ ที่ดูเหมือนพระโพธิสัตว์จะเนรคุณต่อพระพุทธเจ้าเลยนะคะ จริงๆแล้วผู้คนก็ต่างมีกิเลสด้วยกันทั้งนั้นคะ แต่เราก็ขอยืนยันว่าเราเคารพพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน อาจจะเคารพมากกว่าคนที่ตำหนิเราด้วยซ้ำ เราเคารพพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนท่านเป็นอาจารย์ และเทิดทูลบูชารักสุดหัวใจ จึงอยากรักษาคำสอนที่ถูกต้องแท้จริงตามพระไตรปิฎก แต่เนื่องด้วยศาสนาเกิดมานานนัก ครูอาจารย์ต่างๆที่นำคำสอนพระพุทธเจ้ามาสอนต่อ ก็ไม่ทราบได้ว่า ครูอาจารย์เปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อกิเลสตนไหม ถึงอย่างไรพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า แม้แต่คำสอนของตถาตคก็ไม่ควรเชื่อ สุดท้ายขอย้ำว่านับถือคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เคยปรามาสพระพุทธเจ้า ถึงแม้ว่าใครจะตีความหมายในเจตนาผิด ก็ขออโหสิกรรมให้ และเราพร้อมจะอธิบาย ถ้าท่านเปิดใจรับฟังอย่างเป็นกลางโดยไร้ซึ่งกิเลสในใจท่าน
-
- ·
ตอบกลับ
- · 16 ชม.
- ·
แก้ไขแล้ว
-
ก็ธรรมดา ๆ เหตุผลธรรมดาๆ ก็อย่างท่านอัญญาโกญฑัญญะท่านเป็นปุถุชน ไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านสำเร็จเป็นพระโสดาบันได้อย่างไร แม้เป็นพระโพธิสัตว์ มีบารมีโพธิสัตว์แล้วแต่เป็นปุถุชนอยู่ ก็อาศัยเหตุและผล อย่างเดียวกันนั้น ไม่ต่างกันเลย อันนี้มันเพียงซ่อนเงื่อนอยู่ มันบัง ๆ อยู่ สักวัน เกิดเหลื่อมมุมออกมานิดเดียวก็เห็นได้เอง แบบง่าย ๆสำหรับบุคคลผู้พร้อมแล้ว....... มีกรณีอรหันต์องค์สุดท้าย เป็นพวกนักบวชพราหมณ์(เกิดจำชื่อท่านไม่ได้)ที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้าในวันที่ทรงปรินิพพานนั้น ซึ่งพระอานนท์เคยถามแล้วพุทธองค์ตอบไว้ว่าที่เมืองกุสินารา จะมีนักบวชแก่กล้ามาหาท่าน จะถามธรรมะ แล้วจะได้บรรลุเป็นอรหันต์องค์สุดท้ายของพระองค์ นั่นแหละ มันซ่อนเงื่อนเอาไว้นิดเดียว คือท่านมีข้อสงสัยในใจมานานแสนนาน ตั้งใจมาถามพระพุทธเจ้าให้ได้ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงทราบความในใจและปัญหานี้ จึงให้พระอานนท์นำเข้ามาเฝ้าในที่บรรทมที่จะเสด็จปรินิพพานนั้น ก็ถาม3 คำถาม 1. มีรอยเท้าบนท้องฟ้าหรือไม่? 