ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ www.newworldbelieve.com
ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา
ขอจงทรงพระเจริญ
Long Live The King
หิตาย สพฺพโลกสฺส ปญฺญาเสฏฺโฐ วโร พุทฺโธ
ฐิโต มคฺคเผลสุ โย วนฺเทหํ โลกนายกํ
ภูมินาโค มหาวีโร ภูมิเตโช มหานาโถ
ภูมิพโลมหาราชา ราชหํโส วิลาสิโน
หิตาย สพฺพภูตสฺส ราชาเสฏฺโฐ มหุตฺตโม
๑. ลุคราสาวกเจ้า พุทธิญาณ พู้นเฮย
เสร็จพรรษศาสนกาล ผ่องแผ้ว
อุดมโภคผลพลาญ ผองแผ่น ธรรมเฮย
ภูธเรศธแกล้ว เกลื่อนรี้พลผยอง ฯ
๒. ชลนองสองฝั่งฟื้น พระยายง เจ้าเอย
ทวาทศทะยานลง ลุ่มใต้
หนาแผ่นสุธารธง ดารดาษ ไฉนนั่น
ธาเรศร์เนืองนบไท้ ธิราชท้าวหงส์เหิน ฯ
๓. ดำเนินโดยเผด็จพร้อม พลไกร- ยุทธนา
เพียงพยุหขบวนชัย เข่นขว้ำ
แผ่พระกฤษฎาภิไธย รวงรุ่ง พระเฮย
ปานอัศวเมธกล้ำ แผ่นเรื้องใดหาญ ฯ
๔. สคราญน่านน้ำเฟื่อง ฟองชล- ธีเฮย
นาเวศขบวนยอยล กล่อมด้าว
อึงอุตมการชน สองฝั่ง กรุงนา
กอปรพระบารมิศรท้าว ทอดผ้าเผดียงสงฆ์ ฯ
๕. ผองพงศ์พยุหกลั่นกล้า กลางสมร
ทองคู่กรรมกำจร เผ่นผ้าย
สองเสือห่มนาคร เฟือนฟั่น แลนา
ลงเล่นลำน้ำหว้าย แหวกเย้ามัสยา ฯ
๖. ขบวนนาเวศแพร้ว พรรณรงค์
สัพพสำเนียงลง ครั่นครึ้น
อนันตนาคภุชงค์ ควรพรั่น พระนา
ทรงพ่าพระกฐินขึ้น สะทกท้องธารธรรม ฯ
๗. นำขบวนหลากล้วนเหล่า พลาสินธุ์
รามราพณ์เกลื่อนพลยิน พ่างพื้น
นารายณ์สู่สุบรรณผิน โผผก เพลินเล่า
แผลงพระเดชเฟื่องฟื้น แผ่นเพี้ยงภินท์พัง ฯ
๘. ดั่งอสูรราพณ์ร้าย โคจรา รักษ์ฤา
หลายเหล่าทศพงศา แห่ห้อม
หลายเหล่าเผ่ารามา ขุนกระบี่ กบินทร์เล่า
สองหมู่เริงฤทธิ์พร้อม เผด็จฟ้าเฟือนฟอง ฯ
๙. หงส์ทองผยองเดชเพี้ยง ภุชคี
ครืนครั่นคุงธรณี อะคร้าว
เหิมพระเดชพระภูวดี- ศวรยาตร ลงแฮ
สุพรรณหงส์เห็จห้าว ผ่องพื้นโพยมยง ฯ
๑๐. อลงกรณ์อลงกตแก้ว นฤพาน พู้นฤา
วิมุตติเขตควรสนาน สร่างสร้อย
ขานขับเสนาะนิทาน ทิพโสต บนฤา
เย็นอุระร่ำคล้อย เคลื่อนฟ้าลงดิน ฯ
๑๑. เวคินทร์ลอรุ่มเรื้อง รวิวรรณ แลนา
อาทิตย์อัสดมพลัน เพริศแพร้ว
ชนวิโยคเยียวขวัญ ระส่ำเมื่อ ใดเล่า
หงส์หากคืนคาบแก้ว สนุกน้ำลำชาญ ฯ
๑๒. บารมีพระมากล้ำ เลอสรวง
บุญพระเทิดสยามปวง อยู่เกลี้ยง
ตรัยรัตน์จำรัสรวง เรืองทวีป ใดเล่า
บุญพระศาสนธรรมเลี้ยง โลกคล้อยคืนคลา ฯ
๑๓. อาทรพุทธศกสร้าง วิรกรรม เทอญนา
ขัตติยะพราห์มณานำ มุ่งเมื้อ
รังสรรค์สุธาธรรม บนโลก ปวงเล่า
เผด็จบาปบุญเอื้อ โปรดเอื้อสังสาร ฯ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
มูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร) และ หนังสือพิมพ์ดี
พยับรวิวรรณ(บาลี)-คุณบูรณ์ พิมพ์พรรณ(ไทย)
บาลี : บทขับสรภัญญะ ไทย : บทขับทำนองเสนาะ
ผู้ประพันธ์บทร้อยกรอง
HTTP://WWW.NEWWORLDBELIEVE.NET
HTTP://WWW.NEWWORLDBELIEVE.COM
เราเพิ่งสร้างเวบนี้ขึ้นมาเพียง 1 วัน จากวันที่ 11 พฤษภาคม 2553 เวลา 22.30 น. เพื่อให้คู่กับเวบแฝดของเราคือ www.newworldbelieve.net โปรดตรงเข้าไปสู่กระดานถาม-ตอบ(เวบบอร์ด)ได้เลยนะครับ มีเรื่องราวของคนรักประชาธิปไตยกับรัฐบาลเผด็จการอยู่ร้อน ๆ หรือคลิกที่นี่ได้เลยครับ.....ไปสู่เวบบอร์ด
พบหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) เล่มที่ 45
นสพ.ดี(อินเทอเนต) เล่มที่ 46 (ฉบับร่าง)
เล่มพิเศษ
ศึกษาประชาธิปไตยไทย
คัดสรรบทวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยก่อนและหลัง 19 กันยายน 2549
เกี่ยวกับประชาธิปไตยไทย
สารบาญ
6. อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสมควรแล้ว
7. ปัญหามุสลิมไทย
8. รัฐบาลอภิสิทธิ์-สุเทพ-เปรมเป็นศัตรูกับสื่ออย่างไม่เป็นธรรม สื่อทุกชนิดต่างเอาตัวรอด
1. บทนำ
ศึกษาประชาธิปไตยไทย
คัดสรรบทวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยก่อนและหลัง 19 กันยายน 2549
เกี่ยวกับประชาธิปไตยไทย
ประชาธิปไตยไทยอย่าเป็นอย่างพม่า
ศึกษาจากเรื่องราวจริง และเหตุการณ์จริง ช่วงก่อนและหลังยึดอำนาจ 19 ก.ย. 2549
ประเทศไทยอย่าเป็นอย่างพม่า แม้ว่าพฤติกรรมละม้ายคล้ายคลึงพม่ามาตั้งแต่ยุคปฏิรูปปฏิวัติโดย สนธิ บุณยรัตนกลิน ทหารเผด็จการหัวเก่า เมื่อ 19 ก.ย. 2549 นั่นคือ เมื่อมีการเลือกตั้ง เดือนพ.ย. 2551 แล้ว ฝ่ายทหารพ่ายแพ้การเลือกตั้ง พรรคทหารกลายเป็นฝ่ายค้านในสภาไป ก็ไม่ยอม ใช้อำนาจกดดัน บีบคั้น สร้างสถานการณ์ ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ฝ่ายตนคืนสู่อำนาจ จนกระทั่งรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งมาถึง 2 รัฐบาล นับแต่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องยุบตัวลงไปด้วยชั้นเชิงกลโกงทางการเมือง กลายมาเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายทหาร อมาตยาธิปไตยที่ล้าหลังระบอบเก่าอย่างพม่าจึงขึ้นครองอำนาจมาจนกระทั่งบัดนี้ สถานการณ์ปัจจุบัน ระบอบอมาตยาธิปไตยไทยกำลังพาประเทศและประชาชนเดินตามรอยรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าไปอย่างกระชั้นชิด ไม่ผิดการก้าวย่างตามทับอย่างรอยเดียวกัน อย่างไม่ละอายต่อสายตาโลก เพราะอย่าคิดว่าจะปกปิดซ่อนเร้นการกระทำที่แอบแฝงความมุ่งหมายอันไม่ซื่อตรง ที่ทรยศต่อระบอบของประชาชนไปได้ หากแต่สายตาโลกที่เจริญด้วยวิถีทางประชาธิปไตยทั้งหลาย อันเป็นยุคใหม่ของเทกโนโลยี ที่มาพร้อมกับยุคใหม่ของลัทธิการเมืองประชาธิปไตย กำลังเริ่มไม่ไว้วางใจสถานการณ์ในประเทศไทย เริ่มมองหามาตรการที่จัดการเผด็จการในประเทศไทย เพื่อเข้าโอบอุ้มพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยไทย ของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยในไทยไม่ให้เฉออกนอกลู่นอกทางไปจนตกอยู่ใต้อำนาจเผด็จการทรราชอย่างลึกซึ้ง ยากจะถอนตัวกลับคืนสู่วิถีประชาธิปไตยได้อีกครั้ง อย่างเดียวกับพม่า
