การเมืองไทยวันนี้ 10 มี.ค. 2567

 

 

1.

ประชาชนไทยต้องตื่นขึ้นมาดูแล สำนึกหน้าที่ของตนเองต่อการเมืองของชาติ  ว่าประชาชน คนไทยทั้งประเทศ แต่ละคนนั้นเอง เป็นผู้มีหน้าที่โดยตรง 100 % ที่ต้องปกครองดูแล พิทักษ์รักษาประเทศไทยโดยตรง

เพราะประเทศนี้ เป็นประชาธิปไตย อำนาจเป็นของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน เต็มสมบูรณ์

โดยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนตนเอง หรือแม้เสนอตัวเองให้คนไทยเลือกเป็นผู้แทนราษฎรเลยก็ได้ ที่เรียกว่าผู้แทนราษฎรแทนตนเองเข้าไปเป็นสส.แล้วเป็นรัฐบาล  ผู้บริหารประเทศตามความต้องการของประชาชน

2.

ก็มาทำความเข้าใจก่อน

การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ

แต่ที่เข้าใจผิดก็คือคำว่า “อำนาจ”  เป็นคำที่ประชาชนจะไม่เข้าใจว่า มันมีความจำเป็นต้องใช้อำนาจนี้อย่างขาดเสียไม่ได้  จริงอยู่ อำนาจนำไปสู่การบังคับบัญชา  บีบบังคับให้ผู้อยู่ใต้อำนาจปฏิบัติตามคำสั่งผู้บริหารการเมือง การปกครอง  มีหน้าที่โดยตรงในการใช้อำนาจ แม้กระทั่งสั่งลงโทษ ให้ไปจำคุก  ไปประหารชีวิตเพราะกระทำผิดร้ายแรง หรือสั่งอย่างอื่น....ก็ต้องทำ

3.

ด้วยเหตุนี้  คนดีๆ ที่เป็นประชาชนมีหน้าที่ทางการเมือง  มีศีลมีธรรม จึงมักเข้าใจผิดไปว่า การแสวงหาอำนาจ เป็นสิ่งที่เลวร้าย  ไม่ควรจะมีอำนาจไปสั่ง บังคับผู้ใด  เลยคิดว่าการเมืองเป็นสิ่งไม่ดี และไม่ชอบการเมือง ซึ่งนั่นแหละเท่ากับ ไม่เข้าใจหน้าที่ของตน ที่มีหน้าที่โดยตรงที่ มีอำนาจปกครองประเทศเสียเองแล้ว จากแต่เดิมที่เราเป็นเพียงผู้ถูกปกครองหรือเป็นขี้ข้าเป็นทาสกันหมดทั้งแผ่นดิน   มาวันนี้มันกลับกันไปหมดในเมื่อเป็นประชาธิปไตยแล้ว ซึ่งความหมายก็คือ เรา ประชาชนคนเดินดินนี่เอง กลายมาเป็นเจ้าของอำนาจเสียแล้ว  ฉะนั้นหากแม้เรื่อง    อำนาจก็ยังไม่เข้าใจ การเมืองก็ไม่เข้าใจแล้ว ก็จะทำให้ประชาธิปไตยการปกครองตนเองเดินไปแบบผิดๆ ถูก ๆ   ไม่มีใครรู้อะไรผิดไม่มีใครรู้อะไรถูก การเมือง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น   จำเป็นหมายความว่าขาดไม่ได้  ขาดการเมือง คนก็จะอยู่กันเป็นหมู่เป็นกลุ่มไม่ได้  จะกระจัดกระจายไป   เป็นเหยื่อของเสือ สิงโต  แบบคนโบราณ นั้น 

4.

เราต้องวิจัยดูความจริงเรื่องอำนาจ  ว่ามันเป็นธรรมชาติ  แม้ในหมู่สัตว์  เช่นเสือ   สิงโต  ลิง  ค่าง  บ่าง  ชะนี  มันก็มีการเมืองของมัน โดยมีหัวหน้าสิงโต ที่เก่งกว่าตัวอื่น  ตัวอื่นต้องเชื่อฟังมันทุกอย่าง     เช่นกลุ่มลิง  เช่นลิงการเมืองตามที่ บีบีซี เอาเรื่องลิง 2 พวกในศรีลังกามาให้เรียนรู้การเมืองลิง ว่าลิงแต่ละพวกเหมือน 2 ประเทศลิง  ต่างมีการเมืองของพวกตน  ที่รวมกันเป็นหมู่เป็นพวก  เข้มแข็ง ให้อีกพวกเกรงกลัวจนกระทั่งยกพวกไปหาอาหาร และมีการรบกันเพื่อแย่งต้นมะเดื่อ  เป็นสงครามลิง 2 พวก  ที่ต้องมีหัวหน้า  มีการใช้อำนาจการเมืองลิง มีกองทัพลิง  ตำรวจลิง   จึงจะอยู่เป็นหมู่เป็นกลุ่มได้

5.

หมู่  สิงโต  หมู่ลิง หมู่ช้าง  หมู่หมาไฮยีน่า  หมาใน  แม้สัตว์ทุกชนิด เช่นปลาวาฬ  โค  กระบือป่า มันล้วนมีการเมืองของมัน  มีจ่าฝูงใช้อำนาจปกครองหมู่กลุ่มทั้งสิ้น

คนเราก็มิต่างจากสัตว์ชนิดหนึ่ง เช่นประเทศไทยเอง  ก็มีประวัติศาสตร์  มามีแต่ทำสงครามกับศํตรูประเทศเพื่อนบ้าน   ต้องสร้างการเมืองให้เข้มแข็ง  ประชาชนรักสามัคคีกันทั้งแผ่นดิน  จึงรักษาเอกราชมาได้ถึงทุกวันนี้  คนเรายิ่งต้องมีการใช้อำนาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น  เพราะหากไม่มีอำนาจ ฝูงคนก็รวมกันไม่ติด  ไม่เป็นสังคม  ไม่เป็นประเทศชาติ  นี่แหละ   การเมือง  ....

6.

ฉะนั้น วิจัยมาถึงตรงนี้แล้ว  จึงพบว่า อำนาจเป็นสิ่งจำเป็นที่สังคมมนุษย์จะต้องเอามาใช้ปกครองสังคม ประเทศชาติ อำนาจเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีต้องใช้ ดูจากสัตว์ หมู่สัตว์ต่าง ๆ ก็เหมือนกับคนเราเลย สำหรับแม้สัตว์ทั้งหลาย  ที่เป็นหมู่ เป็นฝูง  สังคมเล็ก ครอบครัว ไปถึงสังคมใหญ่  หมู่บ้าน  ตำบล  ถึงประเทศชาติ   เล็กๆ ไปถึงสังคมใหญ่โตมโหฬาร เช่นประเทศเล็ก ๆ  อย่างสิงคโปร์ ประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่มีแผ่นดินให้เครื่องบินจอด  ไม่มีท้องฟ้าพอให้มีเครื่องบินบินในประเทศได้   ไปถึง จีน  รัสเซีย  มาเลเซีย  ไปถึงอเมริกามหาอำนาจ    ล้วนต้องใช้อำนาจ อำนาจคือการเมือง   ต้องใช้อำนาจ การเมืองปกครองประเทศชาติอย่างขาดไม่ได้ สำหรับไทยวันนี้ ก็มีที่ต้องดูอย่างตั้งใจก็คือ แม้ครอบครัวใหญ่ มีสกุลหรือวงศาคณาญาติ  ก็เป็นการเมืองที่น่าเกรงกลัวและมีอิทธิพล มีพลังขึ้นครอบงำคนอื่นสถาบันอื่นได้ เช่นการเมืองของสกุลทักษิณ ชินวัตร  นั่นเอง เป็นกลุ่มครอบครัวใหญ่สกุลชินวัตรที่มีนายทักษิณเป็นจ่าฝูง นั่นเอง   ที่อาจเรียกได้เลย ตามที่นักรัฐศาสตร์ไทยเขาตั้งไว้แล้วว่า  ระบบทักษิณ นั่นเอง (ที่เขาสรุปแล้วว่าเป็นระบบอันตราย ที่คนไทยต้องเอาระบบนี้ไปทำลายเสีย)

