6 ปีที่แล้ว
ดูความทรงจำของคุณ
พระอาจารย์สิริปันโน อดีตลูกชายอภิมหาเศรษฐี ที่สละสิทธิการรับมรดกมูลค่า2แสนล้านบาท ออกบวชมา20 พรรษาแล้วสำนักสงฆ์เต่าดำ ทุ่งใหญ่นเรศวรอ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ดวงพร ศรีโมรา ฟังธรรมะ พระป่า อรัญวาสี
14 พฤษภาคม 2016 ·
กราบสาธุเจ้าค่ะ

ความคิดเห็น 8 รายการ
Phayap Panyatharo
20 พรรษา 20 ปีนานแล้วทีเดียวยังไม่พ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านเล่าเรื่องของพระองค์เองว่า ทรงปฏิบัติทางสายกลางซึ่งทรงระบุว่ามรรค8นั้นเอง จึงได้สู่ความตรัสรู้พร้อมเฉพาะ (ตถาคเตนะ อะภิสัมพุทธา) ได้เข้าสู่จักษุธรรม (จักขุกะระณี) ได้เข้าสู่ญาณความรู้แจ้ง(ญาณะกระณี) ได้เข้าสู่ความสงบ(อุปะสมายะ) ได้เข้าสู่ความรู้ยิ่ง(อะภิญญายะ) ได้เข้าสู่ความรู้พร้อม(สัมโพธายะ และ ความพร้อมเข้าสู่นิพพาน(นิพพานายะ สังวัตตะติ)
ตอบกลับ21 ชม.
Phayap Panyatharo
ทรงตรัสถึงกรรมฐานของพระองค์ ว่าเป็นการพิจารณาอริยสัจ 4 แบบ 3 รอบ 12 อาการคือแบบนักวิจัยสมัยใหม่นี่เอง รอบที่ 1 ทรงมองแบบสมมติฐาน รอบที่2 ทรงพิศูจน์อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งไปหมด เช่นเรื่อง ตัณหา ก็ทรงพิศูจน์ ให้เห็นความหมดไปไม่เหลือเลยแห่งตัณหา รอบที่ 3 ก็ทรงพบความจริงรู้แจ้งตรงตามสมมุติฐานที่พิศูจน์มา เรื่องทุกข์ ก็ทรงรู้แจ้งทุกข์ อย่างแท้จริง ว่าทุกข์คืออะไร ทรงรู้แจ้งทุกข์ก็ทรงรู้แจ้งโลก เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ... เป็นเรื่องการรู้แจ้ง ด้วยการทำกรรมฐานแห่งปัญญา พิจารณาตรึกตรองอย่างลึกซึ้ง ตามที่ทรงตรัสว่าเมื่อได้มี จักขุง อุทะปาทิ(จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว) ญานัง อุทะปาทิ(ญาณได้เกิดขึ้นแล้ว) ปัญญาอุทะปาทิ(ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว) วิชชาอุทะปาทิ(วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว) อาโลกโก อุทะปาทิ(แสงส่ว่างได้เกิดขึ้นแล้ว) ก็ทรงรู้แจ้ง ทุกข์ สมุทัยเหตุแห่งทุกข์ นิโรธ สภาวะแห่งความดับไม่เหลือแห่งเหตุของทุกข์ และ ข้อปฏิบัติทั้ง 8 ที่ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นั้น ทรงทำให้เกิดขึ้นได้ รวมแล้ว เป็น 12 อาการ เรื่องละ 3 รอบ นั้นแหละจึงทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ตอบกลับ21 ชม.
