ReadyPlanet.com
dot dot
bulletBUDDHISM to the NEW WORLD ERA
bullet1.Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Luxemberg-ลักเซมเบิร์ก
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet117.Lukanda-ลูกันดา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
bulletMystery World Report รายงานการศึกษาโลกลี้ลับ
bulletสารบาญโหราศาสตร์
bulletหลักโหราศาสตร์ว่าด้วยดวงกำเนิดและดวงฤกษ์รวมคำตอบคลี่คลายปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำนายชะตาชีวิต
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบนี้(เริ่ม ก.พ.55)
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น1
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น 11
bulletทุกความคิดเห็นจากหน้า1(ก่อน ก.พ.55)
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบบอร์ด(ถึงก.พ.55)
bulletภาค 11
bulletภาค 12
bullet54.Hmong ม้ง
bullet133.แอลเบเนีย
bullet133.แอลเบเนีย
bulletหน้าที่เก็บไว้




ล้อมกรอบประชาธิปัตย์วันนี้...อ่านไทยป.4 บทบาทที่น่าเหมาะสมขององค์กรเถื่อน ม.30 กรรมต่างกันสุดขั้วเอามารวมได้อย่างไร นิรโทษฯ

 ล้อมกรอบประชาธิปัตย์วันนี้ดูดี ๆ   

 

 

 

 

อ่านไทย ป.4
บทบาทที่น่าเหมาะสมขององค์กรเถื่อน

ม.30 กรรมต่างกันสุดขั้วเอามารวมกันได้อย่างไร มันผิดธรรมชาติและไม่เป็นธรรม 

 

ได้รับข่าวสารอีเอ็มเอสจาก DNN แล้วไม่สบายใจ  ข่าวนั้นมีว่า >>>40 สว.,สส.ปชป.ยื่นขอระงับทูลเกล้าฯจี้รอศาลตัดสิน   ปธ.สภายันทำได้ไม่ขัดรธน.>>> DNN.29 ก.ย.255613:05:28....กรณีโหวดแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2556 ด้วยคะแนนเห็นด้วย 358  ไม่เห็นด้วย 2  งดออกเสียง  30 ขณะที่ สมาชิกพรรคหนึ่งคือ สส. ปชป. และ 40 สว.ไม่ออกเสียงกับเขา เพราะได้วอล์คเอ้าท์เสีย แล้วยังเอาพวงหรีดเข้ามาวางไว้ทุกข์หน้าบัลลังก์ประธานรัฐสภาอย่างปราศจากความหมายอะไรเลย

นี่คือพวกหัวล้าหลังคร่ำครึในสังคมประชาธิปไตยจริง ๆ ทำตนเป็นอันธพาลในสภา ไม่รู้หน้าที่ของตนเองเลย   นอกจากนี้ ยังอ่อนภาษาไทย  อ่านภาษาไทยระดับประถมศึกษาไม่รู้เรื่อง เห็นมาแล้ว ตลก.รัฐธรรมนูญ อ่าน ม.68 ไม่รู้เรื่อง  ยังมีพอ ๆ กันก็พวก 40 สว.กับ ปชป.ลูกน้องนายอภิสิทธิ์ อ่านม.150 ไม่รู้เรื่องอีก

ลองสอบตัวเองดูซิ อ่านมาตรา 150 ต่อไปนี้ดู

>>>มาตรา 150 ร่างพระราชบัญญัติที่ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายในยี่สิบวันนับแต่ที่ได้รับร่างพระราชบัญญัตินั้นจากรัฐสภา เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับเป็นกฎหมายได้>>>

รู้เรื่องหรือเปล่า?

  • นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
    30 ก.ย.2556/20.56.30

บทแทรกที่ 1  ฉะนั้น การอ่านภาษาไทย มีความสำคัญเป็นประการต้น ๆ ที่สุด ถ้าคุณอ่านภาษาไทยผิดเสียแต่แรกแล้ว นั่นหมายถึงอ่านความหมายอื่น ๆ ที่ตามมาผิดไปด้วย  อย่างไรก็ตาม ในรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับนั้น  มีความหมายของภาษาและศัพท์ทางเท็คนิกที่ต้องเข้าใจก่อนที่สุดนั้น แท้จริงอยู่ที่มาตราต้น ๆ ทั้งสิ้น  ที่จะต้องอ่านด้วยความเข้าใจภาษาไทยและต้องอ่านความหมายทางเท็คนิกของศัพท์สำคัญ ๆ ในมาตรานั้น ๆ ให้เข้าใจเสียก่อน  หากอ่านผิดพลาดเสียแต่ต้นแล้ว ก็จะอ่านผิดไปทั้งหมดแหละครับ

ผมหมายถึงคุณต้องอ่านมาตรา 1 มาตรา 2 มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 และมาตรา 7  ให้เข้าใจก่อน  ถ้าคุณอ่าน 7 มาตรานี้ไม่เข้าใจแล้ว คุณก็จะผิดพลาดไปทั้งหมด  และนี่คือปัญหาขนาดใหญ่โตของการเมืองไทยมานานพอสมควรแล้ว ....  คืออ่านมาตราทั้ง 7 มาตรานี้ไม่เข้าใจ

เอาละ มาพิจารณากัน

เบื้องต้นเราจะข้ามมาตรา 1 <<<มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้>>>

เราจะข้ามมาตรา 4 <<<มาตรา 4 ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง>>>  

เราจะข้ามมาตรา 5  <<<มาตรา 5 ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากำเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครองแห่งรัฐธรรมนูญนี้เสมอกัน>>>      เพราะเป็นภาษาไทยง่ายมาก จบป. 4 อ่านก็เข้าใจได้เลย 

มาดูมาตราที่เป็นประเด็นที่สุดครับ คือมาตรา 2 ว่าอย่างนี้ครับ  <<<มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>>  มาตรานี้มีความหมายมากกว่าภาษาไทยครับ เพราะมีศัพท์เทคนิกที่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งจริง ๆ ก่อน  นั่นคือคำว่า <<<การปกครองระบอบประชาธิปไตย>>>   คุณคิดว่าอย่างไร ?   อะไรคือ<<<การปกครองระบอบประชาธิปไตย>>>?   ...ผมจะขอร้องให้คุณทดสอบตัวเองนะครับ  อะไรคือ<<<การปกครองระบอบประชาธิปไตย>>>?   

จริงอยู่  ถ้าสอบในห้องเรียนจะเอาคะแนน คุณตอบคำว่า  การปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน  ก็พอจะได้คะแนนฐานที่จดจำใส่ขมองมาได้ ......  แต่ในที่นี้เราต้องการความเข้าใจครับ  ฉะนั้น คำตอบต้องเป็น <<< มาตรา ๑ อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลาย   >>> นั่นอย่างไรครับ ?  พูดอีกที  การปกครองระบอบประชาธิปไตยก็คือการปกครองที่อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลาย  เข้าใจแล้วยังครับ? ....  และเข้าใจแล้วยังว่าทำไมจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ?  ก็ เพื่อให้อำนาจสูงสุดของประเทศ 3 อำนาจนั้นมีความเสมอกัน โดยอยู่ใต้อาณัติหรือใต้อำนาจการเลือกสรรและการตรวจสอบของประชาชนเท่า ๆ กัน และที่สำคัญอำนาจตุลาการต้องไม่ก้ำเกิน ก้าวก่ายหรือแทรกแซงอำนาจอื่นอีก 2 อำนาจ  ......แต่ต้องสมดุล หมายความว่าคานซึ่งกันและกันได้พอดี ๆ ..... อำนาจสูงสุดทั้ง 3 อำนาจต้องมาจากประชาชน มีการตรวจสอบจากประชาชนพอ ๆ กัน  ........แต่ขณะนี้ มันยังไม่เท่ากันอย่างไรครับ?  ศาลรัฐธรรมนูญ มาจากไหน  เหมือนรัฐบาล  และสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ? เขามาโดยวิถีทางประชาธิปไตย อวดอ้างได้ทั่วโลก แต่คุณมาจากไหน ? แล้วมีคณะเพียง 9 คน ยังทำท่าใหญ่โตกว่าคณะอำนาจของฝ่ายประชาชนไปอีกแน่ะ เขาจะยอมหรือ?   คุณได้รับการตรวจสอบจากประชาชนอย่างไรบ้าง?  ทำไมไม่มีการตรวจสอบรายได้ของตลก.รัฐธรรมนูญ?    ........  แท้จริงก็เป็นเพียงคน 9 คน ที่มาจากอำนาจที่ปฏิวัติอำนาจเดิมของประชาชนลงไปนั่นเองและโดยเหตุนั้นจะถือว่าเป็นประชาธิปไตยละหรือ?  สอดคล้องตามมาตรา 2 ละหรือ? 