7.

เมื่อ วิจัย ต่อไปอีก ก็ได้พบว่า  พวกลิง พวกเสือ  พวกสิงโต  พวกสัตว์ป่า ช้างป่า  หมาไฮยีน่า  หมาป่า  หมีขาวขอบโลก แม้หมู่จรเข้  ปลาฉลาม  ปลาวาฬ   มันเคยปกครองกันมาแบบไหน มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงไป  มันก็ใช้การเมืองแบบนั้นปกครองหมู่พวกมันมาตลอดจนถึงวันนี้  ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงการเมืองไปเลย  อันนี้ลักษณะนี้ รวมถึงคนป่า  คนดง  เผ่าพันธุ์โบราณ ในป่าในเขา ดั้งเดิมมาด้วย เพราะพวกนี้มีการเมืองแบบสัตว์ คือมีจ่าฝูงที่มีอำนาจอิทธิพลส่วนตัว มีกำลังเก่งกว่าตัวอื่นเป็นหัวหน้าใหญ่ เป็นจ่าฝูงเผด็จการ  เช่นสกุลชินวัตรนั่นเอง

8.

โดยเป็นระบบมาแต่เดิม นั่นคือพวกสัตว์  ตัวที่เป็นจ่าฝูง หัวหน้ากลุ่มหัวหน้าหมู่ผู้ครองอำนาจ  จะได้มาจากการแย่งชิงกันด้วยการต่อสู้กัน  ตัวไหนตัวโตกว่า แข็งแรงกว่า  เก่งกว่าปราบคู่ต่อสู้ลงไปได้ คู่ต่อสู้ยอมแพ้หนีไป ก็ขึ้นเป็นหัวหน้าฝูงจ่าฝูงปกครองฝูงไป   และพอได้เป็นจ่าฝูง หัวหน้าฝูง ก็จะใหญ่ ใครไม่ยอมไม่นอบน้อมไม่ได้ ต้องปราบให้ยอมเป็นข้าทาสให้ได้   และได้กินได้อะไร ๆ ที่ต้องการตามใจตัวเองหัวหน้าใหญ่เลยทันที  มีอำนาจขึ้นมาทันที  ที่เห็นชัดเจนในการเมืองหมู่สัตว์ก็คือ  พอได้เป็ฯใหญ่ก็มีสิทธิ์ได้บริวารตัวเมียทั้งฝูงเป็นคู่เสพสมรักใคร่ไปเลย เช่นสิงโต เป็นต้น    ตัวเมียทั้งฝูงกลายเป็นบริวารของหัวหน้าฝูงไปคนเดียว   ส่วนตัวอื่น ก็แล้วแต่หัวหน้าจะยอมให้   ให้หรือไม่ได้อะไรขึ้นกับหัวหน้าผู้กุมอำนาจ นั้นเอง นั่นแหละการเมืองของหมู่สัตว์

9.

โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เราจะพบว่า หัวหน้าใหญ่จะต้องได้กินก่อน  กินจนอิ่มก่อน  ตัวบริวารจะต้องรอ หากอาหารเหลือกินก็จึงจะได้กิน หากไม่เหลือเลยก็ไม่ต้องกิน  โดยเฉพาะสังคมลิงแสม  ลิงเสน จะพบความจริงเรื่องอำนาจเช่นนี้

และนี่แหละ   เผด็จการ    การเมืองเผด็จการ เพราะมีจ่าฝูงเป็นหัวหน้ารวมอำนาจทั้งหมดอยู่ที่จ่าฝูงคนเดียว  ถ้าพูดแบบประชาธิปไตย  อำนาจก็คือ  นิติบัญญัติ  บริหาร และ ตุลาการ รวมกันเป็นของจ่าฝูงคนเดียว จึงเรียกว่า  เผด็จการ  เผด็จการจะเป็นเช่นนี้    ซึ่งการเมืองของคน ของมนุษย์โบราณก็ไม่ต่างไปจากการเมืองสัตว์เลย จะเห็นว่า  แม้คนเองแต่เดิมมาก็เป็นเผด็จการมาแบบฝูงสัตว์นี้เอง รวมอำนาจทั้ง3 อย่างเป็นอันเดียวกันสำหรับหัวหน้าคน หรือจ่าฝูงคนใช้เพียงคนเดียว   นั้นคือ  เผด็จการ  การเมืองแบบเผด็จการ    โดยจะถือว่าเป็น ฝูงสัตว์มนุษย์ ก็ว่าได้

10.

ทีนี้  คน  สังคมคน สังคมมนุษย์ที่มีความเจริญทางสติปัญญามากกว่าสังคมหมู่สัตว์ดังกล่าวมาทั้งหมด ก็เริ่ม มีการเปลี่ยนแปลงการเมืองจากการเมืองเผด็จการอย่างพวกสัตว์ทั้งหลายมาเป็นประชาธิปไตย   โดยมีประเทศสหรัฐอเมริกาที่โดยเหตุที่ประชาชนอเมริกันเขามีความคิดริเริ่มนำสร้างการเมืองประชาธิปไตยขึ้น  โดยความเคารพความเป็นมนุษย์ของคนอื่น

11.

