Phayap Panyatharo ได้แชร์ความทรงจำ จากเฟสบุ๊ค
11 เมษายน เวลา 16:32 น. ·
3 ปีที่แล้ว
โอวาทธรรม ในเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ
การทำบุญตักบาตร เทศกาลสงกรานต์ 11 เม.ย..2561
ขอเจริญพร ท่านผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ ท่านผู้บริหารเรือนจำ ตลอดทั้งท่านผู้คุม เจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ผู้รักษาการณ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาท่านที่ได้ชื่อว่าผู้ต้องขัง หรือนักโทษในเรือนจำศรีสะเกษ ซึ่งมีจำนวนร่วม 2,000คนในวันนี้ ที่ดูแน่นขนัดไปเต็มห้องประชุมในวันนี้
การที่ทางเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดงานทำบุญตักบาตร ในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2561 นี้ ซึ่งได้ไปเกี่ยวข้องกับอาตมภาพ ในฐานะสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมหมู่ภิกษุสงฆ์จำนวน 5 รูป ได้มาร่วมในพิธีการทำบุญสงกรานต์ มาตั้งแต่เช้าและบัดนี้ได้สำเร็จลงโดยสมบูรณ์ ก็มาถึงวาระที่อาตมภาพในฐานะของประธานของหมู่สงฆ์ทั้งหลาย ที่จะได้ให้ธรรมะ หรือโอวาทธรรมเป็นข้อเตือนใจแด่ท่านทั้งหลาย ในการประพฤติตนให้ได้ประโยชน์แก่ตนเองในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้อย่างสูงสุด
โอวาทธรรมที่อาตมภาพจะมอบให้ท่านทั้งหลายต่อไปนี้ก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานสงกรานต์ในเทศกาลสงกรานต์ ที่ชาวไทยพุทธ และชาวพุทธทั่วโลกจัดขึ้น โดยทางฝ่ายเราก็จัดให้มีการรดน้ำพระประธาน ปูชนียวัตถุที่เคารพ แล้วมีการรดน้ำผู้ใหญ่ ผู้ที่เราทั้งหลายให้ความเคารพนับถือ ตลอดทั้งพ่อ แม่ และผู้ปกครองผู้ทรงคุณธรรมและทั้งผู้ใหญ่ก็ประพฤติเช่นกัน มีการรดน้ำผู้น้อย เป็นการตอบแทน โดยที่แท้จริง ต่างก็รดน้ำกันให้น้ำเป็นความย็นแก่กันและกัน และในที่สุด ประชาชนต่อประชาชนก็ออกมาเล่นสาดน้ำกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ในเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งสำหรับประชาชนไทยในประเทศไทย ก็กลายเป็นประเพณีที่โลกพลอยชื่นชม เป็นสิ่งที่นิยมของประชาชนคนต่างชาติ ต่างมาเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์ในไทยกันเป็นจำนวนมาก ทุก ๆ ปี รวมทั้งปีนี้ก็จะไม่น้อยไปจากปีก่อน ๆ อาตมภาพได้มองสถานการณ์เช่นนี้ จึงเห็นควรที่จะได้ทบทวนย้อนหลังไปสู่ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนากันสักเล็กน้อย เนื่องจากพวกเราทั้งหลายอาจจะหลงลืมเลือน หรือไม่ทราบความหมาย ความเป็นไปเป็นมา และความหมายทางอริยสัจธรรมสูงสุดที่ซ่อนเร้นอยู่ในกระแสการเล่นน้ำของเทศกาลสงกรานต์แต่ละปี
จำเดิมแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้ ใต้ต้นโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในคืนวันเพ็ญ เดือนหก นั้นแล้ว จากนั้นพวกเราทั้งหลายก็ทราบกันดีว่า ได้ทรงมีพระเมตตาโปรดประทานธรรมะบทแรกหรือที่ปรากฏในพระสูตรแรกของการเทศนาของพระองค์คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ที่ทรงแสดงเรื่องทุกข์ในโลกทั้งหลาย เป็นเหตุให้ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 สำเร็จเป็นมรรคผล ระดับต้น ระดับพระโสดาบัน 1 องค์ และโลกวิทยาศาสตร์ได้พบสัจธรรมเรื่องเหตุและผลไปขยายวิชาวิทยาศาสตร์ขึ้นในโลกทั้งโลกสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ จากนั้นอีก 7 วัน ทรงมีพระเมตตา แสดงพระธรรมบทที่2 ชื่อ อนัตตลักขณสูตร ที่ทรงแสดงเรื่อง อัตตา แด่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ได้มรรคผลโสดาบันชั้นต้นแล้ว เป็นเหตุให้เมื่อทรงแสดงจบลง พระโสดาบันและอีก 4 องค์ทั้ง 5 ได้บรรลุปัญญาสว่างถึงการบรรลุธรรมระดับพระอรหันต์ พร้อมกันทั้ง 5 องค์เลยทีเดียว, นั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ,แต่แล้ว ก็ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นอีก นั่นก็คือ ต่อมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงพระธรรมบทที่ 3 คือ อาทิตตปริยายสูตร ซึ่งทรงแสดงแด่นักบวชชฎิล 3 พี่น้องพร้อมศิษยานุศิษย์ของท่านจำนวน 1003 รูป ซึ่งพระสูตรนี้ เป็นพระสูตรที่ตั้งชื่อตามดวงอาทิตย์ ที่ให้ความหมายอย่างดวงอาทิตย์โดยตรงเลย คือ ความร้อน และทรงแสดงเรื่องความร้อนนี้แหละ, พอจบลงแล้ว ก็ปรากฏว่า ชฎิล 3 พี่น้องพร้อมศิษยานุศิษย์จำนวน 1003 รูป ได้สำเร็จพระอริยมรรคขั้นสูงสุดระดับ อรหันต์ พร้อมกันทันทีทั้ง 1003 องค์, นี่แหละเรื่องที่น่าตื่นเต้นตกใจมาจนถึงทุกวันนี้ และด้วย อาทิตตปริยายสูตร นี้เอง นำมาสู่ประเพณีสงกรานต์ของชาวพุทธสืบต่อมาถึงปัจจุบันนี้
ซึ่งอาตมภาพก็จะขอทบทวนให้ทราบว่า ที่ทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตร นั้น ทรงแสดงเรื่อง ความร้อน ทรงบอกว่า เราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นคนร่ำรวย มั่งมีเป็นมหาเศรษฐีก็ตาม คนจนเป็นกระยาจก สิ้นไร้ไม้ตอก ก็ตาม จะเป็นผู้ทรงอำนาจบารมีอย่างมหาราช กษัตริย์ผู้ทรงบารมีรอบทิศ ก็ตาม เป็นวณิพก กระยาจกก็ตาม, หรือ แม้ในที่แห่งนี้ คือ ที่ห้องประชุมเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ จะเป็นท่านผู้บัญชาการเรือนจำ จังหวัดศรีสะเกษ ก็ตาม ท่านผู้ต้องขัง ต้องโทษ ก็ตาม ต่างมีคุณสมบัติเหมือนกันหมดทุก ๆ คนอยู่ ก็คือ, ต่างถูกเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา ด้วยความร้อน ไม่เคยได้พบความเย็น เลย โดยกายก็ร้อน วาจาก็ร้อน และ ใจก็ร้อน อยู่ตลอดเวลา นี่แหละคือสัจธรรมเรื่องความร้อนตามหลักสาระสัจธรรมที่ปรากฎในอาทิตตปริยายสูตร พระสูตรที่ 3 ที่ทรงแสดง หลังทรงตรัสรู้, นี่แหละคือสัจธรรม ที่ มนุษย์ เทวดา เทพ พรหม มหาพรหม ในสวรรค์ เป็นเหมือนกันหมด นั่นแหละความจริง, ต่อเมื่อได้รู้ความจริงนี้แล้ว จึงจะได้พบความเย็นอันบริสุทธิ ความเย็นจริง ๆ ที่ทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้
ฉะนั้น ในลำดับกาลต่อมา นักปราชญ์พุทธ ผู้รู้ในแผ่นดินโลก จึงนำพาประชาชนมาสู่วัฒนธรรม ประเพณีชาวพุทธ คือประเพณีสงกรานต์ โดยที่เอาวาระที่สำคัญเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ในช่วงเดือนที่ดวงอาทิตย์โคจรสู่จุดที่ตรงมุมฉากกับแผ่นดินโลก อันเป็นจุดที่ดวงอาทิตย์ส่งกระแสลงสู่โลกแรงที่สุดยิ่งกว่าจุดใดใดบนโลก, ตามที่มีหลักโหราศาสตร์ ระบุว่า ดาวอาทิตย์โคจรสู่นำแหน่งมหาอุจ อันแรงจ้าและแสงร้อนแรงที่สุดนั่นเอง, และจึงทำให้มนุษย์ทั้งหลายรำลึกถึงความเย็น จึงนำไปสู่ประเพณีสงกรานต์ขึ้นแล้วสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้
