Thai-English
การเมืองไทยวันนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พิธา-ก้าวไกลคิดล้มล้างการปกครอง ไม่ผิดหรอก
ณ 31 ม.ค.2567ศาลรัฐธรรมนูญออกคำสั่งวินิจฉัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับพรรคก้าวไกล “ใช้สิทธิเสรีภาพแบบ
ซ่อนเร้นเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน ล้มล้างการปกครอง”
กรณีคนรักของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ทำการป่วนขบวนเสด็จ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ขับรถแทรกแซงขบวนรถสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอวันนั้น 7 ก.พ.2567 โดยแสดงออกซึ่งความลบหลู่สถาบัน ถึงขนาดกล้ากดแตรยาว- สั้น ๆ ๆ หลายครั้ง อันบอกกริยาที่ออกคำสั่งให้รถข้างหน้าตน(คือสมเด็จพระเทพนั้นเอง) นั้นหลีกทางรถตนเอง ครั้นตำรวจเข้าไปกั้นก็บอกไม่รู้ใครเป็นใครมาในขบวนเสด็จนั้น อันบ่งบอกถึงเจตนาสร้างสถานการณ์อาการลบหลู่สถาบันอย่างชัดเจน โทษถึงประหารชีวิต จนประชาชนทุกสถาบันได้ลุกขึ้นกันหมด
นับแต่ลูกศิษย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลุกขึ้นแสดงสัญลักษณ์ความรักนับถือ บูชาสมเด็จฐานะอาจารย์ของตนผู้ทรงความดี ผู้ดี ผู้ปรารถนาทำดีแด่ศิษย์ด้วยใจจริงแท้ ซึ่งในความหมายเดียวกับ จปร.ทั้งมหาวิทยาลัยทัพบก ....คล้ายจะบอกว่า สมเด็จพระเทพ นั้นเป็นใคร ที่ใครมิอาจจะลบหลู่ดูแคลนได้
และต่อมาก็คนทั้งประเทศค่อยรู้เรื่องนี้ ต่างไม่พอใจ ทุกจังหวัดค่อยแสดงออกถึงความรักภักดี ต่อสถาบันออกสัญลักษณ์สีออกมาเชิดชูบูชาพระองค์ท่านทั่วประเทศ
ส่วนนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ก็โดนยกเลิกคำสั่งปล่อยตัว (คือคนๆนี้ได้ทำการดูหมิ่นสถาบัน เป็นคดีร้ายแรง ม.112อยู่หลายคดีอยู่แล้ว แต่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ที่ออกข่าวว่าตนมองตานางสาวตะวัน ตวลตุลานนท์แล้วเห็นภาพลูกสาวตัวเอง..พิม..อยู่ในดวงตาหวานของนางสาวทานตะวันนั้น อย่างกับว่านางสาวทานตะวันเป็นที่เคารพเป็นพระนางแม่ของตัวเลยทีเดียว) ให้เอาตัวไปเก็บในเรือนจำอีกที ...
B
โดยเรื่องที่ควรรู้ก็คือ นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์นี้ ได้ร่วมเป็นเครื่องมือการโฆษณาโกหกหลอกลวงประชาชนมาตลอดโดยร่วมเป็นเครื่องมือให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับ พรรคก้าวไกล นี้มาตลอด ในนามกลุ่ม ทะลุวัง เช่นบนเวทีหาเสียงของนายพิธา ประกาศยกเลิกสถาบันแล้วเอาน้ำสีแดงราดหัวตัวเองนั้น ซึ่งเพียงชื่อ..ทะลุวัง..คนไทยก็น่าจะรู้ถึงเจตนาที่เปิดเผยแล้วว่าเขากล้าเอาชีวิตตัวเองเป็นอาวุธทิ่มแทงสถาบันพระมหากษัตริย์) จึงกล้าทำผิด ม.112 มาหลายคดีแบบไม่เกรงกลัว เมื่อตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล ก็เอาฐานะสส.พรรคก้าวไกล ไปประกันตัวนางตะวันออกมา นี้เองเป็นผู้ประกันตัวออกมา .....