2. มีใครหรืออะไรที่ไม่ตายมีชีวิตอมตะมีหรือไม่ และ 3. คำว่าพระอริยบุคคลมีในศาสนาอื่นหรือไม่ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตอบ ไม่ ไปทั้ง 3 ข้อ และก็ไม่ได้ทรงอธิบายอะไรเลย ท่านฟังคำตอบสั้น ๆ แค่นั้นเอง ก็บรรลุอรหันต์ เป็นพระอรหันต์องค์สุดท้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะทรงมีพระชนม์อยู่ นี่แหละ มันเหลื่อมอยู่ แค่เลื่อนมุมออกมานิดเดียวก็บรรลุแล้ว ซึ่งการบรรลุแบบนี้มีอยู่หลายองค์ในอดีต มา และเอาเป็นแบบอย่างได้ในปัจจุบัน ส่วนที่ถามว่าโพธิสัตว์อริยบุคคล กับ โพธิสัตว์ปุถุชน แตกต่างกันอย่างไร แตกต่างที่กิเลส และแตกต่างที่ อัตตาตัวตน แต่ส่วนที่เป็นอริยบุคคลนั้น มักจะไม่สนใจมนุษย์ชนทั้งหลายนัก ไม่คิดมองดู ไม่คิดช่วยเหลือนัก คิดเอาแต่ตัวเองไปให้พ้นจากเพลิงที่ไหม้อยู่ เอาตนให้รอดไปก็พอ หากแต่ท่านจะไม่ค่อยมีตัวตน ท่านพยายามฆ่าตัวตนให้หมดสิ้น แต่พระโพธิสัตว์ท่านจะมองทุกข์ยากลำบากของคนอื่น ของมนุษย์ทั้งหลาย และท่านคิดในทางร่วมทุกข์ร่วมสุข หรือคิดช่วยมวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์ด้วยจิตเมตตาที่ท่านจะมีมากเกินคนทั้งหลาย และด้วยเหตุนี้ ท่านจึงมักจะสะสมวิชาการต่างๆเพื่อช่วยเหลือส่ำสัตว์ให้พ้นภัย และ นั้นแหละ มักนำไปสู่ตัวตนที่กร้าวแกร่งเสมอไป นี่แหละข้อแตกต่าง ทีนี้ พระโพธิสัตว์ที่เป็นอริยบุคคลด้วยซึ่งก็มีมากและมักจะเป็นเช่นนี้ แม้ท่านกวนอิมโพธิสัตว์ ใช่ว่าท่านเป็นปุถุชน หากแต่ท่านเป็นอริยบุคคลแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถึงระดับ อรหันต์ ท่านอยู่ระดับ อนาคามีแล้ว แต่ท่านบำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์ไปพร้อมด้วย แต่ความเป็นโพธิสัตว์อริยบุคคลนั้นทำให้ท่านมีความสุขและทรงปัญญามากกว่าโพธิสัตว์ปุถุชน
-
- ·
ตอบกลับ
- · 7 ชม.
- ·
แก้ไขแล้ว
-
Phayap Panyatharo
ถ้าเป็นโพธิสัตว์..แล้วบรรลุธรรมในศาสนาของพระพุทธเจ้า..ไม่เรียกสาวก..ผู้รู้ตามหรือคับท่าน...ในเมื่อพระพุทธเจ้า..ตรัสว่า..ในศาสนา..มี คู่แห่งบุรุษสี่คู่นับเรียงตัวเป็นแปดจำพวก..คือ.โสดาปฏิมรรค...โสดาปฏิผล สกิทาคามีมรรค...สกิทาคามีผล อานาคามีมรรค..อานาคามีผล..อรหัตมรรค....อรหัตผล....โพธิสัตว์..ไม่บรรลุธรรมตามพระพุทธเจ้า...ตำรา.นี้ไม่จริงใช่มั้ยท่าน
-