เริ่มมีการปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นก่อนใครๆ ในโลกยุคใหม่  ตั้งแต่มีจ่าฝูงชื่อ นายพล ยอร์จ วอชิงตันเมื่อประมาณ300 ปีก่อน พาพวกมาคิดการปกครองที่เป็นธรรมขึ้น โดยคิดเรื่องมนุษย์ต้องเสมอกัน มีศักดิ์ศรีเสมอจะต้องไม่มีคนทาสในประเทศของเขา คนทุกคนจะต้องมีอำนาจเท่ากันหมด ต้องเก่งทำมาหากินได้ด้วยตนเองไม่ขายตนเป็นทาส อเมริกัน  300 ล้านคน จะต้องช่วยกันปกครองประเทศ   ไม่ยอมให้มีจ่าฝูงคนเดียวแบบสังคมการเมืองสัตว์ นำโดยยอร์จ วอชิงตัน ซึ่งน่าคิดว่า ได้รู้ธรรมะชั้นสูงส่งในพระพุทธศาสนา (ระดับไม่แพ้อัลเบิร์ต ไอสไตน์)  เขาจึงมาตกลงแบ่งอำนาจการเมืองกันโดยอเมริกันทุกคนแต่ละคนจะได้เท่ากัน  คนเท่ากันได้รับส่วนแบ่งแห่งอำนาจการเมืองคนละ 1 อำนาจเท่ากันหมด  ขอแต่ให้เป็นคนเสรีชน  พึ่งตนเองได้  มนุษย์จะต้องเสมอกัน ในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์...คำว่าเสรีชนนั้น เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดที่น่ามาจาก จอร์จ วอชิงตัน (22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1732 – 14 ธันวาคม ค.ศ. 1799) ที่มีประวัติย่อว่า  “ เป็นผู้นำทางทหารและการเมืองของอเมริกา ในสงครามประกาศอิสรภาพ เป็นหนึ่งในคณะทำงานที่รับผิดชอบการร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของอเมริกา และเป็นผู้นำที่ปฏิเสธตำแหน่ง “จักรพรรดิแห่งอเมริกา” แต่เลือกเป็น “ประธานาธิบดี” ที่มาจากการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี”... นั่นแหละลักษณะผู้รู้ธรรมเสรีภาพสูงสุดในพระพุทธสาสนา(เสรีภาพที่พ้นทาสตัณหาทุกประการ บรรลุอรหัตตผลนิพพานได้...แต่ทางมนุษย์ เอาแค่ไม่เป็น “ทาส”  ก็ดีพอเป็นประชาธิปไตยได้)

12.

คนทุกคนมีสิ่งที่เรียกว่า  สิทธิมนุษยชน  และไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งกุมอำนาจทั้ง 3 อย่างนั้น แต่เพียงคนเดียว  ไม่ให้มีจ่าฝูงเป็นเผด็จการอย่างสังคมสัตว์นั่นเอง  แต่เอาอำนาจมาแบ่งปันเท่า ๆ กัน มี 334 ล้านคนก็แบ่งคนละ 1 อำนาจ  อย่างไทยเรามี 71 ล้านคน ก็แบ่งคนละ 1 อำนาจ   มีการแบ่งปันอำนาจการเมืองเท่าๆ กันเช่นนี้ มีการคิดเรื่องบุญเรื่องทานเช่นนี้ จึงเป็นประชาธิปไตยได้  มีการแบ่งปัน  การทานกัน  และต้องไม่มีใครครองอำนาจบริหารสูงสุดเป็นประธานาธิบดีตลอดกาล  ต้องแบ่งให้คนอื่นเข้าครองอำนาจได้ด้วย จึงกำหนดให้ประธานาธิบดีเขา หรือประเทศที่มีนายกรัฐมนตรี  ก็ให้อยู่ในอำนาจเพียง 4 ปี  หากประชาชนนิยมก็ให้เป็นต่อได้อีกเพียง 4 ปี  2 วาระแล้วให้ออกไปเลย   จึงอยู่ในอำนาจแค่ 2 สมัย ๆ ละ 4 ปีเท่านั้น   เพื่อให้เกิดการแบ่งปันกันระหว่างมนุษย์ ผู้เก่งเท่าๆ กัน อย่างเช่นอเมริกาประชาธิปไตยวันนี้ เขามีประธานาธิบดีมาถึงคนที่ 46   ที่แต่ละคนเคารพในหลักการแบ่งปันอำนาจ เขาจะอยู่ไม่เกิน 2 วาระแล้วจะออกไปเลย อย่างไบเดน ก็มีสิทธิได้เป็นอีก(หากคนอเมริกันรักเขา)ต่อไปเพียง 4 ปี  กำหนดแน่นอนเลย  ให้คนอื่นเป็นประธานาธิบดีแทน มาสม่ำเสมออย่างนี้ นับ 200-300 ปี มีประธานาธิบดี 46 คนแล้ว(โจ ไบเดนเป็นคนที่46) ไม่เหมือนไทย เขมร ลาว  ไม่เหมือนเกาหลีเหนือ ไม่มีอย่างจ่าฝูงเสือ สิงโต หมาไฮยีน่า  มีแต่หมู่คนผู้รักเสรีภาพ สร้างความเสมอภาคแต่ตนขึ้นมาเท่าเทียมคนอื่น

13.

เขาก็ค้นพบว่าการเมืองแบบประชาธิปไตยนี้จะเจริญไปได้ก็ต้องมีกฎการเมืองให้ปฏิบัติเท่ากันทุกคน ๆ  เขาจึงได้พบหลักการปกครองประชาธิปไตยขึ้นมา โดยได้มาจากหลักพระพุทธศาสนา นั่นเอง  ซึ่งน่ามาจากกาเรียนรู้เฉพาะตัวของผู้นำขณะนั้นคือ  นายพลจอร์จ วอชิงตัน  นั่นก็คือว่าประชาธิปไตยจะต้องมีจริยธรรม 3 ประการ คือ  เสรีภาพ(Liberty)ทุกคนมีสิทธิเสมอกัน ต้องใช้สิทธิแบบไม่ละเมิดสิทธิของคนอื่น มีฐานะเป็นเสรีชนผู้พึ่งตนเองได้   เสมอภาค(Equality) คือพึ่งตนเองได้ ไม่เป็นทาสใคร แม้ทาสทางการเงินทาสแบบขายเสียงซ้อเสียงการเลือกตั้งได้    และ ภราดรภาพ(Fraternity) ไม่มีศัตรูในการเมืองประชาธิปไตย มีแต่ญาติพี่น้องกันทั้งสิ้น    ที่ประชาชนอเมริกันจะต้องเคารพ  จึงทำให้ระบอบประชาธิปไตยอเมริกันเจริญ  เป็นสังคมมนุษย์ที่สูงส่ง เมื่อเคร่งครัดในจริยธรรมเข่า  เช่นเสรีภาพ(Liberty)นั้น ก็หมายถึงไม่มีใครอาจจะมาซื้อเสียงเขาได้เลย  เป็นศักดิ์ศรีสูงสุดของนักประชาธิปไตยอเมริกัน เวลาคนอเมริกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งเขาจะเป็นตัวของตัวเอง  ตระหนักว่าตนเป็นเจ้าของประเทศ ที่ต้องระวังไม่ไห้ได้คนชั่วคนเลว หรือคนนักธุรกิจ หวังเข้าไปลงทุนหากำไรจากการเมืองของชาติ  อย่างประเทศไทยเราอย่างเด็ดขาก เขาจะไม่ให้มี คนไม่เหมาะสม เข้าไปสู่การบริหารประเทศ  ไปใช้อำนาจ สูงสุด 3 อำนาจได้   ไม่มีการลงทุนทางการเมือง เหมือนประเทศด้อยพัฒนาอย่างประเทศไทยเราวันนี้

14.   