แล้วพอออกมาก็มิได้หยุดพฤติกรรมล้มล้างสถาบัน มาก่อการต่อไป ในนาม กลุ่มทะลุวัง ทำความเคลื่อนไหวของ กลุ่มทะลุวัง นี้เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันต่อไป ไม่มีการกลับใจ ไม่มีคำว่าสารภาพบาป ตามหลักธรรมในศาสนาเลย โดยในที่สุดมาทำผิดใหญ่ คือมาก่อกวนเรื่องขบวนเสด็จ ดังกล่าว และจึงถูกนำตัวไปเข้าคุกอีกครั้ง และพอไปอยู่ในคุก แม้กระนั้น คำว่าสารภาพผิด สำนึกผิด หรือ ทางหลักศาสนธรรมทุกศาสนาเขาว่า มีสารภาพบาป นั้นแหละพระเจ้าจึงจะอภัยโทษให้ นางสาวคนนี้(อายุเลยเยาวชนเข้าไปแล้วเพราะเกิน 22 ปีแล้ว) กลับไปทำการในสิ่งที่เรียกว่าการโฆษณาใส่ร้าย ด้อยค่าสถาบันต่อไปอีก ด้วยการอดอาหาร อดมาตั้งแต่ 14 ก.พ.2567แล้ว(อดแบบหลอกลวงคนทั้งโลก...แอบกินเวลาคนเผลอ) ประกาศต่อสู้ว่ากระบวนการยุติธรรมไทยที่ทำต่อเขา ทำต่อหัวหน้าเขานายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล นั้นเป็นกระบวนการยุติธรรมเผด็จการ ไม่ใช่ของประชาชน ไม่ถูกตามระบอบประชาธิปไตย ไม่เป็นธรรมแด่พรรคก้าวไกล นายพิธาลิ้มเจณิญรัตน์ และนางสาวทานตะวันเองเลย นั่นก็คือ พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นางสาวตะวัน ตวลตุลานนท์เองนั้นแท้จริงเป็นคนดีบริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นภัยอันตรายแด่ประชาชนไทย ผู้เกลียดชังเผด็จการสถาบัน ตนจึงขออดอาหาร แล้วไปไม่กี่วันก็เข้าอาการหนักฐานไม่กินอาหาร ...ซึ่งไปเข้าเหตุผล ที่พ่อเขานายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พาทนายความคนบ้องสสส์ๆมา.....มาขอศาลให้ประกันตัว อ้างว่า หากศาลไม่ยอมให้ประกันตัวออกไป ตายลงศาลจะต้องรับผิดชอบ
ศาลก็ไม่ยอมปล่อยตัว ถามนายสมหมาย ตัวตุลานนท์ กับทนายบ้องส์ส์ว่า ใครให้นางสาวตะวัน ตวลตุลานนท์อดอาหาร? ศาลไม่ได้สั่งให้อดอาหาร เขาอดเอง ตั้งใจเองแบบใครห้ามก็ไม่ยอม จะอดถึงตาย เขาอดเอง แล้วนายสมหมายผู้เป็นพ่อก็ต้องทำหน้าที่ ต้องอบรมสั่งสอนลูกแกเอง และห้ามลูกสาวแกเอง แกกลัวลูกแกตายก็บอกลูกสาวแกเองให้เขาเชื่อ ขนาดพ่อบอกไม่ได้แล้วใครจะบอกได้...และแม้ตัวเองนางสาวพิการทางจิตคนนี้ก็มีเจตนาแรงว่าจะอดอาหารตาย รู้ดีว่า อดอาหารแล้วตาย ทำตนเองตายเอง แบบฆ่าตัวตาย ไปก็ช่วยไม่ได้ เพราะตนแลย่อมช่วยตนเอง ทีนี้ ที่พ่อบอกรับคำศาลว่าปล่อยตัวไปจะดูแลไม่ไห้ไปทำผิดแบบเดิมอีก ประกันได้ไหม? ก็เชื่อไม่ได้ไง ก็ประกันไม่ได้ เพราะนายสมหมายไร้ค่าไร้สติปัญญา ที่พิศูจน์มาแล้วแต่คราวก่อนว่าพูดจาเชื่อถือไม่ได้ ฉะนั้น นางสาวพิการคนนี้จะตายหรือเป็น เป็นเรื่องของนางสาวตะวัน ตัวตุลาการเอง เป็นเรื่องของพ่อแม่เขาเอง เพราะตนเองอดอาหารเอง ไม่มีใครบังคับให้อดอาหาร ศาลไม่ให้ประกัน