มาดูมาตรา 7 <<< มาตรา 7 ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>>  

ผมกลัวว่าจะไม่เข้าใจคำว่า    <<<ประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย>>> ........คุณเข้าใจว่าอย่างไรล่ะ? .....ก็เพราะของไทยเรามันยังไม่มีประเพณีประชาธิปไตยที่เป็นรูปแบบที่ดีพอเป็นแบบแผนน่ะซี....มันยังไม่เคยมีรูปธรรมที่ชัดในประเด็นสำคัญอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ของประเพณีในประเทศไทยเรานี้ ........  มันมีอยู่อย่างหนึ่ง แต่สำคัญจริงก็คือ   หากเมื่อใดเผด็จการกดขี่ประชาชนเกินทนเมื่อใด .....ประชาชน นิสิตนักศึกษา ก็ออกมาเดินขบวนทุกครั้ง......ที่ยอดเยี่ยมก็คือ   14 ต.ค.16 นั่นไง   และที่ยอดเยี่ยมยิ่งยงจริงก็คือ  แดงทั้งแผ่นดินออกมาเรียกร้องรัฐบาลจากค่ายทหารให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ จนเกิดเหตุร้ายแรงในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553  เป็นเหตุให้เสียเลือดเนื้อเสียชีวิตไปถึง 99 ศพ  แม้กระทั่งประชาชนที่หลบไปพึ่งบุญเขตอภัยทานในวัดปทุมวนารามก็ยังถูกตามปลิดเอาชีวิตไปถึง 6 ศพอย่างไม่น่าเป็นไปได้  แต่นั่นก็เป็นเหตุสำคัญที่อำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย(เผด็จการอมาตย์) ไปแตะต้องอำนาจการปกครองของประชาชน พลังของประชาชนจึงสำแดงออกมา และแดงประชาธิปไตยจึงขยายพลังประชาชนต่อต้านเผด็จการอย่างไม่หวาดหวั่นออกไปทั้งแผ่นดินอยู่ขณะนี้..... พอเห็นได้ว่าทำไปโดยหลักการประชาธิปไตย ที่น่าเป็นแบบแผนประเพณีประชาธิปไตยไทยต่อไปในวันข้างหน้า   (หมายความว่า เมื่อมีการรัฐประหารล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ก็มีความชอบธรรมเกิดขึ้นทันทีสำหรับประชาชนทั่วประเทศจะออกมาต่อต้านและเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืนมาอย่างเร็วเร่งด่วน....และทั้งเรียกร้องการลงโทษผู้ทำปฏิวัติหรือรัฐประหารอย่างแรงพื่อให้เกิดการเข็ดหลาบ)      

สิ่งที่ถูกหลักการประชาธิปไตยจริง ๆ อย่างสมบูรณ์จริง ๆ ก็คือ การออกมารวมตัวของประชาชนทั้งแผ่นดิน  เช่นคนทั้งแผ่นดินนัดกันลุกขึ้นยืน .......  นี่คือหลักการประชาธิปไตยโดยตรง.....แบบไม่มีตัวแทนครับ  ..........แบบนี้แหละที่มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะได้เห็นในประเทศไทยเราเร็ว ๆ นี้...ก็เป็นได้... ...ก็น่าจะเป็นได้อยู่แล้ว...สำหรับแดงเพื่อประชาธิปไตยทั้งแผ่นดิน(หมายความรวมถึงประชาชนผู้รักประชาธิปไตยไม่จำกัดสีเสื้อ แต่เข้าใจประชาธิปไตยประสงค์จะให้ประเทศของเราเป็นประชาธิปไตย รวมถึงคนรักประชาธิปไตยทุกอาชีพ  ทุกชนชั้น  ทุกกลุ่มผลประโยชน์..ทุกเชื้อชาติศาสนา ฯลฯ) ....ในเมื่อสถานการณ์ประเทศโลเล ไร้นิติธรรมจนสับสนในระหว่าง ความถูกความผิด ไปหมด  และนี่แหละควรเป็นประเพณีของระบอบประชาธิปไตยไทยต่อไปในอนาคต .....หากว่าหลัก Majority และมาตรฐานการตุลาการของประเทศ  ไม่ได้รับการเคารพ

นี่แหละครับ  จึงควรอ่านความหมายจากมาตราต้น ๆ ที่ผมกล่าวมานี้ให้เข้าใจจริง ๆ 

อนึ่ง สำหรับคำว่า  <<<อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>>ตามมาตรา 2 และมาตรา 7 และคำว่า <<<พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข>>>ตามมาตรา 3 วรรค 1   นั้น.......ก็มีคำอธิบายในมาตรา 3 อยู่ชัดเจนแล้ว มาตรา 3 ว่าดังนี้ครับ

<<<มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม>>>

  • ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
    2 ต.ค.2556/22.29.29  

 บทแทรกที่ 2 

มาตราต้นบททั้ง 7 มาตราดังกล่าวแล้วนั้น เป็นมาตราสำคัญบทต้นที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550  ผู้รับสนองพระบรมราชโองการคือ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ท่านจะเห็นว่า เป็นบทต้นที่ประชาชน ตลอดทั้งอำนาจทุกอำนาจที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งเสียก่อน  ถ้าท่านอ่อนภาษาไทย ก็จงระวังให้มาก เพราะนอกจากประเด็นภาษาไทยแล้ว ยังมี่ประเด็นคำวิชาการ หรือคำที่เป็นเทคนิกเฉพาะของเรื่องราวที่กำหนดไว้นั้น ซึ่งจะต้องอ่านให้เข้าใจเสียก่อนอย่างทะลุปรุโปร่ง  มิฉะนั้นแล้ว เกิดอ่านไม่เข้าใจ ไม่อาจรู้ชัดถึงความหมายของถ้อยคำและวิชาการแล้ว  ก็จะเป็นเหตุของความเข้าใจคลาดเคลื่อนตลอดไป ทุกตัวบทกฎหมายที่ตามมา

เราขอเน้น   จะต้องเข้าใจภาษาในมาตรา 2 ให้ทะลุปรุโปร่ง  มาตรา 2 ที่ว่า  <<<มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>> 

 

เอาละ  ในชั้นนี้เราเพียงมาวิเคระห์ซึ่งความหมายอันสำคัญของมาตราบทต้นทั้ง 7 บทนี้กันพอประมาณ ๆ เท่านั้นก่อน

 

และเราจะพาไปดู รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราฃ 2540 ซึ่งแท้จริงแล้ว รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ จะแฝงความหมายสำคัญเช่นเดียวกันนี้ไว้ในบทต้นที่สุดเลยเช่นเดียวกัน

อ่านดูดี ๆ รธน.2540 มี 7 มาตราต้นเช่นเดียวกัน  ดังนี้

<<<มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้>>>

 <<<มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>> 

<<<มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม>>>

<<<มาตรา 4 ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง>>>  

<<<มาตรา 5 ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากำเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครองแห่งรัฐธรรมนูญนี้เสมอกัน>>>   

<<<มาตรา 6 รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้>>>

<<< มาตรา 7 ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>>  

 

ท่านอ่านดูแล้วยัง?  เอาละได้พบอะไรบ้าง

1.  มาตราต้นทั้ง 7 มาตราในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550  เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลยกับ มาตราต้นทั้ง 7 มาตราในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540

 2.  ภาษาไทยที่ใช้ ทุกถ้อยคำ วรณยุกต์ และสระ และไวยากรณ์ที่ใช้ทับกันสนิท  คือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเปี๊ยบเลย

3.  และมี 7 มาตราเท่ากัน ที่กำหนดความหมายอันสำคัญที่สุดของรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ โดยเฉพาะมาตรา 2 และบทกำหนดถึงบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในมาตราอื่น เหมือนกัน

คิดว่าอย่างไร ?

ก็เห็นได้ชัดเจนว่า คณะรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ไปลอกรัฐธรรมนูญ 2540 มาทั้งดุ้น  แต่ไม่แปลก ไม่เป็นประเด็น  ที่เป็นประเด็นก็คือไปลอกเขามาอย่างที่ตัวเองอ่านไม่เข้าใจความหมายภาษาไทยและวิชาการที่บอกความหมายสำคัญยิ่ง จึงเหมือนตาบอดคลำไปไม่เข้าใจอะไรเลย

เพราะพฤติกรรมขององค์กรตามรัฐธรรมนูญแทบทุกองค์กร ได้ประพฤติตนผิดแผกแตกต่างไปไม่ตรงความหมายรัฐธรรมนูญต้นบทนี้......  ตามที่เราวิเคราะห์พอเป็นข้อสังเกตเบื้องต้นเพื่อติดตามไปศึกษาอย่างละเอียดต่อไว้แล้ว ในบทแทรกที่ 1  โปรดกลับไปอ่านดูอีกที

 

แต่สิ่งที่เราต้องการสรุปประเด็นในที่นี้ก็คือ  ความหมายของมาตรา 2 นั้นเป็นความหมายสำคัญ ที่คนทั้งปวงในระบอบประชาธิปไตยจะต้องเอาใจใส่ และอ่านความหมายให้เข้าใจถูกต้องไว้ตั้งแต่ต้น  จะต้องตอบคำถามว่า   อะไรคือ<<<การปกครองระบอบประชาธิปไตย>>>? 