ก็เพราะคนมีความคิดและเป็นเสรีชน  พ้นทาส พึ่งตนเองได้  มีความเสมอภาค นั่นเอง  ต้องการมีอำนาจจึงคิดประชาธิปไตยขึ้นมา แต่พวกสัตว์ มันยังไม่สามารถจะคิดประชาธิปไตยขึ้นมาได้   มันจึงใช้การเมืองแบบเดียวมานับหมื่นปีแล้ว คือ การเมือง เผด็จการ ที่มีจ่าฝูงปกครองกลุ่มทั้งหมดมาจนถึงวันนี้ ส่วนบริวารทั้งหมดเป็นทาส  เช่นประเทศไทย เขมร พม่า มาเลเซีย  นั่นเอง อย่างประเทศไทยนี้  มีคนรู้จักประชาธิปไตยเพียงคนเดียวคือ  ปรีดี พนมยงค์ เพียงคนเดียว จนถึงทุกวันนี้ หากมีปรีดี พนมยงค์เพิ่มขึ้นสัก 10 คน  ประชาธิปไตยก็น่าจะเจริญขึ้นได้  แต่เมื่อไม่มีผู้รู้ มีแต่คนโง่อวดดีกันหมด  เช่นในสังคมไทยวันนี้ ที่มีแต่คนโง่มาเจอคนโง่ แล้วอวดฉลาดกัน วิพากษ์กัน ไปหมดอย่างน่าทุเรศสิ้นดี เช่นนี้  ก็มีแต่จะหลงทาง สร้างปัญหาไปกว่าเดิมอีก   และนี่แหละ สหประชาชาติ เขาเอาการเมืองมาประเมิน(ไม่ดูด้านอื่น เช่นสัวคมวัฒนธรรมเขาไม่เอามาประเมิน เอาเฉพาะการเมืองมาประเมิน) ระบุค่าเป็นประเทศด้อยพัฒนา (Underdevelloped Country)  รดับที่ 3 ต่ำสุดอยู่

15.

ปัญหาจึงแก้ไขยาก เพราะประชาชนคนทั้งประเทศ  แม้ระดับนักการเมืองเอง  ครู อาจารย์ในสถานการศึกษา พอเริ่มให้มีการเอาประชาชนเจ้าของแผ่นดิน เข้ามาปกครองประเทศเอง แม้ประชาชนก็โง่แสนโง่โดยไม่รู้เลยว่า  การเลือกตั้ง ทำไปทำไม กลับโง่ไปจนทำลายชาติบ้านเมืองก็คือ  คิดว่าการเลือกตั้งเป็นโอกาสของการหาเงินหาทอง หารายได้พิเศษ นั่นคือไม่คิดว่าเป็นหน้าที่ในการปกครองประเทศของตน ตามที่ได้อำนาจการเมืองมาสียแล้ว....ต้องเข้าใจ  ... ที่จะต้องเลือกคนดี ๆเท่านั้นเข้าไปทำงานใหญ่ของประเทศ  ไม่มีคิดเลย  คิดเพียงทาสคิดคิดการขายเสียง ได้เงินได้ทอง กันครั้งใหญ่ ประชาชนก็เอาเสียงไปขาย สส.ก็เอาเสียงไปขายราคาแพงขึ้น เพื่อแลกตำแหน่งรัฐมนตรี  ผู้ช่วยรัฐมนตรี  ฯลฯ   อยากเป็น รัฐมนตรีก็เอาเงินซื้อ  กลายเป็นการเมืองเป็นเพียงการลงทุนแสวงหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจ วิธีหนึ่ง  ที่อ้างว่าคนหนุ่มผู้เจริญทันโลกไปอีก ... เท่านั้นเอง มันจึงกลายเป็นระบบอันตรายขึ้นมา แทนที่จะสร้างชาติกลับกลายเป็นนำนักธุรกิจ นักลงทุนหากำไร ระดับชาติเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์ครั้งใหญ่ แบบที่เจ้าของประเทศผู้มีหน้าที่ดูแล ล้วนคนโง่เขลา หาความเป็นคนที่มีเสรีภาพ  เสมอภาคและภราดรภาพแทบไม่มีเลย นั่นเอง

16.

เพราะไม่รู้หน้าที่ของตน ประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย  ว่าตนต้องปกครองประเทศ  ซึ่งสำหรับประเทศไทย คนไทยก็ต้องเข้าใจว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเองทรงพระเมตตา พระราชทานอำนาจการปกครองตนเองนี้แด่ประชาชนด้วยพระองค์เอง  แม้มาถึงรัชกาลที่ 9 จะมอบอำนาจคืนแด่พระองค์ พระองค์ก็ไม่ทรงรับ  นี่คือพระเมตตาสูงสุด ที่พระราชทานความรู้การเมืองแด่ประชาชนที่ยังโง่งมงายในหลักการประชาธิปไตยโดยแท้จริง... ด้วยอำนาจที่มาแบ่งปันกันกัน แบบคนเท่ากัน  ไม่ใช่การเมืองเผด็จการสัตว์ ที่มีจ่าฝูงเป็นผู้ปกครองคนเดียว ใช้อำนาจ บริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติตามใจชอบของตนคนเดียว  และทั้งเป็นหน้าที่ที่ต้องระวังคนร้าย โจรผู้เข้ามาเพื่อขายชาติ  แสวงหากำไรจากการผลประโยชน์ของมหาศาลของชาติ  ตามที่มีตัวอย่างมาแล้ว และแม้ที่เป็นอยู่วันนี้  ต้องขจัดคนแนวคิดเช่นนี้ คนเช่นนี้ไปจากวงการเมืองให้หมด  ไม่ให้มีในวงการเมืองประชาธิปไตยไทยอีกเลย

17.

อย่างที่ระบบทักษิณ  เกิดขึ้น(เป็นการเมืองเผด็จการแบบการเมืองหมู่สัตว์ ที่จ่าฝูงมีอำนาจเต็มนั้นเอง โดยระบบทักษิณเป็นการเมืองของสกุลวงศ์ ๆ ญาติตนเอง ครอบครัวตนเองทรงอิทธิพลอำนาจการเมืองแบบเผด็จการจ่าฝูงของหมู่สัตว์นั่นเองแท้ ๆ แล้วแผ่อิทธิพลไปครอบวงการอื่น ๆ) และ แม้กระทั่งนายทักษิณเอง  ตามประวัติที่ชัดเจนเห็นกันชัดเจนมาแล้ว  เมื่อได้ทั้งอำนาจเผด็จการตนเอง  ทั้งอำนาจรัฐประชาชนประชาธิปไตย  แต่ก็ได้ใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์ส่วนตนอย่างมากมายมหาศาล ไม่รู้จักพอเลย  กระทำผิดด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง มีโลภะ ความอยากร่ำรวยจนคิดขายชาติหวังกำไรแก่ตนและสกุลวงศ์ตน  จนปรากฏเป็นความผิดกฎหมายของชาติ แต่ไม่ยอมรับผิด เป็นนักโทษหนีคดีไปร่อนเร่อยู่ต่างประเทศ  ใช้จ่ายมากมายมหาศาล แต่ก็อยู่ต่างประเทศไม่ได้  ต้องกลับมาแผ่นดินเกิด 

18.