ศาลก็เลยไม่ให้ประกันตัวไป ตามคำขอของทนายบ้องส์ศ์กับนายสมหมายพ่อที่ออกอาการห่วงลูกจะตายแต่ไม่รู้เหตุว่าจะตายเพราะตนเองทำตนเอง ทำไมไม่บอกลูกตัวเองว่ากลัวตายแล้วจะไปอดอาหารไปทำไมไม่มีใครเขาสั่งให้อดอาหารตัวเองรอดเอง ตายก็ตายไปใครไปสั่งได้ เพราะแม้ตัวเองก็ไม่ยอมสั่งตัวเองให้หยุดอดอาหารเสีย...แม้แท้จริงก็แค่หลอกลวงคนทั้งหลาย พอจวนตายเข้าจริง ๆ ก็แอบกินอาหาร และที่สุดก็เลิกอดอาหารเอง...ไม่กล้าตายอย่างแน่นอน
ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผล ที่น่าที่คนไทยทั้งหลายจะได้เข้าใจตรงกัน ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกล นี้ มีพฤติกรรม ตรงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยออกมาจริง ๆ เลยทีเดียว คือ สองคนนี้ นายพิธา-พรรคก้าวไกล มีแผนร้ายต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยซ่อนแผนเอาไว้ ซ่อนเบื้องหลัง คนต่างประเทศสนับสนุนมาตลอด... “ใช้สิทธิเสรีภาพแบบซ่อนเร้นเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน ล้มล้างการปกครอง”
แม้กระทั่งพรรคของตนทำอะไรผิดไป ก็ไม่เคย สารภาพผิด จึงน่าที่ประชาชนไทยทั้งประเทศในนามประชาชนประชาธิปไตย ผู้ทรงอำนาจปกครองประเทศ จะได้พากันตัดสินใจเสียให้เด็ดขาด ว่า ประเทศเราจะมีคนอย่างนี้...พรรคการเมืองอย่างนี้ ไปไม่ได้
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกลนี้ ซ่อนแผนการร้าย คิดล้มล้างสถาบัน เพื่อปฏิรูปการเมืองไทย เป็นระบอบสาธารณรัฐ โดยเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ เอาระบอบประธานาธิบดีมาใช้ตามที่ทราบกันมาตั้งแต่เดิม ตั้งแต่ที่มีคณะสามนิ้ว ที่มุ่งทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นางช่อพรรณิการ์วานิช นายปิยะบุตร แสงกนกกุล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาแต่เดิมเริ่มแรก พาก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้น คือพรรคอนาคตใหม่แล้วเลยมาเป็นพรรคก้าวไกลวันนี้ ดังที่ได้ประกาศโดยเปิดเผยไปทั่วโลกในคืนวันที่10 ส.ค. 2563 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต นั่นเอง
โดยที่วันนี้(31 ม.ค.2567) ศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนแล้วว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับพรรคก้าวไกล มีความผิดจริง โดยคิดวางแผนซับซ้อน ซ่อนการกระทำปฏิวัติสถาบัน กระทำผิด ม.112 ว่ามีความผิดจริงชัดเจนว่า “ล้มล้างการปกครอง”…..