ประเด็นต่อไปก็คือ   แท้ที่จริงรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ ล้วนบัญญัติบทต้น ๆ นี้ไว้อย่างเดียวกันทั้งสิ้น  ......  ลองไปสำรวจดูเองก็ได้ครับ ....  แล้วจะถามว่า นั่นมันบอกความหมายอะไรล่ะ ?  

  • ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
    3 ต.ค.2556/11.25.38

บทแทรกที่ 3

ถูกแล้วครับ ดร.ฆิกเมฆ  รธน.2550 (รัฐธรรมนูญโจร 2550) ลอกรัฐธรรมนูญ 2540 มาตั้งแต่มาตรา 1 ไปทุกคำทุกข้อความ จนถึงมาตรา 25 ครับ  ....   การลอกนี้มันไม่ดีในแง่ที่ว่า  เข้าใจของเดิม โดยเข้าใจหลักการ และเจตนาที่แท้จริงของเดิมเขาหรือเปล่า ? เวลาที่ร่างมาตราต่อ ๆ ไป เข้าได้กับหลักการเดิมที่ถ้าลอกเขามาก็เท่ากับรับหลักการเดิมเขามา แล้วเราบัญญัติมาตราต่อ ๆ ไปมันสอดคล้องหลักการเดิมเขาหรือเปล่า?  ......   ผมเองเห็นว่า ในหมวด 2 พระมหากษัตริย์ (ม.8-ม.25) นั้น. ..ก็ยังต้องพิจารณา หากเราจะยึดมั่นวิถีประชาธิปไตยจริง ....โดยเฉพาะในประเด็นของความเสมอภาค  ประเด็นหน้าที่ขององค์มนตรี .....ผมพูดเพื่อให้เห็นว่าแนวการมองแบบประชาธิปไตยนั้น  จะต้องเป็นอย่างไร เท่านั้นเอง  ในการทำอะไร จะแก้ไขอะไรนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า  แล้วแต่กาละ เทศะ เหตุผล บุคคลเวลา  ให้เหมาะสม จึงจะไม่อันตราย  เอาละ  เรื่องอ่านภาษาไทยชั้น ป.4 นี้ ผมเห็นด้วยกับ ดร.ฆิกเมฆ ทุกประการ  เชิญว่าต่อไปได้เลยครับ

  • นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
    3 ต.ค.2556/14.15.15

บทแทรกที่ 4

มาดูมาตรา 3 นะครับ  เรื่องราวที่วุ่นวายในการเมืองไทยเริ่มต้นมาจากการอ่านมาตราต้นบท 7 มาตรา  มีมาตรา 2 และมาตรา 3 นี้เป็นต้นไม่เข้าใจครับ มาตรา 2 เราวิเคราะห์มาหน่อยแล้ว จะต้องเข้าใจและยอมรับกันว่าระบอบประชาธิปไตยที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับยืนยันว่าจะต้องเอามาใช้ปกครองประเทศไทย นั้น  ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน  อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศต้องเป็นของราษฎรทั้งหลาย   มาอ่านมาตรา 3 กันดูต่อไป

<<<มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม>>>

 

ประเด็นปัญหาสำคัญอยู่ที่วรรค 2 ครับ <<<การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม>>>

เรื่องที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม(หลักพื้นฐานแห่งกฎหมาย) มีมาตลอด โดยอำนาจการแทรกแซงของการเมืองฝ่ายอมาตยาธิปไตย ทำให้เกิดความวุ่นวาย มีศาล 2 มาตรฐาน ตั้งแต่ที่มีกลุ่มการโฆษณาชวนเชื่อกลุ่มเจ๊กลิ้ม(นายสนธิ ลิ้มทองกุล)ริทำตุลาการศาลสถิตยุติธรรม ให้เป็นตุลาการภิวัฒน์ของศาลและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กกต. และ ตลก.รธน.   ก็ปรากฎในกรณีของท่านอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ที่ชัดเจน ขึ้นก่อน  โดยคำว่าลูกจ้าง ไม่มีในกฎหมาย  ตลก รธน.ชุดนี้ก็ยังอุตส่าห์ไปเอาความหมายมาจากพจนานุกรมไทย .......ท่านเข้าใจว่าพจนานุกรมฯเป็นกฎหมายหรืออย่างไร?  ..   นั่นแหละทำให้เห็นได้ว่าท่าน  อ่อนภาษาไทย  และอ่อนความรู้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญเอง  ไม่เข้าใจมาตรา 3  ไม่เข้าใจคำว่า  <<<หลักนิติธรรม>>>

โดยจะต้องเข้าใจเพิ่มเติมไปสักหน่อยว่าคำว่า นิติธรรม ในที่นี้ ต้องอยู่ในความหมายของ นิติธรรมระบอบประชาธิปไตย นะครับ  หมายความว่า สิ่งที่เรียกว่ากฎหมายนั้น จะต้องได้รับอนุมัติจากประชาชน(คือสภาผู้แทนราษฎร)เสมอไป   ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติขึ้นมาในสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน (หากไม่เช่นนั นก็ไม่ใช่กฎหมาย ไม่ใช่ นิติธรรม ตามความหมายของมาตรา 3 วรรค 2 นี้) ทีนี้เมื่อตลกรัฐธรรมนูญไปอ้างคำว่า ลูกจ้าง มาจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ก็ต้องทบทวนกันหน่อย ว่า  พจนานุกรมฯ เป็นกฎหมายหรือเปล่า?  ก็มีคำตอบว่า โดยประชาธิปไตยแล้ว ไม่เป็น    เพราะพจนานุกรมไม่ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎร 

นั่นอย่างไร  เมื่อตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ อ่าน ม.3 วรรค 2 คำว่า <<<นิติธรรม>>> ไม่เข้าใจความหมาย(ตามระบอบประชาธิปไตย)  เลยเกิดการเข้าใจผิด  ไปกระทำการพิพากษาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยปลดนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวชของประชาชนออกจากตำแหน่ง อันเป็นการกระทำโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ .... นี่เป็นกรณีที่ทำให้ประชาชนตกตะลึงกันทั้งประเทศ......แต่  กรณีที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ แล้วทำการไปโดยไมมีอำนาจนี้  ยังเห็นได้ชัดเจนจากกรณีมาตรา 68 ..... หลายคดี รวมทั้งที่เกิดใหม่ ๆ ขณะนี้เองอีกหลายคดีด้วย  นั่นหมายถึงการอ่านไม่เข้าใจมาตรา 3  มาตราต้นของรัฐธรรมนูญนี่เอง  จึงทำการไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยมีเจตนาทุจริต และเป็นการทำลายหลักการของประชาธิปไตย ...ทำลายหลักการที่สมดุล ของอำนาจสูงสุดของ 3 อำนาจสูงสุดตามระบอบประชาธิปไตย(ทำให้ฝ่ายตุลาการมีอำนาจเหนือบริหารและนิติบัญญัติ) และ ทำลายหลักการของศาลสถิตยุติธรรมอันเป็นหลักการสากลไปอีกด้วย

แท้จริง คณะบุคคลที่ได้ทำลายระบอบประชาธิปไตยมาตลอดก็คือ  ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนี่เอง   โดยกระทำการไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในความหมายของระบอบประชาธิปไตย...ตามมาตรา 2  และ และ คำว่า  นิติธรรม ...ตามมาตรา 3 วรรค 2 

  • ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
    4 ต.ค.2556/22.28.56 

บทแทรกที่ 5

คุณฆิกเมฆ คุณจะอ้อมไปไหน  ก็ว่ากันตรง ๆ ไปเลย ว่าสิ่งที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เป็นรัฐธรรมนูญโจร เพราะไม่ใช่กฎหมาย  ตามความหมายของมาตรา 2 และมาตรา 3 วรรค 2

ทบทวนอีกครั้งก็ได้ 

 <<<มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>> 

<<<มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม>>>

ที่ตลกจริง ก็คือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้สั่งตัวเองว่า  ต้องเป็นประชาธิปไตย และสั่งซ้ำไปอีกว่า  อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนชาวไทย  ให้การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม......แล้วที่คุณทำ ๆ ไป ตามคำสั่งตัวเองแท้ ๆ นั้น  มันถูกหลัก นิติธรรม หรือเปล่า ?

อ่านไทย   .....

มันก็ไม่ถูก !!

ผลของมันก็คือ  ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 นี้ ไม่เป็นกฎหมายตามคำสั่งของตัวเอง  เพราะไม่สอดคล้องความหมายคำว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตย  ตามมาตรา 2 และ  คำว่า นิติธรรม(ระบอบประชาธิปไตย) ตามความหมายมาตรา 3 วรรค 2 ...........ที่เป็นประเด็นสำคัญก็คือ คณะตลกรัฐธรรมนูญ(ทั้ง 9 )  คือศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 204-207 และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 229-254 เช่น กกต., ปปช., ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และที่ตลกจริง ๆ คือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.... เป็นต้น ............  ก็มีสถานะที่แท้จริง เป็นองค์กรเถื่อนทั้งสิ้น ...........  ทั้งนี้เพราะรัฐธรรมนูญสั่งตัวเองให้นำเข้ารับอนุญาตจากประชาชนเสียก่อน .. แต่ตัวเองไม่ได้ทำตามคำสั่งนั้น ...