คือเราต้องเข้าใจจุดเปลี่ยน อย่างใครก็ตามปุถุชนใดก็ตามไปถึงระดับ โสดาบันนี้ เป็น จุดเปลี่ยน จาก ปุถุชนเป็น อริยบุคคล...แต่เป็นเบื้องต้นของอริยบุคคล และดำรงสถานะอริยบุคคลชั้นต้น คือโสดาบันไปไปจนถึงระดับ อนาคามิผล จากนี้ จะไปสู่จุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่งที่สำคัญมาก นั่นคือ สู่สถานะพระอรหันต์ ทีนี้ ที่จะต้องเข้าใจก็คือระดับ โสดาบัน สกิทาคามี ไปถึง อนาคามี นี้(ยังไม่เข้าเขตพระอรหันต์) เป็นระดับอริยบุคคลก็ตาม แต่ยังอยู่ในโลกอยู่ อยู่ในโลกิียภพอยู่ ซึ่งโดยสถานะนี้แหละ อาจจะหวังสร้างบารมี เป็นพระโพธิสัตว์ ที่มีฐานะเป็น อริยโพธิสัตว์ ที่ยังคงเดินไปในเส้นทางสู่พุทธภูมิอยู่ต่อไปได้ เป็นพระพุทธเจ้าได้ ...ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดหรือพิเศษแต่อย่างใด เป็นเรื่องธรรมดา ๆ และหากว่าท่านไปทางโพธิภูมิไม่ได้ ท่านก็เปลี่ยนใจ ก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนจุดสุดท้าย คือก้าวสู่แดนพระอรหันต์ พ้นไปเลยจากโลกได้ แต่หากท่านยังเหนียวแน่นมั่นใจจะเอาโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าให้ได้ ท่านก็เดินต่อไปตามทางโลกียะมุ่งสู่โพธิพุทธเจ้าต่อไป ในสถานะพระอนาคามี สกิทาคามี หรือโสดาบันนั่นแหละไปได้ เป็นเรื่องปกติธรรมดาของพระอริยบุคคลระดับต้นนี้ เพียงแต่อย่าเพิ่งเข้าสู่แดนอรหันต เพราะนั่นแหละสู่วิมุติธรรมอันสูงสุดคือเข้าสู่โลกนิพพานไปแล้ว หายไปจากโลกเลย เพราะเมื่อสำเร็จอรหันต์แล้วท่านจะวางภาระลงหมดเลย ไม่สนใจอะไรต่อไปอีกแล้ว แม้พระโพธิญาณ เป็นจุดเปลี่ยน สู่สาวกภูมิเต็มตัว สาวกภูมิที่ประเสริฐสุด ที่เหนือสถานะใดใด แม้โพธิสัตว์ที่เป็นอริยบุคคลก็ตาม ฉะนั้น แม้เข้าสู่ภาวะอริยบุคคลระดับต้นดังกล่าวแล้ว แม้จะเป็นในสถานะพระสาวกอยู่ ก็ไม่เปลกอะไร ก็มิได้พ้นไปจากฐานะโพธิสุัตว์ส่วนตัวของเราแต่อย่างใด สามารถบำเพ็ญบารมีโพธิสัตว์ต่อไปได้อย่างเต็มที่ นั่นคือไปสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าได้่ ตรงนี้แหละ ต้องเข้าใจ และที่ต้องเข้าใจมาก ๆ ก็คือ บารมีของพระโพธิสัตว์ที่จะต้องสร้างนั้นเป็นอย่างไรต่างหาก บางที่ มีคนเป็นอันมากที่ใฝ่เป็นพระโพธิสัตว์มุ่งเป็นพระพุทธเจ้า แต่ยังไม่รู้ว่า จะสร้างบารมีอะไรบ้าง คิดไปว่าง่าย ๆ อะไรประมาณนั้น แต่หากได้เข้าใจได้รู้ว่าการจะเป็นพระพุทธเจ้านั้นต้องสร้างบารมีอะไร เบื้องต้น เบื้องกลางและเบื้องสูงแล้ว อาจจะถอดใจก็ได้ เว้นแต่ท่านที่มีเมตตาจริตล้ำเหลือจริง ๆ ก็คิดว่าที่ว่ามาจะพิจารณาอย่างรอบคอบ เข้าใจในเหตุและผล แห่งเส้นทางอริยมรรค นั่นคือเข้าใจจริงๆ เข้าใจด้วยตนเอง ขอแสดงความยินดีต่อดวงจิตมุ่งสร้างมหากุศลธรรม
