-----
-----
วาทะที่ 55 แด่คณะรัฐประหารเมียนม่า ลืมสัจธรรมความอดทน ทำลายประชาธิปไตยจะไม่มีแผ่นดินอยู่
แด่ทหารเมียนม่า คณะรัฐประหารนำโดยนายพลเอก มิน อ่อง หล่าย ผบ.สูงสุด
ท่านจะทำอย่างไร ? ในเมื่อสัจธรรมมีว่า ประชาธิปไตยเป็นของประชาชน ประชาธิปไตยเมียนม่าก็เป็นของประชาชนเมียนม่า ซึ่งท่านนายพลเอกเต็งเส่ง เขายอมรับในสัจธรรมนี้ไว้แล้ว เขาจึงยอมให้ประชาชนเมียนมา ครองอำนาจสูงสุดของประเทศเมียนมา และโดยที่ เขามอบอำนาจนี้ ผ่านพรรคการเมือง อันเป็นวิถีทางประชาธิปไตยสากล
และพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย [DNL] นำโดย นางอ่องซาน ซูจี ที่ชนะพรรคการเมืองทหารคือ พรรคสหภาพเพื่อความสามัคคีและการพัฒนา ( USDP) อย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งทั่วไป 12 พ.ย. 2558 โดยเสียงลงคะแนนของประชาชน มาแต่ต้น ได้ครองอำนาจเมียนม่า
แล้วครั้นครบวาระการครองอำนาจ 4 ปี แล้วคืนอำนาจสู่ประชาชน ๆ มีการเลือกตั้งใหม่วันที่ 4 ต.ค. 2563 ยังมอบความไว้วางใจแด่ พรรคดีเอนแอล ชนะพรรคทหารไปอย่างท่วมท้นอีก DNL ได้ 364 ที่นั่ง USDP ได้ 40 ที่นั่ง ทั้ง 2 สภา พ่ายไปขนาดนี้ ทหารกลับไม่ยอมรับในผลการมอบอำนาจของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ของตน และกล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง ทำการใช้อำนาจพลังทหาร เข้ายึดครองประเทศอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2564 นั่นแหละ สถาบันกองทัพเมียนม่า ได้ใช้กำลังทำการตัดทอนประชาธิปไตยของเมียนม่าขาดสะบั้นลงไป อย่างไร้ไหตุผลโดยแท้จริงโดยลืมไปว่า ธรรมะ ที่จะช่วยให้ประชาธิปไตยเมียนม่าเดินไปตลอดได้ นั้นคือ ความอดทน ลืมคติเต็งเส่งที่เอาธรรมะมาสู่การเมืองเมียนม่า ที่หลังสละอำนาจ เขาออกบวชอำลาโลกนั้น
นั่นแหละ ประชาชนเขายอมไม่ได้ แบบที่เขาเคยต่อสู้มาก่อนได้ประชาธิปไตยมา 20 ปีเต็มๆ จนนายพลเต็งเส่ง ยอม ให้มีรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยและมีการเลือกตั้ง คราวแรก ๆ ทหารก็ชนะ และเริ่มเข้าเส้นทางประชาธิปไตยเมียนม่า จนต่อมาพรรคการเมืองของประชาชนเติบโตขึ้น การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อ 12 พ.ย.2558 พรรคอ่องซานซุจี (DNL) จึงชนะใจประชาชนแบบคลายข้อสงสัย โดยได้ 346 ที่นั่ง พรรค ทหาร(USDP) ได้เพียง 33 ที่นั่ง คนสำคัญของมหาอำนาจ มีนายบารัค โอบาม่า- นางฮิลลารี่ คลินตั้น มาเยี่ยมเยียน แสดงความยินดีต่อเมียนม่า แด่ประชาชนเมียนม่า แด่นางอ่องซาน ซูจีผู้นำประชาธิปไตยเมียนม่า แม้ประเทศข้างเคียงเช่นประเทศไทย ผู้นำประเทศก็แสดงความยินดีและมีความหวังได้เห็นความเจริญของประชาธิปไตยเมียนม่า ที่ได้เห็นเมียนม่าเดินเข้าเส้นทางประชาธิปไตย และหวังจะได้เห็นประชาธิปไตยในพม่า เจริญก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ นั้นเอง แต่แล้วหลังการครองอำนาจ 4 ปี มีการเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจสู่ประชาชนวันที่ 4 ต.ค. 2563 NLD ชนะแบบถล่มทลายอีกครั้งหนึ่ง โดยได้ 364 ที่นั่ง ขณะที่ USDP ได้เพียง 40 ที่นั่ง
ในเมื่อท่านไม่ยอมรับการเลือกตั้งคราวหลังนี้ ไม่ยอมรับอำนาจของประชาชน แล้ว ทำการรัฐประหาร ยึดครองอำนาจ นั่นคือการ ตัดทอน ทำลายประชาธิปไตยและระบบประชาธิปไตยเมียนม่าลง ในแบบใช้อำนาจ เผด็จการทหารเช่นนี้ มันไม่ใชเพียงประชาชนเมียนม่าเท่านั้น ที่ตำหนิทหารเมียนม่า ทหารปฏิวัติวันที่ 1-2 ก.พ.2564 นี้ที่นำโดยนายพลเอกมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมียนม่า ... แต่โลกประชาธิปไตยทั้งโลก โดยการนำของมหาอำนาจประชาธิปไตยโลกโดยตรง จะต่อต้านทหารเมียนม่า ไล่ทหารเมียนม่าออกเสียจากการครอบครองอำนาจการเมืองพม่าที่เป็นแบบเผด็จการร้ายนี้ อย่างแรงไปเรื่อย ๆ และหากทหารเมียนม่าไม่ยอมวางอำนาจลง ทำตามความเรียกร้องของประชาชนเมียนม่าประชาธิปไตยแล้ว ในที่สุด ทหารเมียนม่า จะไม่มีแผ่นดินอยู่ในโลกนี้ ซึ่งนี้เป็นเหตุผล ที่เห็นชัดเจนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ฉะนั้น ประเด็นปัญหาการเมืองเมียนม่าวันนี้ เป็นเรื่องซิมเปิ้ลจริง ๆ ขอทางทหารเมียนม่าจงรีบพิจารณาอย่างเป็นธรรม และมองความผิดของตนที่ได้ทำลายธรรมะว่าด้วยความอดทนลงเสีย และสารภาพผิด และเร่งรีบทำตามสัญญา คืนอำนาจสู่ประชาชนเมียนม่า ให้เร็วที่สุด ทางเดียวเท่านั้นจริง ๆ กล่าวมาด้วยความปรารถนาดีแด่เมียนม่าทุกฝ่ายโดยหวังจะลดความรุนแรงลงไปเห็นสันติภาพกลับคืนมาสู่ประชาชนเมียนม่า อย่างเร็วที่สุด
@สุไหงปาดี ชินะกุล ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ บัวระย้า ชบาบุญเสฏฐ์ 4 มี.ค. 2564 : 23.20น.
-----
-----