ซึ่งประชาชนจะได้พบเรื่องราวมาตลอดก่อนหน้านี้ และแม้หลังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งห้ามมาแล้ว ตั้งแต่ 31 ม.ค. 2567 พรรคก้าวไกล-อนาคตใหม่เดิม ก็คงคิดร้ายต่อสถาบันอยู่เหมือนเดิม ไม่มีคำสารภาพผิดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว อันบอกถึงสันดารร้ายยากที่จะกลับใจได้ ... จนมาถึงเรื่องราวนางสาวตะวัน ตัวตุลานนท์ ที่ด้อยน้อยสติปัญญาไม่รู้ความดี ความชั่ว โดยหลงลืมตัวบังอาจอย่างแท้จริง ในการพยายามป่วนกระแสทำการลบหลู่สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ขณะเสด็จโดยรถพระที่นั่งไปทางถนนวันนั้นเพื่อไปทรงกระทำภาระกิจของพระองค์ โดยนางสาวตะวันออกท่าทางใหญ่โตยกตนเสมอท่านถึงขนาดพยายามแทรกรถไปใกล้ขบวนรถของพระองค์ แล้วกดแตรไล่ท่านให้ออกไปพ้นทางรถของตน อันเป็นการสร้างภาพที่บอกถึงกบฎคิดคดทำลายเหยียบย่ำลดค่าสถาบัน อันสร้างความไม่พอใจแด่ประชาชนไทยทั้งชาติ กรณีคดี 112 ครั้งสุดท้ายนี้ ซึ่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลอดีตผู้ท้าชิงนรม.ไทย หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ก็ไม่เคยสารภาพผิด พาพรรคก้าวไกลเดินไปใต้อิทธิพลคนต่างชาติต่อไป
วันนี้ มันได้บอกถึงภายลึกแห่งจิตใจ ความปรารถนาของประชาชนไทยทั้งชาติแล้วว่า ประเทศไทยต้องมีการเมืองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่อาจจะมีใครคิดปฏิวัติให้เป็นระบอบอื่น โดยเฉพาะระบอบประนาธิบดี อันวางแผนให้มีนายทักษิณ ชินวัตร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นประธานาธิบดีคนแรกได้ จงลุกขึ้นมาต่อต้าน ขจัดปัดทิ้งไปเสียให้เกลี้ยง จัดการพรรคการเมืองไทย พรรคใดก็ตามที่ไม่สุจริตให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยในวันนี้เลย ในทางการเมืองก็คือสถาบันทั้งชาติ ประชาชนทั้งหมดสิ้นแผ่นดินอย่าไปให้ความนิยมแก่พรรคการเมืองสามนิ้วนี้ สส.พรรคนี้ ผู้สมัครพรรคนี้ โดยตลอดไปจนกว่าจะหมดสิ้นลง ไม่มีในแผ่นดินไทยต่อไป
ที่ประชาชนน่าจะรู้ก็คือ รัฐบาล มีหน้าที่ทำงานบริหารประเทศแทนประชาชนเจ้าของประเทศ แต่วันนี้ทำไมประชาชนกลับทำงานแทนรัฐบาลไปหมด เหนื่อยแทนรัฐบาลไปหมด ก็เพราะรัฐบาลมีปัญหาจากฝ่ายค้านนั่นเอง และวันนี้ เรามีปัญหาพรรคการเมือง พรรคก้าวไกล ที่ถึงขั้นคิด ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ตามการวินิจฉัยของศษลรัฐธรรมนูญนั่นเอง อันนี้พรรคการเมืองพรรคอื่น ๆ น่าจะรับทราบข้อเท็จจริง และเร่งแก้ไขโดยระบบพรรคการเมืองเราในสภาให้ได้
ต้องยึดหลักการว่า การเมืองนั้น เป็นเครื่องมือสร้างชาติ และเมื่อเป็นประชาธิปไตย พรรคทุกพรรค แม้เป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน แต่ต้องมีหน้าที่อันเดียวกันคือการสร้างชาติ ไม่ใช่ทำลายชาติ ต้องรู้จักธรรมะ7ข้อเรื่องการบริหารงานโดยสัตตะบุรุษ ไม่ใช่ทำลายชาติ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งเราก็ดูจะรู้แล้วว่ามีพรรคการเมืองอะไร นักการเมืองคนไหนที่ทำผิดอุดมการณ์การเมือง เราก็ควรที่จะกำจัดพรรคการเมืองพรรคนั้น นักการเมืองคนนั้นไปเสียโดยอำนาจของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน ทั้งชาติโปรดลุกขึ้นมาไล่ล้างพรรคการเมืองและนักการเมืองที่คิดปฏิวัติล้มล้างสถาบันทั้ง 3 ให้เกลี้ยงแผ่นดินไทยไป ก็เท่านั้นเอง การเมืองจึงจะสร้างชาติ ให้สงบ มั่นคง เจริญรุ่งเรืองไปได้ .....สุไหงปาดีชินะกุลฆิกเฆณณเมฆินบัวชบาบุณเสฏฐ์ 26 ก.พ.2567 10.40 น.
@ การเมืองไทยวันนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญพิธา-ก้าวไกลคิดล้มล้างการปกครอง ไม่ผิดหรอก ต้นฉบับ 138ภาษา