โดยรู้กันทั้งประเทศว่า  นายคนนี้มาแบบนักโทษ ต้องรับคดีอาญาติดคุกถึง 8 ปี  รับโทษรับความผิดในประเทศไทยแบบวางแผนโกงระบอบประชาธิปไตย ใช้อิทธิพลการเมืองเผด็จการเพาะตระกูลชินวัตร การเมืองเผด็จการแบบหมู่สัตว์  กดขี่ระเบียบการบริหารตามอำนาจตุลาการสูงสุดอย่างไม่เป็นธรรม จนถึงปรากฏว่า  เป็นนักโทษ ที่หนีคดีร่อนเร่ไปอยู่ต่างประเทศ เว้นแต่อังกฤษอเมริกา ที่เขาไม่ให้เข้าประเทศเขา เพราะความผิดฉกรรจ์ระดับเลวร้าย ทำลายศักดิ์ศรีประชาธิปไตยโลกทางการเมืองประชาธิปไตย จึงไปน้อมคุกเข่าขอประเทศด้อยพัฒนา เช่นมอนเตเนโกร ไปอาศัยเขาอยู่ถึง 17 ปี   

19.

แต่กระนั้น ก็มาก็ใช้อิทธิพลการเมืองหมู่สัตว์เผด็จการจ่าฝูงสกุลชินวัตรมาบีบบังคับรัฐบาลการเมืองไทย จนมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลและประชาชนคนไทยที่ยังไม่เข้าใจอยู่ทุกวันนี้  โดยรูปธรรมเหตุผลที่ชัดเจน  แม้ถูกพิพากษาให้ติดคุก 8 ปี และแม้ได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือ 1 ปี   แต่ไม่เคยอยู่คุกเลยแม้แต่วันเดียว ....ซึ่งเป็นเรื่องความอยุติธรรม ที่ทำลายลดค่าของตุลาการศาลสูงสุด ในฐานะ อำนาจสูงสุดด้านตุลาการ ของประชาชนประชาธิปไตย ที่ไร้ค่าด้อยความสำคัญลงนั่นเอง  ที่เห็นชัดเจนอยู่แล้ว  อันเกิดจากความผิดของฝ่ายบริหาร ข้าราชการโกง ทุจริตต่อหน้าที่ แต่หน่วยราชการไทย ใต่อำนาจฝ่ายบริหารสูงสุด ไม่สามารถจะทำอะไรได้ แต่ในที่สุด ด้วยสติปัญญารักความเป็นธรรม จึงทนไม่ได้ที่จะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้  นอกจากมีกลุ่มประชาชน คปท. ศปปส. กองทัพธรรม มาต่อต้านไม่ยอมแพ้อยู่ในวันนี้ ซึ่งประชาชนผู้รักความเป็นธรรม ผู้รู้การเมืองประชาธิปไตย ให้ตื่นขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรมให้ลุกขึ้นยืนกันทั้งแผ่นดิน

20.

นั่นคือ  อำนาจสูงสุดประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน  อำนาจทั้ง3  ตุลาการ นิติบัญญัติ  บริหาร  ที่แบ่งปันกันไปเป็นอำนาจสูงสุด   แต่หากมีการก้าวก่าย ด้อยค่าอำนาจตุลาการมาตลอด ในกรณีของนายทักษิณ  นี้ โดยมีพลังการเมืองกลุ่มสกุลทักษิณนี้  ทับซ้อนกดขี่อำนาจ ตุลาการสูงสุด อำนาจบริหาร และ แม้อำนาจนิติบัญญัติที่เป็นของประชาชนไทยโดยตรง  แบบไม่ชอบด้วยหลักระบอบการปกครองผู้เจริญ แต่ทำแบบการปกครองเผด็จการหมู่สัตว์ ที่มีจ่าฝูงใช้อำนาจส่วนตน  นั่นเอง  ที่ประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยทั้งประเทศ จะต้องมองดูว่า  การเป็นไปแบบนี้จะทำลายระบอบประชาธิปไตยของประชาชน  ไปจน ถึงแผนทำลายชาติศาสนาพระมหากษัตริย์  ถึงขนาดแผนเดิมของ คณะทักษิณนี้  คือ การปฏิวัติการเมืองไทย  เอาระบอบประธานนาธิบดีมาใช้  โดยล้มล้างสถาบันกษัตริย์  แล้วเอาระบอบประธานนาธิบดี ที่เป็นแผนการดั้งเดิมของระบอบทักษิณ มาแต่เดิม  ที่ร่วมมือกับพรรคอนาคตใหม่  พรรคก้าวไกล มาแต่เดิมแล้ว  ถึงกับมีแผนกำหนดประธานาธิบดีคนที่ 1 คือ นายทักษิณ ชินวัตร  คนที่ 2  นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ  และคนที่ 3  นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 

21.

มันตรงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับ พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567    ไว้แล้ว  ว่า “ใช้สิทธิเสรีภาพแบบซ่อนเร้นเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน ล้มล้างการปกครอง” ซุ่มซ่อนวางแผนล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข   ตามกฎหมายประชาชน ประชาธิปไตย  แต่ด้วยพลังการเมืองเผด็จการกลุ่มสกุลชินวัตร ที่ซ้อนเข้ามาจึงทำให้เผด็จการกลุ่มสกุลชินวัตร ใช้อิทธิพล ทำการกดขี่เอาชนะการเมืองของประชาชน ประชาธิปไตย อยู่วันนี้  (ความหมายก็คือ ระบอบทักษิณ อยู่เหนือระบอบรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่มาจากประชาชน การเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ซึ่งมันเป็นการทรยศประชาชนทั้งชาติ) 

22.

นี่คือประเด็นความเขลาเบาปัญญา ความโง่เง่า  คนโง่ ไม่เข้าใจการเมืองประชาธิปไตย มันก็เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ  แทนที่จะเกิดคุณประโยชน์  ให้การเมืองเป็นการสร้างสรรค์สร้างประโยชน์แก่ประชาชนแก่ส่วนรวม  แก่ประเทศชาติ  หากแต่กลับกลายไปเป็น  แหล่งการเมืองลงทุนเหมือนธุรกิจขนาดใหญ่  เอาประเทศชาติเป็นที่เสวงหาผลประโยชน์ของตน นักการเมืองนักลงทุนแบบธุรกิจชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง

เพราะคนยังไม่เจริญไปไกล   เหมือนคนประชาธิปไตยที่เจริญอย่างคนอเมริกันเขา  

23.

ประเด็นก็คือ เป็นประเทศด้อยพัฒนา  คนประชาชนยังด้อยพัฒนาอยู่  

ก็ยังคล้าย ๆ  ฝูงสัตว์  ฝูงลิง  ค่าง เสือ  สิงโต โค  กระบือ  ควาย  สุกร หมาจิ้งจอก หมาไฮยีน่า...เมื่อวิจัยดู...ก็พบว่ามันไม่มีความคิด  มันสมองดีพอจะเป็นประชาธิปไตย ดีพอจะพัฒนาประชาธิปไตยไปได้อย่างรวดเร็ว   มันจึงไม่เคยเปลี่ยนระบบการเมืองมันเลย  มันเป็นการเมืองเผด็จการหมู่สัตว์มาแต่ดั้งเดิมจนถึงวันนี้ .....มันไม่มีตัวไหนคิดเห็นว่า  เผด็จการเป็นระบอบที่เห็นแก่ตัวแสวงหาอำนาจตัวเอง  ทำตัวเก่งเพื่อให้ได้เป็นจ่าฝูง  หัวหน้าหมู่ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เพื่อความใหญ่ ไปสู่ตัณหาอันสูงสุด  มันไม่มีตัวไหนคิดได้อย่างนี้.....หากแต่คน สัตว์ประเภทมนุษย์  มันมีสมองคิดเรื่องเช่นนี้   เรื่องที่เผด็จการไม่ดี  มีความเลวร้ายอย่างไร  ไม่มีความคิดเท่าคน   เหมือนคนแต่เป็นเพียงสัตว์

24.