Phayap Panyatharo
ซึ่งเมื่อปฏิบัติไปตามพระองค์ มีการตรึกตรอง ไปตามลำดับ อริยสัจ 4 จนรู้แจ้งทุกข์(สมุทัย นิโรธ มรรค) ว่าทุกข์คืออะไร มาจากเหตุอะไร เช่นท่านอัญญาโกณฑัญญะ ท่านพบว่าทุกข์มาจากการเกิด เกิดมาแล้วก็ตาย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเช่นนี้หมด ไม่มีใครหรือสิ่งใดพ้นตายไปได้ ท่านก็บรรลุโสดาบัน ครั้นทรงสอนต่อไปอีกเรื่อง อนิจจัง ความไม่เที่ยง ความเป็นอนัตตา ความที่เราทั้งหลายสิ่งทั้งหลายที่เกิดมาล้วนเป็นทาสของความตาย นั้นแหละยิ่งไปไม่พ้นทุกข์เลย และครั้นสอนเรื่องความร้อน ๆ นั้นคือทุกข์นั่นเอง มีอยู่ทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตพบความร้อนทุกนาทีชีวิต นี่แหละทุกข์ที่หนีไปไม่พ้นเลย ก็สำเร็จอรหันต์ เนื่องเพราะเกิดความหน่ายในทุกข์ แล้วเกิดความสลัดหลุดพ้นไปจากตัณหา เลยบรรลุทันที บรรลุแล้วเราก็รู้เองว่าบรรลุแล้ว นี่แหละ ไม่ต้องเปลืองเวลาไปมากนัก เพียงทำความเข้าใจแบบนักวิจัย วิจัยเรื่องทุกข์ ให้เข้าใจจริง ๆ ที่สุดเข้าใจเรื่องทุกสิ่งทุกอย่าง รูปธรรม นามธรรม โลก จักรวาล นรก สวรรค์ คนธรรพ์ พระเจ้า ล้วนเป็นทุกข์เสมอกันหมด ชีวิตทุกชีวิตล้วนเป็นทุกข์ และรูปธรรมก็คือความร้อนความร้อนแบบ สัพพัง อาทิตตัง สรรพสิ่งล้วนมีแต่ร้อนทั้งนั้น ตามอาทิตตะปริยายสูตร นั้นแหละ ทุกข์ ทุกข์คือความร้อน และที่สุดมองเห็นเราเองเป็นทุกข์ รู้แจ้งทุกข์แบบเห็นทุข์ครอบโลก ครอบจักรวาล สมบูรณ์ ก็สำเร็จอรหันต์ได้ ... ว่าตามพระพุทธเจ้านะครับ พิศูจน์ด้วยตนเอง
อาจเป็นรูปภาพของ กลางแจ้ง
ตอบกลับ21 ชม.แก้ไขแล้ว
Phayap Panyatharo
เอาละนะครับ... มารู้เรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่ง คือ นักบวช พระสงฆ์ผู้ถวายตนเป็นพุทธสาวกแล้ว จะอยู่ใต้สายตาของมารทุกรูปแบบเลยทันที และเมื่อผ่านมาแล้ว มีตัวร้ายตัวหนึ่ง นั่นคือ กาม เอาละ ด้วยประสบการณ์มา มาศึกษามันสักหน่อย แน่ละ มันจะคอยกีดกั้นเราแบบนิ่มนวล ไม่ให้เราบรรลุธรรมอันสูงสุด กีดกั้นสมาธิเรา ธรรมปฏิบัติเรา ไม่ว่า สมาธิ วิปัสสนา กสิณ ฌาณ เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง เอาละ พอเห็นได้ว่า ที่ยังไม่ไปไหน มาไหน เป็นเพราะกามตัวนี้ กามกิเลส กามตัณหา นี้แหละ ที่มันปิดกั้นคุณอยู่ แบบที่คุณจะไม่รู้ตัวเลย มันเป็นกระแสความรู้สึกนึกคิดอย่างเบาบางไปถึงเรื่องกามกิเลส เรื่องรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่อ่อนโยน ละมุนละไม แต่นั่นแหละ เครื่องมือของกามที่มันเอามาปิดกั้นเรา
ตอบกลับ1 ชม.แก้ไขแล้ว
Phayap Panyatharo
เราต้องไม่ปรานีมันเลย เราต้องฆ่ามัน ขูดมันออกไปให้เกลี้ยง เริ่มแต่ความนึกคิดจินตนาการของเรา ต้องรู้เลยว่ามันเป็นศัตรูถึงแม้ความรู้สึกจะเป็นดั่งมิตรผู้แสนดี แสนน่าทะนุถนอม แสนน่ารักก็ตาม ต้องมองว่านั่นคือ เล่ห์กลของศัตรูผู้ปิดกั้นเราเอาเราไปเป็นทาส ในรูปธรรมก็คือ ตราบที่ยังไม่บรรลุ จงห่างไกลไปจากสตรีเพศ อย่าให้เห็นเลยก็ดี และจงรู้สัจธรรมว่า นั้นเป็นสิ่งที่ต่ำต้อยด้อยค่า น่ารังเกียจขยะแขยงที่สุด น่าเบื่อที่สุด น่าสะอิดสะเอียนที่สุดลองมองอะไร หมู่หนอนนั่นเอง ที่อยู่ในฐานส้วมวัด หรือใส้เดือนในดินเปียก ๆ ว่าน่ารังเกียจอย่างไรก็ให้ได้ความรู้สึกอย่างนั้น นั่นแหละดวงจิตของเราจะยกขึ้นสูงเกินกว่าระดับกิเลสตัณหาอุปาทาน จะเหมือนดอกบัวที่ค่อยผุดขึ้นจากตม จากน้ำ กำลังไปปริ่มน้ำอยู่เลยทีเดียว ครั้นบานเหนือน้ำขึ้นมาเมื่อไร ก็บรรลุสู่โลกแห่งความตื่น เบิกบาน สว่างไสวไร้มนทิลไปเลย นั่นแหละ ปิดกามทัศนะและความรู้สึกให้มิด อย่าไปเกี่ยวข้องทั้งทางกาย ตา หู และจิตใจ แล้ว....