แม้รัฐธรรมนูญ 2550 เองก็เป็นรัฐธรรมนูญเถื่อน .....เพราะที่ไปที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่สอดคล้องคำสั่งของรัฐธรรมนูญเอง .....(คือสั่งว่าต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร.....ตามความหมายมาตรา 2 และมาตรา 3 วรรค 2 ของรธน.2550 เอง........   เมื่อตนเองเป็นของเถื่อน(ไม่เป็นประชาธิปไตย...ไม่ชอบด้วยกฎหมาย) หรือแท้จริงเป็นโมฆะ(ภาษาไทย แปลว่าเสียเปล่า ไม่มีผลบังคับหรือผูกพันตามกฎหมาย)ไปแต่ต้นแล้ว  แล้วยังวางก้าม ไปปลดนายกรัฐมนตรี ไปยุบพรรคการเมือง.... ที่เป็นของประชาชน......ไปตั้งหลายพรรค...ไปยึดเงินทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปโดยไม่ชอบธรรม 70,000 ล้าน  แล้วทำท่าจะอวดอำนาจจะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์  จะไล่สส.สว. 134 คนออก(ทั้ง ๆ ที่เขามาจากประชาชนโดยตรง....ส่วนตัวเองมาจากโจรกรรม) ..... ทำประเทศชาติสูญเสียสุดที่จะคณานับได้..........กระนั้นก็ยังไม่รู้ตัวอีก.............ตลกไหมล่ะครับ? 

คุณฆิกเมฆ จะสรุปอย่างไร ถ้าไม่สรุปอย่างที่ผมสรุปมานี้ ?

  • นายยอดเยี้ยม ยิ่งยง
    6 ต.ค.2556/08.34.50

 บทแทรกที่ 6

ประเด็นคราวครั้งนี้ก็คืออ่านภาษาไทยระดับประถมศึกษา(ป.4)ไม่รู้เรื่อง   ก็เลยช่วยกันสร้างความเสียหายขนาดใหญ่แด่ประเทศชาติมาตลอด .......แม้ขณะนี้ ที่ตาบอดก็คิดก็ทำอะไรแบบบอด ๆ ใบ้ ๆ ต่อไปอยู่...... จึงต้องมาศึกษาและวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง และมาอ่านรัฐธรรมนูญ ม.1-ม.7 ให้เข้าใจ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ม.2-ม.3 .....  เห็นจะไม่ต้องอธิบายรายละเอียดนะครับ   หัดอ่านเอาเองบ้าง  ....   รู้แล้วจะเห็นว่า มันเป็นเรื่องตลกสุดยอดตลกในโลก ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรสยามยุคนี้(คือรัฐธรรมนูญสั่งตัวเองในสิ่งที่ตัวเองฟังไม่รู้เรื่อง...สั่งตัวเองให้ไปทางขวา แต่กลับไปทางซ้าย....แล้วก่อความเสียหายไปแล้วอย่างร้ายแรงเป็นลำดับมา แล้วยังไม่รู้ต้นเหตุอีกว่าเพราะตนเองแท้ ๆ ....  (มีความรู้ภาษาไทย ไม่เท่า ป.4  ก็ถือว่าไร้วุฒิภาวะไปแล้ว...ทนหน้าด้านอยู่ไปทำไม?)  

คนไทย รักประชาธิปไตย จึงต้องต่อสู้ เพื่ออำนาจการปกครองประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลายโดยสมบูรณ์  แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอันดับสำคัญก่อน  ....โดยสิทธิหลายประการ รวมทั้งสิทธิพื้นฐานที่ได้มาจากระบอบประชาธิปไตยโดยอัตโนมัติ (โดยสิทธินี้คุณจะแก้รัฐธรรมนูญกี่ครั้งก็ได้นี่ครับจนกว่าจะเป็นประชาธิปไตย)

ท่านที่สว่างแล้วก็ต้องเปิดโอกาสเพื่อกระทำความดีล้วน ๆ เถอะ.  ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จลงให้จงได้ เพราะนั่นเป็นทางออก ที่จงรีบเดินออกไป...ครับ

  • ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
    6 ต.ค.2556/09.49.29
     

บทแทรกที่ 7

คำว่า รัฐธรรมนูญเถื่อน  องค์กรเถื่อน ตามที่สรุปบทวิเคราะห์ไว้ในบทแทรกที่ 5 นั้น จะต้องเข้าใจให้ดีนะครับว่า  เถื่อนเพราะไม่ได้รับอนุญาตจากประชาชน ...หรือรูปธรรมในที่นี้ก็คือ  ไม่ได้รับอนุญาตจากสภาผู้แทนราษฎร ....... 

แท้จริงสิ่งที่เรียกว่า  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 นั้น ควรจะเรียกว่า  "หลักการปกครองประเทศของคณะรัฐประหาร พุทธศักราช 2550"......และแก้มาตรา 6  <<<มาตรา 6 รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้>>>  เป็น  <<<มาตรา 6 หลักการปกครองประเทศของคณะรัฐประหารเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อหลักการปกครองของประเทศของคณะรัฐประหารนี้บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้>>> นี่จะตรงความหมายกว่า .......แต่เนื่องจากเป็นหลักการฯที่เขียนขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากประชาชน  ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ในระบอบประชาธิปไตยนั้นอำนาจการปกครองของประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลาย .......  และซึ่งรธน.เถื่อน2550เองนั้นก็รับรองเอาไว้ตามมาตรา 2 มาตรา 3 วรรคแรก  อย่างไรครับ  ........(ก็กลายเป็นเรื่องตลกสุดยอดในวงการเมืองโลก)

ฉะนั้น ในเมื่อเราปกครองโดยกฎหมายเถื่อน(รัฐธรรมนูญเถื่อน)...และองค์กรเถื่อนฝ่ายอำนาจตุลาการอยู่ส่วนหนึ่งอยู่ ..... ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เห็นพ้องต้องกันอย่างนี้แล้ว(เพราะแม้รัฐธรรมนูญเถื่อนเองยังสั่งการไว้เองเลยว่าให้ เป็นไปโดยนิติธรรม(ระบอบประชาธิปไตย)  ตามความหมายของมาตราต้น 7 มาตรา ดังกล่าว ........ ฉะนั้นจึงมีความชอบธรรมอย่างยิ่ง สำหรับการคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เสียโดยไว เร่งด่วน .......  ก็เพียงเอารัฐธรรมนูญเถื่อนนี้ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ให้สภาผู้แทนราษฎร อนุมัติให้ใช้ได้   ก็เท่านั้นเอง  ........   และวิธีที่อาจเลือกใช้ และซึ่งกำลังใช้อยู่ขณะนี้ก็คือ เลือกแก้ไขบางมาตรา(ก็ตลกอีก เพราะตลก รธน ....สั่งการเองว่าให้แก้รายมาตราได้...แต่ก็ยังมีนายชวน นายอภิสิทธิ์และพวกที่บอดมืด ตามัวยังไม่ยอม จะเอาเผด็จการรัฐประหารกลับคืนมาปกครองประเทศให้ได้...ซึ่งความประพฤติเช่นที่พรรคประชาธิปัตย์...ไม่นับ40สว...ประพฤติอยู่ขณะนี้แท้จริง ตนได้รับเลือกจากประชาชนเข้ามาเพื่อบริหารแนวทางประชาธิปไตย แต่กลับฝักใฝ่เผด็จการรัฐประหารต่อต้านประชาธิปไตยอยู่เช่นนี้   ถือว่าทรยศต่อประชาชน.....ที่ประชาชนตาสว่างไม่บอดมืดแล้วจะโกรธแค้นพวกเขาและลงโทษพวกเขาอย่างสาสมกับความทรยศต่อประชาชนโดยอย่างเบื้องต้นที่สุดขับพวกบอดใบ้ทรยศนี้ออกไปเสียจากระบอบและระบบของประชาธิปไตยอย่างถาวร) และแก้มาตราต่อ ๆ ไป อีกหลาย ๆ มาตราเท่าที่จำเป็น......และในที่สุดจะต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญเถื่อน 2550 (หรือหลักการปกครองของคณะรัฐประหาร พุทธศักราช 2550)  และต้องร่างขึ้นมาใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญใหม่และมีสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติให้ใช้ได้   ...  นั่นแหละจึงจะควรเรียกว่า รัฐธรรมนูญ(ระบอบประชาธิปไตย)

เอาละ ดร.ฆิกเมฆ เห็นจะต้องพูดถึงองค์การเถื่อนฝ่ายอำนาจที่ 3 คือ อำนาจตุลาการสักหน่อย พอให้เกิดความเข้าใจ  เพราะเห้นว่าขณะนี้สังคมประชาธิปไตยกำลังสับสนว่าฝ่ายศาลที่จะต้องให้ยึดโยงกับประชาชน มีที่มาที่ไปจากประชาชนนั้น  ในทางปฏิบัติจะเป็นรูปธรรมแบบไหน......ดร.ฆิกเมฆ....

  • นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
    12 ต.ค.2556/08.40.20

 

บทแทรกที่ 8

ดูเหมือนว่าอำนาจที่ 3 คือตุลาการนี้ จะต้องมีอุเบกขาธรรมเป็นพื้นฐานที่ตั้งแห่งจิตใจ ดีเป็นพิเศษ   ........   อันนี้ตรวจสอบจากประวัติการทำงาน ประวัติความประพฤติ และอะไร ๆ ที่ปรากฏต่อสาธารณชน ที่น่าเชื่อถือ ไม่มีประวัติที่ด่างพร้อย ........... ควรกำหนดเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของคุณสมบัติของคนในวงการนี้ ....... และมีการตรวจสอบตลอดเวลาต่อมา และสามารถอ้างเหตุข้อนี้ให้คุณให้โทษแด่บุคคลในวงการนี้ได้ตลอดเวลา ......... อย่างไรก็ตาม ความหมายนี้ ใช่ว่าจะฝักใฝ่เลือกข้างใดไม่ได้เลย มีความเป็นตัวของตัวเองไม่ได้เลย ไม่ใช่เช่นนั้น   แต่มันอยู่ที่ว่าต้องถูกต้องตามสิทธิของท่านตามระบอบประชาธิปไตย    แสดงได้โดยถูกต้องตามสิทธิของท่านตามระบอบประชาธิปไตย
 
ในประเด็นหลักการก็คือหน้าที่อะไรของท่าน    ท่านต้องตัดสินความ คดีใดใดไปตามกฎหมาย ......... ก็จะแยกฐานะของตนออกไป   เวลาตัดสินความก็มีฐานะเป็นอย่างหนึ่ง ..... ท่านจะไม่ใช้อารมณ์จิตใจของตน   แต่ถือบรรทัดฐานตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กฎหมายกำหนดไว้อย่างไร ท่านต้องเดินตามกฎหมายอย่างตรงแน่ว      เวลาเป็นบุคคลธรรมดา ก็มีบทบาทอย่างหนึ่ง ที่เป็นไปตามสิทธิประชาธิปไตยของท่าน ต้องดูให้ดีว่าเป็นสิทธิของท่านจริง
 
ถ้าเข้าใจมาตราต้นบท 7 มาตราดังกล่าวมาแล้ว ก็จะเข้าใจเองว่า   หลักการนั้นอยู่ที่ประชาชน
 
แต่ในทางตรง ฝ่ายอำนาจบริหาร และ นิติบัญญัติ ทำได้    แต่อำนาจตุลาการ ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ดูจะไม่จำเป็นเช่นฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ
 
นิติบัญญัติ เขาออกกฎหมาย สร้างกฎหมาย .........   ในนามกฎหมายของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
 
กฎหมายเช่นนี้แหละ ที่นิติบัญญัติจะออกไปถึงรายละเอียดของการตัดสินคดี ตัดสินความต่าง ๆ ที่อยู่ในหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ ......  ตรงนี้เราจะต้องเข้าใจว่า....การจะตัดสินอย่างไรนั้น  ประชาชนเขารู้สึก เขาอยากให้เพิ่มเติมสร้างความสมบูรณ์แบบที่เขามองเห็นในการตัดสินของศาลหรือตุลาการ ..... นิติบัญญัติก็ฟังเอามาทำกฎหมายขึ้น และซึ่งตุลาการต้องถือเป็นหลักการตัดสินความต่อไป
 
 
ฉะนั้น ในกรณีนี้นิติบัญญัติจึงสามารถจะออกกฎหมายได้ไปเรื่อย ๆ ให้เพียงพอแก่การตัดสินความ หรือสามารถยกเลิกกฎหมายได้เช่นเดียวกัน .......โดยหลักการที่ว่าเป็นอำนาจของประชาชน
 
และซึ่งฝ่ายตุลาการต้องตัดสินไปตรงตามกฎหมายที่นิติบัญญัติออกมากำหนดไว้ ก็ถือว่า โยงใยถึงประชาชน...อยู่ใต้การดูแลคำสั่งของประชาชนแล้ว
 
ปัญหาขณะนี้ก็คือ ตุลาการลุแก่อำนาจ ถูกครอบงำจากอำนาจนอกระบบ ไม่ตัดสินไปตามกฎหมาย......ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็คือ  ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน ม.68 ไปอย่างไม่มีอำนาจ ....หรือ กกต.ส่งเรื่องราวของพรรค ปชป.ไป ปปช. ๆ ว่าหมดอายุความ  เป็นต้น กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจแก่เรา แต่เราก็ทำเกินอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ เช่นนี้ถือว่าสร้างกฎหมายเอาเอง และเป็นกฎหมายเถื่อน เพราะไม่ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎร มีความผิด  กรณี กกต.ที่ดองเรื่องไว้จนหมดอายุความก็ต้องมีความผิด
 
และผู้ที่เกี่ยวข้องหรือประชาชนสามารถที่จะฟ้องร้องไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงโทษได้ 
 
สรุปก็คือ ฝ่ายนิติบัญญัติในนามของประชาชน ออกกฎหมายมาให้ตุลาการตัดสินความ ตุลาการต้องตัดสินความไปตามกฎหมาย ตามอำนาจ หน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่นนี้ถือว่าถูกควบคุมตรวจสอบจากประชาชน และเชื่อมโยงไปถึงประชาชนอยู่แล้ว   การผิดไปจากหลักการนี้ถือว่ามีความผิด ไม่สุจริต และผู้เกี่ยวข้องสามารถฟ้องร้องโดยฟ้องไปยังสภาผู้แทนราษฎร ในหลักการว่าต้องได้รับการพิพากษาจากประชาชน   นั่นคือสามารถฟ้องไปยังสภาผู้แทนราษฎร เอาผิดแก่ตุลาการผู้ละเมิดกฎหมาย   หรือกกต.ผู้ปล่อยให้คดีขาดอายุความได้ 
เรายังต้องศึกษาวิจัยในประเด็นปัญหาการเมืองอย่างไรอีกบ้าง ที่สามารถฟ้องร้องไปยังประชาชนโดยตรง นั่นคือสภาผู้แทนราษฎร?
 
  • ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
    12 ต.ค.2556/12.05.07

 

บทแทรกที่ 9

ที่เป็นประเด็นสำคัญก็คือ คณะตลกรัฐธรรมนูญ(ทั้ง 9 )  คือศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 204-207 และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 229-254 เช่น กกต., ปปช., ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และที่ตลกจริง ๆ คือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.... เป็นต้น ............  ก็มีสถานะที่แท้จริง เป็นองค์กรเถื่อนทั้งสิ้น ...........  อันเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฯ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญเถื่อน เพราะไม่ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎร  หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย .......  อะไรก็ตามที่เป็นผลจากคำสั่งหรือการกำหนดของรธน.50 นี้ ก็พลอยเถื่อนไปตาม ๆ กัน
แล้วในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ได้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ  แล้วมีผลให้ผู้แทนราษฎรส่วนที่ได้เสียงข้างมากมีความชอบธรรมที่จะได้อำนาจการบริหาร และอำนาจนิติบัญญัติ  ได้จัดตั้งรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติขึ้น   การที่ผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชนทั่วประเทศไปลงคะแนนเสียงเลือกมาแล้วนี้นั่นเอง  ทำให้ประเทศไทยขณะนี้ มีรัฐบาลที่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยและมีสภาฝ่ายอำนาจตนิติบัญญัติตามหลักนิติธรรมโดยสมบูรณ์  มีอำนาจ มีสิทธิ และหน้าที่โดยสมบูรณ์ที่จะบริหารงานในหน้าที่ของตนไปอย่างเต็มที่ ที่ทรงสิทธิอันสมบูรณ์ทุกประการ ทรงอำนาจอันสมบูรณ์ในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ คือ อำนาจสมบูรณ์ในการบริหารประเทศ  และอำนาจอันสมบูรณ์ในด้านนิติบัญญัติของประเทศ  และกล่าวได้ว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย  เป็นสภาฯประชาธิปไตย     เป็นสองอำนาจสูงสุดที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยโดยแท้จริง
แต่เรายังคงมีอำนาจส่วนที่ 3 คือตุลาการบางส่วน และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ2550ทุกองค์กร ยังคงเป็นองค์กรเถื่อนอยู่ นั่นคือ
ศาล ได้แก่
ศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 204-217   ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่ 
ศาลยุติธรรม ตามมาตรา 218-222  ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่
ศาลปกครอง ตามาตรา 223-227 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่
ศาลทหาร ตามมาตรา 228 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่
องค์การตามรัฐธรรมนูญ  ได้แก่
คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตามมาตรา 229-241 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่
ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ตามมาตรา 242-245 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามมาตรา  246-251 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่
คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ตามมาตรา 252-254 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่
องค์กรอื่น ได้แก่
องค์กรอัยการ ตามมาตรา 255 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามมาตรา 256-257 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่ 
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามมาตรา 258 ก็เป็นองค์กรเถื่อนอยู่ 
 