อย่างเช่นในประเทศลาว  ที่เรียกผู้ทรงอำนาจว่า “เจ้ามหาชีวิต” ซึ่งเป็นตามชื่อจริง ๆ  ซึ่งหมายถึงอำนาจการเมือง    ไม่เฉพาะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เท่านั้น  หากแต่อำนาจสูงสุดถึงขนาดเป็นเจ้าชีวิตคนในแผ่นดิน   จึงเรียกว่า  เจ้ามหาชีวิต  คือแผ่นดินทั้งประทศเป็นของพระองค์คนเดียว  ประชาชนได้ที่ดินสร้างบ้านเรือนทำนาทำไร่ทำมาหากินนั้น  ได้ที่ดินจากพระราชทานของพระเจ้าแผ่นดินทุกคนๆ นั้นเอง   และทุกคนๆ ต้องซื่อสัตย์ จงรักภักดี  หากไม่เช่นนั้น  หากมีผู้ทรยศแล้ว จึงมีอำนาจแบบ “เจ้ามหาชีวิต” ขึ้นมาทันที คือ  ฆ่าล้างโคตรได้ทั้งวงศ์สกุลผู้ทรยศนั้นได้เลย

นี่แหละเผด็จการ

25.

หากแต่หมู่สัตว์ ไม่มีปัญญาความคิดมองเห็นความชั่วร้ายของเผด็จการได้มันจึงยังคงมีการเมืองกันอยู่แบบเดิม คือ เผด็จการมาอยู่ทุกวันนี้ ของหมู่สัตว์ทั้งหลายทุกชนิด  เพราะชาติพันธ์มันไม่ให้มีมันสมองคิด ปฏิวัติหรือเปลี่ยนแปลงการเมืองได้เหมือนคน

และโปรดมองดู  ไม่ใช่เฉพาะหมู่สัตว์ เท่านั้น  แม้หมู่มนุษย์  มนุษย์เอง ก็ยังทำการเมืองของสังคมตนเองคือ สกุลวงศ์ตนเอง เป็นการเมืองแบบเผด็จการ มีจ่าฝูงเป็นหัวหน้าใช้อิทธิพลส่วนตนปกครองลูกน้องในสังคม  เพื่อประโยชน์ของตน วงสกุลของตนอย่างแท้จริง  นั่นก็คือ  การเมืองเผด็จการสกุลชินวัตร มีทักษิณ ชินวัตรเป้จ่าฝูงอยู่ทุกวันนี้ นั่นเอง  ประชาชน เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง จงรีบเรียนรู้และเร่งลุกขึ้นมาเถิด   

26.

การปฏิวัติการเมืองแบบสัตว์ คือเผด็จการ มาเป็นประชาธิปไตย  จึงต้องอาศัยมันสมอง  มีความเข้าใจเรื่องการเมืองเข้าใจทั้งระบอบเดิมเผด็จการแบบสัตว์ มาเป็นประชาธิปไตย ว่าจะต้องมีจริยะธรรมคู่ไปกับการเมืองเสมอ....ดังในประวัติศาสตร์ประเทศจีน ที่ต้องมีปราชญ์ทางศาสนา  เกิดมาคู่การเมืองเสมอไป นับแต่ขงจ๊อ มาถึงเต๋า  ที่หมายถึงปราชญ์มาให้จริยธรรมการเมือง  พาการเมืองไปสู่สันติสุข  จนที่สุดเกิด พระถังซัมจั๋งเดินทางจากจีนไปอาราธนาพระไตรปิฏก ที่อินเดีย มาเป็นหลักจริยธรรมการเมืองของประเทศมหาอำนาจจีน  จึงเจริญมาถึงวันนี้ โดยหลักการจริยธรรมนั้นมีความสำคัญสำหรับทุกระบอบการเมือง อย่างขาดไม่ได้ ...  โดยอย่างไทย  ก็ทำได้เพียงการสร้างระบอบขึ้นมา  และเริ่มเดินกันไปตามทางของระบอบประชาธิปไตย...หากแต่ยังไม่เข้าใจ จริยธรรมทางการเมืองดังกล่าว   หากแต่ยังคงติดนิสัยสันดารสัตว์อยู่  ที่เคยอยู่ใต้ระบอบเผด็จการ ขาดคนมีความรู้จริงช่วยสั่งสอนอบรม   หากมีแต่คนโง่ ๆ  ที่ล้วนแต่คนโง่ ๆ  มาเจอกัน ทั้งแผ่นดิน  แล้วพูดคุยกันแบบคนโง่คุยกันแบบโง่ไปคนละอย่างมาเจอกัน เท่านั้นเองก็พากันโง่ต่อไปไม่รู้จบ   ตัวอย่างก็คือ  ที่เป็นกันอยู่ในวงการสื่อสารมวลชนทั้งหมดในขณะนี้นั่นเอง   ที่เรียกว่าวนักการเมือง  นักวิชาการเมือง ประชาธิปไตย หรือ แม้พรรคการเมือง  เช่น  พรรคคนหนุ่ม อนาคตใหม่-ก้าวไกล แม้เก่า ๆ  อย่างไทยรักไทย – เพื่อไทย  ล้วนแต่โง่ ๆ  แบบการเมืองสัตว์   คือมีหมู่มีกลุ่มของตน  เช่นกลุ่มตระกูลทักษิณ เป็นต้น ที่โดยรูปธรรม กลายเป็นกลุ่มการเมืองแบบเผด็จการ เหมือนการเมืองเผด็จการกลุ่มสัตว์กลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง...ดังที่ปรากฏในสภา-รัฐสภาแห่งชาติ ประเทศนี้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2562  ถึงวันนี้  

27.

โดยรูปธรรม  ก็คือ  ประชาธิปไตยจะแบ่งอำนาจสูงสุดออกไป  ไม่ให้รวมกันแบบเผด็จการ  ที่รวมกันในตัวจ่าฝูงตนเดียวแบบการเมืองหมู่สัตว์ นั่นเอง  แต่ประชาธิปไตยให้แยกออกจากกัน  ทำกันคนละอำนาจ  คือ  นิติบัญญัติสูงสุด  บริหารสูงสุด  และ ตุลาการสูงสุด   นี้ แล้วเราต้องเคารพในความสูงสุดของแต่ละอำนาจนั้น  จึงจะป้องก้นเผด็จการได้   ต้องไม่ให้มีการก้าวก่ายอำนาจกันเลย จึงจะป้องกันมิให้เกิดเผด็จการซ้ำซ้อนเข้ามา และถึงกลายเป็นเผด็จการที่ซ่อนแฝงอยู่ ก็จะทำลายประเทศชาติได้   

28.