ตอบกลับ1 ชม.แก้ไขแล้ว
Phayap Panyatharo
ต้องหมั่นทำ อสุภะกสิณ นะ หมั่นหมายความว่าทำบ่อยๆ ทำเป็นประจำ ทำเป็นเวลาแบบเข้าโรงเรียนเลยทีเดียว มีเวลาทำเฉพาะ ๆ อย่าขาด จนในที่สุดจะบังเกิดผลดี มาก ๆ ทำเป็นไหมล่ะ ?
ตอบกลับ1 ชม.
Phayap Panyatharo
มาฝึกสร้างจิตนาการ ฝึกสร้างจินตนาการ ให้เห็นคนสวยสุด ดุจนางงามระดับโลกเลยก็ได้ เพ่งด้วยสมาธิอันเด็ดเดี่ยวของเรา.....แน่ละ ถ้าเก่งสมาธิ....... น่าถึงระดับอุปปะจาระสมาธิ จะเพ่งได้เห็นภาพชัดเจน เห็นหมด รูปร่าง ใบหน้า ผิวพรรณ อันสวยงาม และแววยิ้มอันเบิกบานของเธอ .... และเราจะอาจหลงไปในจินตนาการก็ได้ แต่เราจะให้เดินจินตนาการไปในแบบมองสัจธรรม อนิจตา ความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ....ก็มองต่อไปให้เห็นร่างอันสวยงามนั้น ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เป็นสาวแก่ เข้าวัยชราหงำเหงือก..... มองให้เห็นด้วยจินตนาการ ..... หยุดเพ่งตรงนี้ให้นาน นาน นาน นาน จนพบว่าดวงใจเราเปลี่ยน ไปจากความรักความหลง เป็นความขยะแขยง น่ารังเกียจขึ้นแทนเสียแล้ว ให้ได้พบการเปลียนไปแบบนี้ ใจเราจะยกขึ้นสูงไปจากคนงามความงามนั้น แล้ว จินตนาการต่อไป ให้เห็นภาพอันเจ็บป่วย นอนอยู่บนดินเปียก ริมฝั่งน้ำ และเห็น ร่างเปล่าเปลือยขาวสะอาดสะอ้าน เต่งตึงไปหมด แล้วกลับทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว ค่อยเปลี่ยนไปเป็นร่างอันน่าเกลียด น่ากลัวน่าวิ่งหนีไปไกล ๆ ร่างที่ผุพังลง เห็นดวงตาโบ๋ เนื้อหนังผิดไปคนละคนไปเลย ค่อยผุ ค่อยกร่อนลงจนเหลือแต่กระดูก และ กระดูกนั้นหันมาทักทายคุณ จะโผหามากอดคุณคุณก็วิ่งเลย นั้นแหละ เข้าทางแล้ว .........ทำอสุภกสิณ ให้ได้แบบนี้ ทบทวนมาบ่อยๆ แบบนี้ ...เพ่งดูตรงนี้นานๆ ตรงที่ดวงตาโบ๋น่ะ....แล้ว นั่นแหละจะรู้สึกตนเองเลยว่าเรานั้น คือบัวพ้นน้ำแล้ว เบิกบานแล้ว นั่นแหละ รู้ ตื่น และ เบิกบาน.......ทำบ่อย ๆ แบบทบทวนมาตามลำดับ ๆ ทำบ่อยจนรู้สึกสนุก เพราะเท่ากับกวาดลานวัดทุกวัน ๆ ไม่ให้มีขี้ฝุ่นเลยนั่นเอง และ นี่แหละ ทำเป็นหลักสูตรเลยนะครับ ...คือหมายความว่า ทำพร้อม ๆ กัยทั้งมหาวิทยาลัยเลยจะได้บรรลุพร้อมกันทังหมู่ทั้งกลุ่ม ทั้งเมือง ทั้งโลก ...... มันจะบอกคุณเองว่าคุณสำเร็จตรงนี้แล้วหมายถึงรางวัลแห่งชีวิตที่ล้ำค่าอย่างสุดประมาณได้ ...จึงเข้าสู่อรหัตตมรรค อรหัตตผล ได้ทันที ......
ตอบกลับ44 นาทีแก้ไขแล้ว
Phayap Panyatharo
แล้วเราก็จะรู้แจ้งอริยสัจ 4 รู้ 3รอบ 12 อาการแบบพระพุทธเจ้า และรู้ตนเอง ว่าตนรู้แล้ว พร้อมจะโปรดคนทั้งหลายให้รู้ตามเพื่อพบความสุขอมตะนิรันดร นั่นคือ สู่แดนอริยบุคคลสูงสุดด้วยการฆ่ากามตัณหาให้เสร็จเด็ดขาดลงจริงๆก่อน ..........และ ใครๆก็ทำได้ ...ใครทำใครก็ได้ ไม่จำกัดเพศ วัย อายุ เชื้อชาติ ศาสนาใด .........

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน, กำลังยืน และ ข้อความพูดว่า "am Buddhist Girl"
ตอบกลับ41 นาทีแก้ไขแล้ว
-----
*****
-----