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ  องค์กรเถื่อนเหล่านี้ ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจสถานะของตนเองอยู่แม้ขณะนี้ ว่าตนเป็นองค์กรเถื่อนตามรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญเถื่อน ที่สร้างขึ้นโดยคณะปฏิรูปการปกครอง 2549 และไม่ได้รับการอนุมัติจากประชาชนหรือสภาผู้แทนราษฎร ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตย   
สภาผู้แทนราษฎร และรัฐบาลต่างหาก ที่เป็นองค์กรที่แท้จริง ที่ทรงสิทธิและอำนาจในการตรากฎหมายและการบริหารประเทศอย่างสมบูรณ์ ตามระบอบประชาธิปไตย อันเนื่องมาจากได้ผ่านการเลือกตั้งเมื่อ 3 ก.ค.2554 มาแล้ว 
เราจึงสมควรมากระตุ้นสติสัมปชัญญะแด่องค์กรเถื่อน ๆ ทั้งหลาย ให้มารำลึกสถานะที่แท้จริงของตัวเองเสียที  และนั่นหมายถึง การจะแสดงบทบาทอะไร ก็ให้เจียมตัวบ้าง....สมกับที่ตนเองเป็นของปลอม ของเถื่อน  ของไม่จริงด้วย 
บทบาทที่น่าเหมาะที่สุดขณะนี้ ก็คือ  การวางเฉยไปเสีย ลดบทบาทที่เถื่อน ๆ ของตนลงไป จนกว่าจะได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเถื่อนนี้สำเร็จ และเลยไปถึงการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาแทน.......
  • นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
    14 ต.ค.2556/14.45.20

 

 

บทแทรกที่ 10
ในประเด็นอ่านไทยป.4 นี้เราคิดว่าจะจบไปแล้ว แต่บังเอิญมีประเด็นที่ต้องอ่านไทยกันต่อไปอีกหน่อย เป็นการสงเคราะห์และทั้งเตือนพวกอ่อนภาษาไทย ป.4 ว่าหากอ่านไทยไม่รู้เรื่องแม้ระดับ ป.4 แล้ว ก็ได้โปรดอยู่เฉย ๆ ไปก่อนเถิด อย่าได้คิดสร้างความเสียหายต่อไปอีกเลย
มาตรา 30 ครับ มาอ่านมาตรา 30 กัน โดยอ่านหัวข้อใหญ่เขาด้วย คือ  ส่วนที่ 2 ความเสมอภาค
<<<ส่วนที่ 2 ความเสมอภาค
มาตรา 30 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำมิได้
มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสอง>>>
มองจากเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้วจะเห็นว่ามาตรา 30 นี้ มีเจตนาเพียงที่จะให้ความคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกันว่า มีอะไรบ้าง 
1.     สิทธิของชายและหญิงเท่าเทียมกัน
2.     เสมอกันในเรื่องถิ่นกำเนิด
3.     เชื้อชาติ
4.     ภาษา
5.     เพศ
6.     อายุ
7.     ความพิการ
8.     สภาพทางกายหรือสุขภาพ
9.     สถานะของบุคคล
10. ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม
11. ความเชื่อทางศาสนา
12. การศึกษาอบรมหรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
รวมถึง 12 ประการ แต่ผมจะบอกให้ว่า ข้อที่ให้เสมอกันข้อ 11 นั้น ในเมืองไทยดูจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ประเทศมุสลิมมีปัญหายิ่งใหญ่มาก เป็นสาเหตุของความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่นำไปสู่การสู้รบระหว่างมุสลิมสองพวก สองคู่ คู่หนึ่งมีมุสลิมรักประชาธิปไตย กับมุสลิมรักอิสลาม  อีกคู่เป็นเรื่องอุดมการณ์ศาสนาล้วน ๆ ที่มีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายตามนิกายศาสนา คือฝ่ายหนึ่งเป็นชีอ๊ะห์ ฝ่ายหนึ่งเป็นสุหนี่ ที่ต่างฝ่ายต่างก็มองฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นผู้ทรยศ.... และมีฝ่ายก้าวหน้าที่สุดก็คือมุสลิมประชาธิปไตย ที่ต้องการนำประเทศไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย เกิดการสู้รบระหว่างประชาชน 2 ฝ่ายเป็นคู่ ๆ เหล่านี้จนตายกันเป็นเบือ(ในซีเรีย มียอดรายงานล่าสุดตายเกินแสนแล้ว) .... เพราะหลักการประชาธิปไตยจะไม่มีศาสนา นั่นเอง ...หมายความว่า ประชาธิปไตยต้องไม่มองที่หลักการศาสนา ไม่เอาหลักการศาสนามาเป็นกฎหมาย หลักการศาสนาที่ขัดหลักกฎหมายที่บัญญัติขึ้นโดยสภาผู้แทนราษฎรหลักการศาสนานั้นก็ใช้บังคับไม่ได้   ซึ่งมุสลิมรับไม่ได้ เพราะศาสนาอิสลามสั่งไว้ว่า อัลกุระอานคือคำสั่งพระเจ้า มุสลิมจะต้องเคารพในคำสั่ง อัลกุรอานเขียนไว้อย่างไร ห้ามลบทิ้ง ห้ามเถียง ห้ามวิจารณ์ ต้องทำตามสถานเดียว ...ด้วยชีวิต......แต่ประชาธิปไตยมีศาสนาใหม่คือกฎหมายและกฎหมายใหญ่กว่าพระคัมภีร์ของพระเจ้า.....[โดยนัยะที่ว่า หากหลักการศาสนาข้อใดขัดแย้งหลักกฎหมายประชาธิปไตย หลักการศาสนาข้อนั้นใช้บังคับไม่ได้]
ฉะนั้นมาตรา 30 นี้จึงแสดงถึงเจตนาที่จะรับรองความเสมอภาคให้ปวงชนในรูปรวม ๆ ของความหมายระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น  และได้จำแนกเรื่องที่รับรองไว้ถึง 12 เรื่องไว้อย่างชัดเจน [พอ ๆ กับมาตราอื่นที่รับรองเรื่องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เช่นมาตรา 32 – มาตรา38] ซึ่งเป็นการอธิบายหลักการเสมอภาคตามระบอบประชาธิปไตย เป็นภาพกว้าง ๆ ที่รับได้กับความหมายของระบอบประชาธิปไตยตามมาตรา 2  จึงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับ ร่างฯ พรบ. นิรโทษกรรม การที่ กมธ.ตีความไปว่าการนิรโทษกรรมนั้นจะต้องให้เสมอภาคทุกฝ่ายต้องนิรโทษทุกคนแบบทั้งเข่ง หรือสุดซอย ด้วยเหตุที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้เสมอภาคตามมาตรา 30 นี้นั้น...เป็นการกระทำที่เข้าใจผิดทั้งหมด ....ก็จะเห็นได้ชัดว่า มันก็ขัดกับความยุติธรรมและประชาธิปไตยคืออะไรครับ?   ประชาธิปไตยคือความยุติธรรมอย่างไรครับ..........ก็จะมีคำถามว่าการไปตีความว่ามาตรา 30 ให้นิรโทษทั้งผู้ถูกฆ่าและผู้ฆ่าอย่างนั้นหรือ ? อย่างนี้หรือเรียกว่าความเสมอภาค?  แล้วนั่นมันเป็นความยุติธรรมได้อย่างไร?   คนถูกฆ่า คนที่ได้รับบาดเจ็บ และคนที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกกดขี่ข่มเหง ได้สิทธิอันเดียวกันกับฝ่ายที่ทำการเข่นฆ่าพวกเขา ที่ทำร้ายเขา ที่กลั่นแกล้วจำคุกพวกเขา ...... แล้วยังได้สิทธิพิเศษ นอกจากไม่ต้องรับผิดในการกระทำของตนเองอันสาหัสฉกรรจ์แล้ว ยังได้รางวัลเสียอีก ....... ท่านมองเป็นความยุติธรรมได้อย่างไร?....จะมีคนวิกลจริตที่ไหนไปออกกฎหมายรับรองให้รางวัลฆาตกรเช่นนั้น ?  แล้วจะมิบ้ากันไปใหญ่ทั้งพรรคหรือ?
ร่างพรบ.นิรโทษ(ที่เสนอโดยสส.วรชัย เหมะ แห่งพท.และชุมพร) เขามีเจตนาช่วยพี่น้องประชาชนที่ได้รับเคราะห์กรรมอยู่ในคุกกว่า 100 ชีวิตเพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ นายอภิสิทธิฯกับนายสุเทพ เป็นผู้ก่อกรรมทำเข็ญแด่พวกเขาโดยตรง ....เป็นผู้สั่งการให้เคลื่อนกำลังทหารนับหมื่น ๆ [60,000คน]แล้วมีผลก่อการฆาตกรรม 99 ชีวิต บาดเจ็บกว่า 2,000 ชีวิต.....ซึ่งผ่านการตัดสินยันว่าเป็นการกระทำของฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ของศาลไปตามลำดับแล้วกว่า 10 คดี กำลังจะเอาฆาตกรเข้าคุกอยู่แล้ว    ฉะนั้นต้องดูเจตนาของการเสนอกฎหมายครับ เขามีเจตนานิรโทษประชาชนผู้รับเคราะห์กรรม ..... แต่เมื่อคุณอ้างว่าเพื่อความเสมอภาคตามมาตรา 30 จะต้องนิรโทษให้นายอภิสิทธิ นายสุเทพด้วย   นั่นจะเป็นการยุติธรรมได้อย่างไร?...มีความเสมอภาคบนความอยุติธรรมหรือ?   ที่ถูกคุณต้องนิรโทษให้ประชาชนผู้ถูกกระทำ และได้รับเคราะห์กรรมไปแล้วอย่างสาหัสอย่างไม่เป็นธรรมอยู่ขณะนี้ และต้องเอาตัวผู้สั่งการก่อกรรมทำเข็ญแด่ประชาชนเหล่านั้นมาลงโทษ นี่จึงจะเป็นการยุติธรรม  ความยุติธรรม ความเป็นธรรมนี่แหละคือหลักการระบอบประชาธิปไตย
ก็เห็นชัด ถ้าคุณนิรโทษให้ฆาตกร มันก็ไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะฆาตกรได้ก่อกรรมไว้อย่างไร้เหตุผล และผู้รับเคราะห์กรรมก็ไม่ได้ก่อการ้าย แต่พวกเขาออกมาเรียกร้องตามสิทธิประชาธิปไตยของพวกเขา ... สิทธิที่ชอบธรรมสำหรับระบอบประชาธิปไตย ตามความหมายของมาตรา 2 อยู่แล้ว ในรูปธรรมก็คือ พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน....นี่เป็นสิทธิที่พวกเขาสามารถมีได้ ตามระบอบประชาธิปไตย แต่คุณกลับเอากองทหารร่วมหกหมื่นออกมาไล่ล่าปิดล้อมเข่นฆ่าพวกเขา และจับพวกเขาไปเข้าคุก....แล้วคุณยังเรียกร้องนิรโทษให้คุณเอง   นั่นมันขัดหลักการของความยุติธรรมตามกฎหมาย   และความเป็นธรรมตามหลักศีลธรรมศาสนาอีกด้วย 
แล้วมันเกี่ยวกับมาตรา 30 ได้อย่างไร มันเป็นคนละหลักการ...คนละเจตนากัน?
มามองที่เจตนา  มาตรา 30 นี้แสดงถึงเจตนาที่จะรับรองความเสมอภาคตามระบอบประชาธิปไตย เป็นภาพกว้าง ๆ 12 ประการ ส่วน   ร่างพรบ.นิรโทษ(ที่เสนอโดยสส.วรชัย เหมะ แห่งพท.และชุมพร) เขามีเจตนาอันแรงจัดที่จะช่วยพี่น้องประชาชนที่ได้รับเคราะห์กรรมอยู่ในคุกร่วม 100 ชีวิตเพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ นายอภิสิทธิฯกับนายสุเทพ เป็นผู้ก่อกรรมทำเข็ญแด่พวกเขาโดยตรง ....และได้ก่อการฆาตกรรม 99 ชีวิตไปแล้ว .....ซึ่งผ่านการรับรองของศาลไปตามลำดับแล้ว เขามีเจตนานิรโทษผู้รับเคราะห์กรรม ที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม..... ไม่ใช่นิรโทษผู้ก่อกรรมให้พวกเขา ....... ถ้าเช่นนั้นมันจะยุติธรรมได้อย่างไร?  ฉะนั้น การที่ กมธ ลงมติไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้   ด้วยการตีความไปว่าต้องนิรโทษทุกคนแบบทั้งเข่ง หรือสุดซอย ต้องเสมอภาคตามมาตรา 30นี้ .......... จึงถือว่าไม่ถูกหลักการของความยุติธรรม และไปตีความมาตรา 30 ผิดเจตนาและความหมายเขาไป
เราเห็นว่าต้องมองเจตนาทั้งของม.30 และ ร่างพรบ.นิรโทษ ให้ถูกต้อง เป็นหลักการสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาครับ
ดังองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมองเจตนาเป็นใหญ่ ....ทรงตรัสว่า <<<เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย มนสา : ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาเป็นตัวกรรม บุคคลมีเจตนาแล้วจึงทำกรรมด้วยวาจา ด้วยใจ>>>  [มีกรณีตัวอย่างคือ สงฆ์เป็นหมอยา ให้ยาคนป่วยผิด คนป่วยตาย .... พุทธองค์ตรัสว่า สงฆ์หมอยานั้นไม่ได้มีเจตนาฆ่าให้ตาย แต่มีเจตนาดีโดยประสงค์ช่วยชีวิตเขา..... จึงไม่ต้องอาบัติร้ายแรงคือ ปาราชิก....ถึงประหารชีวิตไปเสียจากศาสนา] ...... นี่จึงเป็นหลักตัดสินทั้งทางธรรมและทางนิติธรรมโลก ฉะนั้น ในเมื่อเจตนาเขาต้องการช่วยประชาชนผู้ต้องโทษโดยอยุติธรรม จึงไม่เกี่ยวอะไรกับความหมายของความเสมอภาคตามมาตรา 30 เลย เพราะมาตรา 30 ไม่ได้มีเจตนาสร้างความเสมอภาคระหว่างคนถูกกับคนผิด เพราะมันขัดหลักการความยุติธรรมอยู่แล้ว
เอาละ เราขอยืนยันว่า ร่างพรบ.นิรโทษฯ จะต้องคงเจตนาเดิม ที่ผ่านวาระ 1 ไปแล้วนั้น แต่บัดนี้พรรคเพื่อไทยหลงผิดไปแล้ว ด้วยความโง่เขลาและอกตัญญูต่อเสื้อแดง  อะไรจะเกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนา แต่ถ้าเพื่อไทยยังหลงผิด ตาบอดมืดไม่กลับตัว ก็ถึงหายนะ-เวรกรรมของพรรคนี้ และประเทศไทย 
นั่นคือ เรามีเจตนาช่วยพี่น้องเราผู้ไร้ความผิดอยู่ในคุกออกมาจากคุก เรามีเจตนาเอาคนผิดสองคนคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฆาตกรเข้าไปอยู่ในคุกแทน กรรมมันต่างกันสุดขั้วอยู่เช่นนี้ คุณเอามารวมกันได้อย่างไร ไม่เห็นหรือว่ามันผิดธรรมชาติไปอย่างชัดเจนอยู่แล้ว  และคนปกติ ดี ๆ ที่ไหนจะออกกฎหมายมานิรโทษทั้งผู้ถูกฆ่า-ผู้ถูกทำร้ายและผู้ฆ่า-ผู้ทำร้ายพร้อม ๆ กัน ในเมื่อความเป็นธรรมชี้ไว้แล้วว่า กรรมใครกรรมมัน ตามหลักธรรมของพุทธศาสนาที่ว่า <<<กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว>>>ในเมื่อเขาฆ่าคน ผิดกฎหมายก็ต้องไปรับกรรมในคุก ในเมื่อเขาถูกกฎหมายก็ต้องรีบปลดปล่อยเขาออกมาโดยเร็ว
·         นายยอดเยี่ยม ยิ่งยง
22 ต.ค.2556/21.20.10น.
 