แต่ทุกวันนี้  กลุ่มสกุลนายทักษิณชินวัตร  กลายเป็นกลุ่มการเมืองนอกระบอบอำนาจทั้ง 3 อำนาจนั้น   แบบที่คนเองโง่ เหมือนหมู่สัตว์นั้นเอง   ที่ไม่พัฒนาไปถึงระดับมนุษย์ที่ฉลาดพอใจใช้อำนาจทั้ง 3 อย่างที่ต้องสูงสุด  อย่างเช่นอำนาจตุลาการสั่งลงโทษมา จำคุก 8 ปี  แล้วทำไมอำนาจบริหาร จึงไม่เคารพในคำตัดสินของตุลาการสูงสุดบังอาจมาก้าวก่ายสั่งการไปนอกคำสั่งสูงสุดของตุลาการสูงสุดได้   แบบนี้ มันก็เป็นการไม่เคารพ   ไม่นับว่าทำตามระบอบประชาธิปไตย  กลายเป็นเรื่องอำนาจซ้อนอำนาจ  เผด็จการกลุ่มของนายทักษิณ ชินวัตร ทับซ้อนเข้ามายังอำนาจตุลาการสูงสุดของประชาชน  เอากลุ่มเอาพวกใต้การเมืองกลุ่มของตนมาใช้อำนาจในกลุ่มพวกของตนเอง และใช้แบบการเมืองสัตว์นั้นเอง ....แน่ละคือแล้วแต่จ่าฝูงคนเดียว  ก็จะมีคำถามว่า  ประเทศไทยจะเจริญทางประชาธิปไตยไปได้อย่างไร ก็ในเมื่อเอาระบบเผด็จการสัตว์ มาใช้อย่างนี้แล้ว  .... 

29.

แต่สำหรับแผ่นดิน แผ่นดินธรรมแผ่นดินทองไทยนี้  ได้มีการสืบสานพลังมาแต่ประวัติศาตร์  ในประเทศไทย เมื่อทนกันไม่ได้    ก็จะมีการเมืองเผด็จการที่ทรงอำนาจมากกว่าเผด็จการทุกชนิด ที่เราเชื่อว่าเป็นธรรมะ  หรือเผด็จการแห่งธรรมที่ปกป้องคุ้มครองสยามประเทศมาแต่ดั้งแต่เดิม  ที่นำไทยฝ่ารอันตราย เป้ฯเอกราชมาถึงทุกวันนี้ นั่นคือ   ไทยเรามี กำลังกองทัพที่มั่นคงแข็งแรง รวมพลังนักสู้นักรบ  ทรงอำนาจคู่ชาติไทยมาแต่เดิมอยู่แล้ว   หากไม่ยอมรับอำนาจประชาธิปไตย ก็แน่นอน อำนาจปฏิรูปการปกครองแผ่นดินโดยเผด็จการที่แข็งแรงกว่า ก็จะเข้ามาแทน.....นั่นก็คือ  การรัฐประหาร ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง .... หากจำเป็นจริง ๆ มีอันตรายมาถึงแล้ว 

มันก็จะเสียเวลาการสร้างสรรค์ประชาธิปไตยไทยไปอีกครั้งหนึ่ง  ทำให้ประชาธิปไตย ชงักไปอีกครั้งหนึ่ง

อันเกิดจากนักการเมือง  พรรคการเมือง  ......  ที่มาจากนักธุรกิจ  มาทำการเมืองเพื่อการลงทุนแสวงหากำไรระดับชาติ

ทำให้เกิดปัญหา  ที่ไม่น่าเกิดปัญหาขึ้นมาอยู่ขณะนี้   แต่นี่แหละเป็นตัวอย่าง  การเมืองที่สืบมาจากการเมืองหมู่สัตว์   ที่อำนาจมิได้เป็นของประชาชนโดยประชาชน  เพื่อประชาชน  

30.

หากแต่อำนาจ มาจากการเมืองเผด็จการตระกูลวงศ์นักธุรกิจ ทับซ้อนเข้ามาสู่วงการเมืองประชาธิปไตยของประชาชน  ที่มุ่งหมายทั้งทางการเมืองเอง และทั้งการเศรษฐกิจ   สร้างสรรค์วิถีทางการลงทุน จากการเมืองของชาติแบบระบอบประชาธิปไตย  ให้แทรกแซงหวังประโยชน์แก่หมู่พวก  ฝูงของตน  นั้นเอง มิได้หวังประโยชน์แก่ประชาชน แก่ประเทศชาติ  ให้การเมืองเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ อย่างแท้จริงแต่อย่างใดเลย

แบบนี้  ประเทศไทยจะเจริญไปไม่ได้   การประชาธิปไตยของไทย ของคนไทยทั้งชาติ  ผู้ที่ได้ชื่อว่าไทย  เชื้อชาติ สัญชาติไทย   ไม่จำกัดศาสนาความเชื่อ  จึงต้องใช้วิจารณญาณและตัดสินใจพิทักษ์ซึ่งความถูกต้อง

การเลือกตั้งที่เลวร้าย  ที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเป็นเสรีชนประชาธิปไตย  ก็คือ   การซื้อเสียง ประชาชน

ดังเช่น การเลือกตั้ง มา 2 ครั้งแล้ว  2562  มาถึง  14 พ.ค. 2566 นั่นเอง

31.

ที่พรรคการเมือง 2 พรรค คือพรรคเพื่อไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร    และพรรคก้าวไกลของคณะหนุ่มสาวยุคใหม่ที่อ่อนล้าไร้สติปัญญาอันแท้จริง แบบเข้าใจเผด็จการเป็นประชาธิปไตย  เข้าใจประชาธิปไตยเป็นเผด็จการคือ พวกโง่ทั้งพวกนั้นเอง ไปหาเสียงแบบใช้เงินซื้อสียง แบบใช้การโฆษณาหลอกประชาชนทุกอย่างที่หลอกได้ โดยใช้แนวคิดของระบบAIเครื่องคิดที่ไร้ควมเป็นมนุษย์มาคิดแทนให้ทุกอย่าง  คิดการหลองลวงออกมาทุกอย่างเพียงเพื่อให้คนชอบกันทั้ง 2 พรรค  เช่นพรรคก้าวไกลทำนโยบายออกมา 300 ข้อ  ที่แต่ละข้อเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง แต่ให้จูงใจประชาชนเลือกพรรคของตน แต่เอาไปทำจริง ๆ ไม่ได้เลยสักข้อเช่นเรื่องให้คนแก่เดือนละ 3000 บาท  ให้เงินค่าแรงเดือนละ 900 บาท  ให้เงินค่าคลอดบุตร 6 เดือน ๆ ละ  12,000 บาท จะจัดระบบวัฒนธรรม 3 ภาคส่วนของประเทศให้ยิ่งใหญ่(ซึ่งแท้จริงเป็นการซ่อนแผนการร้าย เพื่อทำลายสามัคคีธรรมของคนในชาติ ให้เกิดแตกแยกไปเป็น 3 ส่วนของแผ่นดินไทยนั่นเอง)  ......ซึ่งในความจริง จะไม่สามารถทำได้เลย  และอีกพรรคคือพรรคเพื่อไทย  เรื่องซื้อเสียง ๆ ละ10,000 บาท นั่นเองเป็นสิ่งที่ดูถูกดูหมิ่นประชาชนไทยทั้งชาติ (ซึ่ง กกต.มองไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตย  ไม่งั้น  นี่ก็คือ  การสัญญาซื้อเสียงประชาชน เสียงละหนึ่งหมื่นบาท นั่นเอง ผิดหลักการประชาธิปไตยไปเต็ม ๆ โทษถึงยุบพรรคเพื่อไทย...) แต่ที่คนไทยจะต้องคิดก็คือ  นี่แหละบอกไปถึงระบบแนวคิดการเมืองเผด็จการสัตว์ป่า สกุลทักษิณชินวัตร ระบบจ่าฝูงเผด็จการ หรือ ระบอบทักษิณ นั้นเอง...ซึ่งแท้จริงแล้ว  บอกถึงความต่ำต้อยด้อยความเป็นคนผู้เจริญ อย่างแท้จริง