ประชาชนชาวไทยจึงควรที่จะตื่นตัวขึ้นมาศึกษาเหตุการณ์ที่ผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ และมีความต่อเนื่องของสถานการณ์อนารยธรรมทางการเมืองนอกระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติของทหารตาบอดเผด็จการ 19 ก.ย. 2549 มาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่เกิดองค์การโฆษณาชวนเชื่อ ใส่ร้ายป้ายสี สร้างความเกลียดชังแก่รัฐบาลประชาธิปไตยครั้งใหญ่และแหลมคมขึ้นในปลายรัฐบาลทักษิณ ภายใต้การยุยงส่งเสริมของอมาตยาธิปไตยอำนาจเก่า ที่ซุ่มซ่อนคอยโอกาส และจังหวะกระทำการอยู่ อันเป็นเหตุของความร้าวฉานระหว่างประชาชนและความสับสนวุ่นวายขึ้นมาขณะนั้น จนเป็นเหตุให้คณะทหารและอมาตยาธิปไตยระบอบเก่าที่สูญเสียประโยชน์ทางอำนาจและเศรษฐกิจเนื่องด้วยนโยบายที่ฟื้นฟูอำนาจของชนทั้งหลายระดับสามัญชนขึ้นมาตามวิถีทางอำนาจประชาธิปไตย ได้โอกาสในการกระทำการแทรกแซงทางการเมือง และใช้อำนาจกองทัพในมือเข้าปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยลงเสีย สถาปนาอำนาจแบบเผด็จการทหารนำโดยอมาตยาธิปไตยขึ้นมาปกครองประเทศ เป็นผลสร้างความแตกแยกครั้งใหญ่ขึ้นในแผ่นดิน ๆ ระส่ำระสายมาไม่มีที่สิ้นสุด จนถึงปัจจุบันนี้
เมื่อนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ได้ลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้กับรัฐบาลทหารและอมาตยาธิปไตย โดยยุทธศาสตร์การสื่อสารความจริงวันนี้ ได้ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นในแผ่นดินไทย นั่นคือคนทั้งประเทศตาสว่างขึ้นทั้งแผ่นดิน และสีแดงโหมโรมเร้าทั้งแผ่นดิน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเผด็จการคืนอำนาจให้ประชาชน แต่แล้วรัฐบาลเลือดเข้าตาก็อำมะหิต พอที่จะออกคำสั่งระดมพลและอาวุธร้ายที่ใช้ในการสงครามโดยตรง โดยระดมกองกำลังที่จัดว่าสุดยอดของกองทัพไทยดีเด่นที่สุดของกองทัพไทย รวมถึงหน่วยทหารปฏิบัติการพิเศษนับแต่หน่วยสวาท อรินทร์ราช เป็นต้น พร้อมทั้งอาวุธหนักเบา แม้กระทั่งยานยนต์ขนาดหนักใช้ต่อสู้ในสงครามโดยตรงก็ถูกระดมมาเพื่อกระชับวงล้อมเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่า ๆ กลายเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับประชาชนฝ่ายรักประชาธิปไตยทั้งประเทศ เพราะรัฐบาลแม้ได้สั่งการเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าที่มาเรียกร้องประชาธิปไตยตามสิทธิของระบอบที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ ทหารและกองกำลังปรายปรามประชาชนก็ได้สังหารประชาชนด้วยอาวุธสงครามตายไปถึง 91 ศพ โดยไร้เหตุผล และยังเตลิดเลยไปทำการละเมิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์คือเขตอภัยทานในพระพุทธศาสนา โดยการกระหน่ำยิงฆ่าประชาชนผู้ทำหน้าที่หน่วยกูภัยเสียชีวิตถึง 6 ศพ ซึ่งเป็นการผิดธรรมเนียมระหว่างโลกสากล มีผู้สูญหายและบาดเจ็บอีกจำนวนร่วม 2,000 คน ในเหตุการณ์ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งพฤติกรรมล้อมปราบปรามประชาชนเช่นนี้ รัฐบาลกลับไร้ความสำนึกรับผิดชอบไปโดยสิ้นเชิง และยิ่งไปกว่านั้น ยังไร้เหตุผลแนวคิดทางการเมืองอันชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย กลับกล่าวหาว่าประชาชนเป็นผู้ก่อการร้าย และมีพฤติกรรมบ่อนทำลายไม่จงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ไปอีก ทำการจับกุมคุมขัง ดำเนินคดีอย่างเร่งรัด โดยใช้หน่วยงานลับDSI เป็นเครื่องมือร่วมสร้างเหตุผลหลักฐานเท็จขึ้นกล่าวหาประชาชน ยิ่งกว่ายุคนาซีเยอรมันเสียอีก เป็นเหตุให้ประชาชนคั่งแค้นฝังใจไปทั้งประเทศ และรอคอยจังหวะของการกลับมาของอำนาจของประชาชน ตามหลักการประชาธิปไตย
ในการต่อสู้กับรัฐบาลทหารทรราช เผด็จการอมาตยาธิปไตยไทยของมวลชนชาวไทยนั้น นับว่ามีข้อได้เปรียบกว่าทางประชาชนพม่าอย่างมากมาย เพราะประชาธิปไตยไทยได้เรียนรู้จากประชาชนพม่ามาก่อน โดยได้เห็นประชาชนพม่าที่ถูกกดขี่ และไร้อิสรภาพ เสรีชน นั่นเอง และครั้นผ่านเหตุการณ์ปราบปรามการชุมนุมครั้งใหญ่ที่เจดีย์ชะเวดากอง เมื่อ 10 ตุลาคม 2550 อันเป็นผลให้ประชาชนเสียชีวิตร่วม 200 ศพ และฝ่ายพระสงฆ์เสียชีวิต 50 ศพ การควบคุมปิดหูปิดตาประชาชนก็เข้มขึ้น ประชาชนพม่า จำยอมอยู่ใต้ปกครองของอำนาจทหารเผด็จการอย่างไม่กล้าปริปาก ส่วนประชาชนไทยมีพื้นฐานที่ดีกว่า โดยมีองค์คณะบุคคล ทางการเมืองและการศึกษาที่ประกอบด้วยผู้รู้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่า รู้โลกมากกว่า ได้เรียนรู้หลักการปกครองเปรียบเทียบหลายหลักการ อันลึกซึ้งไปถึงรัฐศาสตร์แห่งประชาธิปไตยที่แท้จริง มีสถาบันประชาธิปไตยตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หลายสถาบัน ที่พอจะทบทวนตนเองให้รู้ซึ้งไปในหน้าที่ของสถาบันหรือองค์กรประชาธิปไตยในยุคประชาธิปไตยนี้ดีกว่าประเทศพม่า อนึ่งในยุคประชาธิปไตยปกครองประเทศชั่วขณะหนึ่งก่อนหน้าการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 ประชาชนได้เรียนรู้ประชาธิปไตยทางตรง โดยได้พบได้พิศูจน์ความดีงามมาอย่างชัดเจนถึงนโยบายรัฐบาลประชาธิปไตย ที่ทำให้ประชาธิปไตยกินได้ อันไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงเป็นเหตุของการตื่นตัวรับทราบความดีงามของประชาธิปไตยไปอย่างกว้างขวาง และเพิ่มความศรัทธาในระบอบของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนยิ่งขึ้นไป ยิ่งกว่าประชาชนพม่า
อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวคิดทางการเมืองที่ยังสับสนไม่ลงรอยกันในหลักวิชา หลักการทางทฤษฎีและทางปฏิบัติแห่งระบอบประชาธิปไตยไทย อันเป็นเหตุให้ลังเลใจ ขาดความมั่นใจในวิถีทางการเมืองของเสรีชน คนพ้นยุคความเป็นทาสทุกประการ ที่ให้อำนาจเป็นของประชาชนโดยหลักการของความเสมอภาค และภราดรภาพ อันเป็นสากล ขาดความมั่นใจ ชัดเจนต่อวิถีทางหรือครรลองของระบอบอำนาจของประชาชนอันเป็นการเมืองแห่งความเป็นธรรมของประเทศชาติ