-
แล้วโพธิสัตว์ปุถุชน...สามารถ..เป็นใจเป็น..สาวก...ได้มั้ยครับ
-
เลือกเอาได้ว่าจะต่อไป หรือ จะจบ จบลงที่อรหันตภูมิ .... ส่วนปุถุชนโพธิสัตว์นั้น ก็สามารถบำเพ็ญบารมีไปได้เองอยู่แล้ว ซึ่งมันจะยากกว่า เพราะปุถุชนจะยังมืดอยู่นั่นเอง แต่นั่นแหละ ต้องไปเข้าใจก่อนว่า บารมีการสร้างพุทธภูมิ คือ การจะเป็นพระพุทธเจ้าได้นั้น ต้องสร้างบารมีอะไร ให้รู้ตรงนี้ก่อนจึงค่อยตั้งความปรารถนา อย่างที่ว่ามา เราอาจจะไม่รู้ อาจจะนึกว่าง่ายๆ แต่แท้จริง แล้ว ยากสุด ๆ จนถึงต้องสร้างกันเป็นโกฏิปี ๆ ไปนู้น แต่หากเป็นพระอริยบุคคลโพธิสัตว์ มันช่วยได้เยอะ และ อาจจะสำเร็จลงในชาตินี้ หรือ ไม่กี่ชาติข้างหน้าก็ได้..... ที่ถาม อริยะโพธิสัตว์...เลิกความปรารถนาพุทธเจ้าไปเป็นสาวกได้ คำตอบคือ ใช่ และคำถามที่ 2 แม้โพธิสัตว์ปุถุชน สามารถเป็นใจเป็นสาวกได้ไหม คำตอบ เป็นได้ ......คืออย่างนี้ครับ คือ เราควรจะไปรู้เสียก่อน ๆ ที่คิดจะอธิษฐานจิตเป็นโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาพุทธ๓ูมิ ว่า บารมีที่จะสร้างเป็นพระพุทธเจ้านั้น เป็นอย่างไร ถ้าเราทราบทีหลังเข้าใจทีหลัง ใจมันอาจจะฝ่อลงไปก็ได้ และแน่นอน มีท่านที่เปลี่ยนใจไป จากพุทธภูมิ เป็นพระสาวก ก็มาก ตลอดมา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหานะ เป็นเรื่องปกติธรรมดา และ ก็เป็นเรื่องคล้าย ๆ กันอีกในประเด็นที่ว่า เพราะเราไม่ทราบว่า อริยบุคคล นั้นแสนสุดประเสริฐล้ำเลิศอย่างไรนั้นเอง เมื่อไปพบเองแล้ว จึงจะรู้ว่า นั้นแหละ แม้เป็นพระสาวกก็ประเสริฐ โดยเฉพาะ สถานะของพระสาวกระดับอรหันต์นั้น คำว่าอรหันต์คืออะไรเราต้องเข้าใจ และ แท้จริง อรหันต์นั้นก็คือ ส่วนหนึ่งส่วนเดียวกับพระพุทธเจ้านั้นเอง ....ก็เราเรียกพระพุทธเจ้าว่าอะไร เราเรียกพระองค์ว่า พระองค์เป็นพระอรหันต์ไง อรหังสัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (ข้าพเจ้าขอน้อมบูชาท่านผู้เจริญ องค์พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า) และแท้จริง สาวกภูมิเมื่อบรรลุอรหันตภาวะแล้ว ก็จะเป็นภาวะเดียวกับพระพุทธเจ้า นั่นเอง เท่ากับเป็นพระพุทธเจ้า เพียงแต่ด้านบารมีการสอนไม่กว่้างขวางแบบรู้แจ้งโลกเหมือนพระพุทธเจ้าเท่านั้น สำหรับคำแนะนำก็คือ ค่อย ๆ ทำไป สุขุม และมองให้เห็นทุกข์ และเหตุแห่งทุกข์ ที่เราอาจจะเผชิญอยู่
-
- ·
ตอบกลับ
- · 2 ชม.
- ·
แก้ไขแล้ว