สิ่งที่อาตมภาพจะขอทบทวนก็คือ เทศกาลเล่นน้ำ หรือสงกรานต์นี้ แท้จริง มีจุดมุ่งหมายทางธรรมะอันสูงส่ง ถึงระดับมรรค ผล นิพพานอันสูงสุดระดับอรหันต์นั้นทีเดียวเทียวเลย, ก็ด้วยเหตุที่เป็นเทศกาลที่เตือนเราทั้งหลาย ให้รำลึกถึงความเย็น อันเนื่องมาจากกระแสอันรุนแรงของดวงอาทิตย์มหาอุจ โดยที่สายน้ำ หรือละอองน้ำ หรือการสรงน้ำ ที่พวกเราเล่นกันในเทศกาลสงกรานต์นั้น ให้เป็นสิ่งที่เตือนใจเราว่า ความเย็นเท่านั้น จะเป็นสิ่งที่สามารถลบล้างความร้อนของเรา จากกาย จากวาจา และจากใจ ให้สลายหายไปได้, อุปมาเหมือนทำให้ดวงอาทิตย์ดับลงแล้วเท่านั้น จึงจะได้พบกับความเย็นอย่างแท้จริง นั้นแหละ คือมรรค ผล นิพพาน และ อรหันตภาวะ ซึ่งแม้ในยุคสมัยปัจจุบัน นี้ แม้พวกท่านทั้งหลาย คนทั้งหลาย ทุกชาติ ทุกศาสนา ทุกภพทุกสวรรค์วิมาน ก็สามารถจะพบกับความเย็นได้ ด้วยเหตุอย่างเดียวกัน คือด้วยการดับเสีย ซึ่งความร้อน ในกาย วาจา เป็นเบื้องต้น, และที่สุดและเด็ดขาด คือดับความร้อนในใจของตน ใจของคนทั้งหลายให้ได้ ก็สำเร็จอรหันต์ นั้นเอง
แต่สิ่งที่ควรต้องเข้าใจเพิ่มเติมไปให้ครบสัจธรรมอันสมบูรณ์ ก็คือ ตัวเชื้อไฟ, เชื้อแห่งความร้อน นั้น ที่เป็นเชื้อที่ดับยาก และเป็นเชื้อที่คนเราทั้งหลายมองข้ามไป หรือมองไม่เห็น, ด้วยการไร้สติอันสมบูรณ์ หรือ สัมมาสติ ตามหลักมรรค 8 ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเอง, ซึ่งก็คือเชื้อของ กิลส ตัณหา อุปปาทาน มีภวตัณหา วิภวตัณหา และ กามตัณหา นี่แหละเชื้อไฟ เชื้อความร้อนที่มีมาไม่รู้หมด, ที่ไม่เฉพาะมนุษย์ในโลกนี้ แต่แม้พวกเทวดา, พวกเทพ, พวกพรหม, มหาพรหม ทั้งหลาย จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเหลือเกิน ในการที่จะดับความร้อนนั้น จะต้องทำการดับตัณหาลงให้ได้ ดับความโลภ ความโกรธ ความหลง ลงให้ได้, ดับกิเลส ตัณหา อุปาทาน ลงให้ได้
ฉะนั้น ในโอกาสนี้ อาตมภาพจึงขอทบทวนว่า ในเทศกาลสงกรานต์นี้ ให้เราทั้งหลาย ได้รำลึกสัจธรรมว่าด้วยความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เผาไหม้ทั่วโลกทั้งหลาย ทั้งโลกมนุษย์ โลกเทวดา โลกเทพ โลกพรหม มหาพรหม, การที่จะได้พบโลกที่เย็น คือ โลกนิพพานนั้น มีอยู่วิถีทางเดียวเท่านั้น คือ ต้องทำให้หมดความร้อนลงไปเท่านั้น, ฉะนั้น ในเทศกาลสงกรานต์ จึงขอให้ได้เอามาเป็นสิ่งเตือนใจไปด้วย ว่า สงกรานต์นี้แหละ เป็นสิ่งที่เตือนใจของเรา ทั้งหลาย ให้รำลึกถึงความเย็น, อันเกิดจากละอองน้ำก็ดี กระแสน้ำก็ดี สายน้ำก็ดี ที่พวกเราเอามาเล่นกันในเทศกาลสงกรานต์นี้ ว่าเป็นสิ่งเดียวที่เราทั้งหลาย จักเอาไปใช้ชำระความร้อน, ฉะนั้น ต้องมองในธรรมะให้เข้าใจว่า อันว่าความเย็นนั้น ให้เย็นลงไปถึงห้วงดวงจิตให้ได้ ลงไปถึงจิตใจเย็นลงไปได้ โดยระงับความร้อนลงอย่างสิ้นเชิง, นั้นแหละวิถีทางที่จักได้ประโยชน์อันสูงสุด โดยบรรลุถึงมรรค ผล นิพพาน ระดับอรหันต์ได้ นั้น, มิใช่สิ่งอันประเสริฐสูงสุด สำหรับชีวิตหนึ่งเลยหรือ ?
จึงขออำนวยพร ให้ท่านทั้งหลาย ทั้งท่านที่อยู่เรือนชาย และเรือนหญิง จงได้มีปัญญาบรรลุการเห็นแจ้งแสงสัจธรรม ว่าด้วย ความร้อน และด้วยความเย็น จากเทศกาลสงกรานต์ จากกระแสสายน้ำ จากละอองน้ำ, จะนำไปสู่ความเย็น และนำไปละลดกระแสกิเลสจากดวงใจลงไป เมื่อใจปราศจากกิเลศ ก็หมดความร้อน บรรลุมรรคผล นิพพานระดับอรหันต์ได้
ขออำนวยพร และขอจบโอวาทธรรมลงแต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
พระครูพุทธิพงศานุวัตร
ผจล.วัดมหาพุทธาราม ,อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
11 เม.ย. 2561 09.50 น.
*****
*****