32.

ซึ่งเมื่อมองการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 แล้ว  ก็เห็นได้ว่า เป็นผลจากเจ้าของประเทศ คือประชาชน 71 ล้านคนนี่เองประกอบการกระทำผิดด้วย   ที่เลือกเอาคนไร้แก่นสารเข้าไปสู่รัฐสภา สู่การบริหาร  และ  ตุลาการของชาติ  นั้นเอง เป็นความผิดของประชาชนส่วนหนึ่งเลยทีเดียวซึ่งต้องแก้ตัว อย่าให้มีอีก

จนเราได้ข้อยุติว่า  การเลือกตั้งจึงนำมาสู่ความจริงกันได้ว่า

33.

เราจงอย่าเลือกนักเผด็จการ  จากการเมืองเผด็จการตระกูลชินวัตร  หรือพวกระบอบทักษิณ นั่นเอง...อย่าเปิดทางการเมืองให้แด่นักธุรกิจ  นักลงทุนที่แสวงหากำไร  หวังมาทำการลงทุนระดับงานของชาติ รูปธรรมก็เศรษฐีมหาเศรษฐี ที่เคยทำผิดทางการเงินมาแล้วเช่น ทักษิณ ชินวัตร   แน่นอนแนวทางแสวงหาประโยชน์ของคนเช่นนี้มีแต่จะไปมากกว่าเดิมไปถึงการกินกำไรมากมายมหาศาล ขนาดขายชาติขายแผ่นดิน นั้นเลย  ...และที่ปรากฏอยู่วันนี้    ก็เป็นการเมืองซ้อนการเมือง   เผด็จการกลุ่มสกุลพรรคพวกผลประโยชน์ทักษิณ(เหมือนการเมืองหมู่สัตว์เผด็จการที่เอามาให้ศึกษานั้นเอง)  ซ้อนลงในการเมืองของประชาชนไทยทั้งชาติ คือประชาธิปไตย  ในขณะที่เจ้าของประเทศยังหลับไหลไม่รู้ตื่น   แทนที่จะเคารพในกฎกติกา  หลักการแห่งอำนาจสูงสุดของประชาธิปไตย  อำนาจเป็นของประชาชน เพื่อประชาชน  โดยประชาชน

34.

รวม  อย่าเลือก อย่าสนับสนุน คนเศรษฐีมีเงิน มีรายได้นับร้อยพันล้านบาทเข้าไปเป็นนักการเมือง   อย่าเลือกสส.  สว.  อบจ.   อบต.  แบบนี้  เพราะเราได้พบความจริงมาแล้ว พวกนี้มีแต่ความคิดการลงทุนแสวงหาประโยชน์...เอาเงินทุจริตมาลงทุนสร้างความนิยมทางการเมือง  เพราะพวกนี้มีจิตใจห่างไกลไปจากหลักจริยธรรมสากลของระบอบประชาธิปไตย  เสรีภาพ  เสมอภาค  ภราดรภาพ  ที่มาจากธรรมะแห่งพระพุทธศาสนา   ที่ไม่อาจจะสร้างสายสัมพันธ์อันสนิทแนบแน่นแห่งสถาบันทั้ง 3  ชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ แต่แท้จริงเป็นแนวบ่อนทำลาย ล้มล้าง การเมืองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขนั่นเอง

และซึ่งกำลังก่อเกิดอันตรายร้ายแรงอยู่ขณะนี้เอง

35.

ประชาชนจึงต้องตื่นมาศึกษาความจริงการเมืองไทยขณะนี้  ให้รู้แจ้งเห็นจริง  และ  ตรวจสอบหน้าที่ของประชาชนระบอบประชาธิปไตยของเราให้ชัดแจ้ง และต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อการเมืองของชาติ ระบบสามสถาบันประชาธิปไตยไทย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 

มาร่วมกันตั้งแต่แนวคิดสัจจธรรม  ว่าเราจะไม่ยินดีกับนักธุรกิจนักการเงินให้เข้ามาลงทุนในการเมืองของชาติ   เราจะสนับสนุนนักปราชญ์แผ่นดิน สนับสนุนเพื่อนเราคนใกล้ชิดคนดีจริง ๆ แม้จะยากจนแต่เป็นคนดีแท้ สนับสนุนเอา ผู้ชำนาญการเกษตร ซึ่งก็คือปราชญ์ชาวบ้านเรามีอยู่นับพันนับหมื่นคนเพียงพอที่จะเอามาปกครองประเทศ  ทำไมไม่เอามาปกครองประเทศ ครูอาจารย์ผู้มีการศึกษา อดีตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ การยุติธรรม ครูบาอาจารย์ผู้สอนศิษย์มากมายทั่วแผ่นดิน  จงเอาคนดี ๆ เหล่านี้เข้ามาปกครองประเทศ

โดยเฉพาะนักต่อสู้นักรบผู้สูงส่งด้วยเกียรติยศวันนี้ขณะนี้ คปท.  ศปปส.  และกองทัพธรรม  วันนี้ ที่ประชาชนประชาธิปไตยจะต้องชื่นชมว่าเป็นแบบอย่าง ที่จะทิ้งเขาไม่ได้เลย ต้องสนับสนุนให้เข้าสู่การเมืองระดับชาติ ในวันนี้และแม้วันหน้า

โดยเริ่มตั้งแต่บัดนี้แล้ว.....

....สุไหงปาดี ชินะกุล ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์ บัวระย้า ชบาบุณเสฏฐ์  11 มี.ค. 2567 12.00 น.

-----

@ การเมืองไทยวันนี้ 11 มี.ค. 2567 ศึกษาการเมืองไทย ประชาธิปไตยไม่เหมาะแก่การเมืองสัตว์ป่า จ่าฝูงเผด็จการทุกชนิด ประชาชนไทยต้องตื่นทำหน้าที่แล้ว ดูนายพลยอร์จ วอชิงตัน ตัวอย่างผู้รู้ธรรมะประชาธิปไตยโลก 138 ภาษา

-----