เพื่อให้เป็นการเสริมเพิ่มเติมและเน้นย้ำลงไปในวิถีทางของระบอบหรือครรลองของประชาธิปไตย คืออำนาจเป็นของประชาชน โดยหลักความเสมอภาค ภราดรภาพ และหลักเสรีภาพของเสรีชนคนในระบอบ เราจึงขอเสนอเรื่องราวซึ่งเป็นผลมาจากการมองสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งก่อนสถานการณ์ 19 ก.ย.2549 ตราบมาจนถึงปัจจุบัน อันเป็นระยะที่รัฐบาลเร่งคดีที่กล่าวหาประชาชนอย่างร้ายแรงว่าเป็น การก่อการร้าย โดยกล่าวหาว่าประชาชนกระทำการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างไม่ชอบด้วยหลักสันติ อหิงสา แต่โดยความคิดแก้ว 3 ประการของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยยุคก่อนคือแนวคิดก่อการร้ายด้วยองค์กร 3 องค์กร คือ (1) พรรคการเมือง หมายถึง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (2) มวลชน หมายถึงมวลชนที่ถูกจัดตั้ง หรือที่ถูกปลุกเร้าด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ และ(3) กองกำลัง หมายถึงกองกำลังติดอาวุธ หรือทหารป่าที่มีภาระในการต่อสู้ล้มล้างรัฐบาล ซึ่งเป็นการกล่าวหาโดยเหตุผลที่ล้าหลังอย่างยิ่ง และเห็นเจตนาใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม เพื่อกดข่ม ทำลายฝ่ายตรงข้ามลงไปโดยวิถีทางเผด็จการ
ฉะนั้น ประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่มีระบอบอื่นใดเลยที่อาจนำชาติและประชาชนไปสู่ความหมายของชีวิต คือความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ เป็นวิถีทางที่ข้ามพ้นปัญหาไปสู่ความเจริญก้าวหน้า การพัฒนาการ ที่พบความสมหวัง ผลประโยชน์ และความสุขที่สมบูรณ์ ต่อไปนี้จะเป็นการเลือกสรรบทวิเคราะห์เกี่ยวกับทัศนะการมองเหตุการณ์เกี่ยวกับประชาธิปไตย มาตั้งแต่ต้นของสถานการณ์การเมืองอันสับสนในประเทศไทย มาแต่ก่อนสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และหลังการเปลี่ยนแปลง 19 ก.ย. 2549 เพื่อเป็นบทเรียนทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตย ที่น่าจะเป็นทางทำความเข้าใจหรือบทศึกษาประชาธิปไตยที่แท้จริง ในทัศนะหนึ่ง เป็นเรื่อง ๆ ตามลำดับไป ดังต่อไปนี้
· บก.นสพ.ดี(อินเทอเนต)
20 ส.ค. 2553
สารบาญ
ไม่ใช่การเมืองแต่เป็นธรรมะ อันเป็นเรื่องสุดยอดของมนุษย์
เตรียมรับฟังแนวแปลกใหม่ในวงการธรรมะ เราจะนิมนต์พระมาพูดเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองโดยตรง ที่นี่ เร็ว ๆ นี้ ณ ช่องเสียงธรรมของเรา อย่าตกใจ !!! การเมืองนี่แหละคือสุดยอดของธรรมะในมวลหมู่มนุษย์ ซึ่งนักปราชญ์ผู้มีปัญญาสูงสุดเท่านั้นจึงจะเข้าใจมัน ว่าแท้จริง การเมืองเป็นเรื่องของธรรมะที่มนุษย์บนดินควรจะต้องรู้มากที่สุดกว่าเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น นี่คือธรรมะระดับสุดยอดของมนุษย์จริง ๆ โปรดคอยติดตามจาก เสียงธรรม ในเวบไซต์ของเรา ไม่ช้าไม่นานนัก นี้ !!! บก./29 ส.ค.2553
|
รออีกสักนิดนะครับ รับรองได้ฟังแน่ ๆ พระพูดเรื่อง การเมืองคือธรรมะสุดยอดของมวลหมู่มนุษย์บนดิน เรามีปัญหาเครื่องมือเครื่องใช้อยู่หน่อย กำลังปรับปรุง และยังมีแผนใหญ่ คือแผนการพูดเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ลาว เขมร อินเดีย จีนและพม่าได้ฟังด้วย บก./29ก.ย.2553
|
|