บบทแทรกที่ 11

ก็กลายเป็นประเด็นอ่านไทยไม่รู้เรื่องอีกละครับ  เราต้องกลับไปทบทวนมาตรา 2 อีกครั้งหนึ่ง  <<<มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข>>>

ปัญหาความเข้าใจเรื่องระบอบปรชาธิปไตย  นั่นแหละครับ เรายังไม่เข้าใจกัน  ก็เลยเขียนมาตราต่าง ๆ ที่ตามมาผิดหลักการไปหมด  ทำให้สับสนไปทั้งหมด และมีความขัดแย้งระหว่างมาตราต่าง ๆ ไปหมดในรัฐธรรมนูญ 2550 นี้   โดยเราเองไม่เข้าใจ ....ครั้นมีผู้เข้าใจเขาจะแก้  ก็มีพวกที่ไม่เข้าใจคอยต้านทานเอาไว้ .....จึงเหมือนโลกอวิชชา ที่พุทธองค์ให้นิยามเอาไว้ ซึ่งต้องแก้ด้วย วิชชา และ  ตาสว่างทั้งแผ่นดิน นั่นแหละครับ .... ในที่นี้ เราจะต้องเข้าใจไปมากกว่าเข้าใจตามมาตราต่าง ๆ ที่รธน.50 บัญญัติเอาไว้ในลายลักษณ์อักษร เพื่อรับรองวิถีทางประชาธิปไตย  เช่นเรื่องความเสมอภาคตามมาตราที่พูดถึงขณะนี้แหละ มาตรา 30  และที่กำหนดไว้ในส่วนที่ 3 สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล มาตราที่ 32 ถึงมาตราที่ 38 เป็นต้น

แต่เราหาเข้าใจประชาธิปไตยตามมาตรา 2 ไม่  เราจับหลักที่สำคัญจริงไม่ถูก.......  นั่นก็เพราะเราไม่เข้าใจว่า   ประชาธิปไตยมีวิวัฒนาการมาและมาหยุดลงที่  ความยุติธรรมและความเป็นธรรม นี่เอง ....   หมายถึงความยุติธรรม-เป็นธรรมในมวลหมู่มนุษ์ รวมถึงสิ่งแวดล้อมด้วย   นั่นคือ  การปกครองประเทศหรือสังคม ต้องอยู่บนพื้นฐานความยุติธรรมและเป็นธรรมเสมอ  นี่เป็นหลักการจริง ๆ     ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ยืนอยู่บนความยุติธรรม บนความเป็นธรรม  มันไปด้วยกัน .......ระบอบการปกครองประชาธิปไตยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับระบอบความยุติธรรม-เป็นธรรม....นั่นเป็นวิถีธรรมชาติของหมู่มนุษย์ (การปกครองใดที่สวนทางวิถีธรรมชาตินี้ ย่อมไม่จีรังยั่งยืนและต้องพังลงในไม่ช้า...โดยเฉพาะในยุคที่ประชาชนตื่นตัวมาสู่ความรู้สึกร่วมกันอย่างไพศาล ในเรื่องสำนึกของเสรีชน

สรุป ๆ ในที่นี้ก็คือ  ....   เมื่อมนุษย์มามองเห็นว่า  การที่มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งเป็นนายทาส อีกกลุ่มหนึ่งเป็นทาส ...มีระบบการกดขี่ข่มเหงเหยียดมนุษย์ด้วยกันเพียงสัตว์เดรัจฉาน โดยสามารถเลี้ยง ขุน ซื้อมา ขายไป ซึ่งคนด้วยกัน เอาคนด้วยกันนี้ไปขายอย่างสินค้าชนิดหนึ่ง มิต่างจากขายงัวควายเข้าโรงฆ่าสัตว์  นั้นไม่ใช่ความยุติธรรม ไม่ใช่ความเป็นธรรมในหมู่มนุษย์ ......   จิตใจรักความเป็นธรรมได้เกิดขึ้น ....   เขาจึงทำการปฏิวัติความอยุติธรรมอันนี้เสีย  ......  เพื่อที่จะได้ความยุติธรรมมา    ก็ดู อเมริกาก่อนนะครับ  เขาถึงต้องทำสงครามอเมริกาเหนือ - อเมริกาใต้กัน เพื่อปลดปล่อยทาสและควมเป็นทาสในประเทศเขา ที่สูญเสียอย่างมากมายทั้งชีวิตอเมริกันชนสองฝ่ายและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก  แต่ที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่น่าคิดสำหรับชาวไทยผู้กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็คือ  ในสงครามคราวนั้น ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ  และพวกเขาได้ฆ่าฝ่ายนายทาสและผู้นิยมทาสไปจนเกลี้ยงแผ่นดิน อเมริกันชนไม่ยอมให้มีมนุษย์ชาติพันธ์ค้าทาสเหลือแม้แต่คนเดียว(ประเทศเขาจึงกลายเป็นเสรีชนเป็นประชาธิปไตยได้ ด้วยความเด็ดขาดรู้อะไรเป็นอะไร รู้ใครเป็นใคร มิตร หรือศัตรู  ถ้าศัตรูของประชาธิปไตย ต้องกำจัดสถานเดียวประชาธิปไตยจึงตั้งขึ้นอย่างมั่นคงได้)  ประชาธิปไตยอเมริกาไม่ยอมให้มีคนค้าทาสอย่างเด็ดขาดมาตั้งแต่นั้น  .......แล้ว เขาก็มาตกลงกันเป็น  สหรัฐ [united states] และให้การปกครองเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน .....หมายถึง  การมาร่วมสร้างและตกลงกติกา....พวกเขาชนอเมริกัน ได้ร่วมตกลงกันเอาไว้

เมืองไทยเราเห็นจะต้องไม่อธิบายนะครับ ......   เหตุที่เมืองไทยมันซอฟท์   อะไรก็ซอฟท์ไปหมด  ........   โน้มไปในลักษณะสังคมซับบอร์ดิเนท....  อะไร ๆ มันจึงเพียงซอฟท์ ๆ  .............  แม้กระทั่งเห็นอยู่ ๆ ว่าอะไรผิดอะไรถูก ขนาดมีผนังทองแดง กำแพงเหล็กหนุนอย่างเต็มที่ ก็ไม่กล้าตัดสินใจ  มันซอฟท์  ......  ผมหมายความว่าระบบทาสและการขจัดระบบนี้ไป  มันเป็นเรื่องไม่แรง   สังคมไทย  แม้เป็นทาส เป็นขี้ข้าเขา ก็ยังน่าอยู่  .......  จนกระทั่ง ร.5 ท่านทรงมองไกลไปถึงอนาคต ท่านจึงให้เลิกทาสเสีย .......   มันมีผลต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ครับ  ........ต่อไป...คิดเอาเอง....นะครับ .....

เมื่อมนุษย์ยุคต่อมา ซึ่งเป็นยุคที่มาลงหนักที่ยุโรปมองเห็นว่า  ระบบการปกครองของพระเจ้า โดยมีโป๊ปที่กรุงโรม สถาปนาตนเองเป็นคณะตัวแทนของพระเจ้า ทำการปกครองมนุษย์ในยุโรป  แบบเผด็จการศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้ไบเบิลเป็นกฎหมายสูงสุดและโดยกฎหมายสวรรค์นี้ห้ามมนุษย์ตั้งคำถาม ห้ามอิดเอื้อน ห้ามลังเลต่อคำสั่ง ..... หากมิฉะนั้นจะได้รับโทษอันสูงสุดคือโทษทรยศต่อพระเจ้า ต้องเอาไปเผาในกองเพลิง  ....  โปปต้องประสงค์อะไร กษัตริย์และประชาชนยุโรปยุคนั้นจะขัดไม่ได้  ก็ดูที่สงครามครูเสดไงครับ  โปปสั่งให้กษัตริย์ยุโรปยกทัพไปสู้กับมุสลิม อิสลาม  สู้กันอยู่ถึง 300 ปี (ท่านรู้ไหมว่าความหมายมันคืออะไร .....   คือสงครามที่คนตายมากที่สุด ยาวนานที่สุด  ที่มีอะไรเลว ๆ ในสงครามนี้มากที่สุดในโลก  ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ก็คือสงครามระหว่างระบอบเผด็จการสวรรค์ 2 ระบอบสู้กันนั่นเอง)   ผู้ใหญ่ตายหมด ต้องเอาเด็กไปสู้ต่อ(ที่เรียกว่ายุวชนครูเสดไงครับ).....  มันยุติธรรมต่อมวลหมู่มนุษย์ละหรือ ?  มันเป็นธรรมต่อมวลหมู่มนุษย์ละหรือ ?  ก็มีคำถามผุดขึ้นในหัวของมนุษย์  ..... สำนึกแห่งความยุติธรรมนี่แหละที่ปลุกมนุษย์ให้ลุกขึ้นยืน ...คนก็เริ่มมาคิดไงครับ  และด้วยธรรมชาติของคนเป็นเสรีชน ไม่ใช่ทาส  ก็ เริ่มจากกาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์เขาไม่เชื่อไงครับ.....ในยุคกาลิเลโอ ก็ได้พิศูจน์ชัดเจน ด้วยวิธีวิทยาศาสตร์ คือทำเป็นรูปธรรมให้เห็นด้วยตาเนื้อ ๆ ของมนุษย์เองได้ .......  ว่าตำนานสร้างโลกในใบเบิลนั้นเป็นเรื่องโกหก....นั่นคือเรื่องโลกแบน เรื่องพระเจ้าสร้างโลกขึ้นภายใน 6 วัน นักวิทยาศาสตร์คนต่อมาก็ช่วยกันหักล้างในเรื่องอื่น....ลงกันหนักไปอีกว่า ระบอบการปกครองสวรรค์เป็นเรื่องโกหก....เผด็จการสวรรค์แท้จริง สร้างประโยชน์ให้แด่โป๊ปและผู้คณะปกครองอย่างมโหฬารยิ่งใหญ่ ..(มีการโกงกินอย่างขนานใหญ่) .  เห็นแก่ตัวจัด(ในตอนที่มีกษัตริย์ลุกขึ้นงัดกับโป๊ปนั้น มีกษัตริย์ยุโรปองค์หนึ่งยกกองทัพไปปล้นสำนักวาติกัน โป๊ปเผ่นหนีไปเยอรมัน  กษัตริย์ยึดเงินทองเข้าของในสำนักโป๊ปได้มากมายมหาศาล  จนสามารถสร้างประเทศขึ้นมาได้หนึ่งประเทศ คือประเทศปรัสเซีย ที่มีราชวงศ์โฮเฮนโซเลน ทั้งราชวงศ์นั่นแหละครับ.....นั่นคือต้นเหตุของระบอบเผด็จการยุโรปพังลง  และมาเป็นประชาธิปไตย  ที่มีความยุติธรรมและเป็นธรรมแด่มวลมนุษย์ทั้งหลาย ......  นี่คือประชาธิปไตยครับ  กล่าวตัวอย่างพอให้ท่านได้สติว่า   เมื่อเราพูดถึงระบอบประชาธิปไตยนั้น จะต้องเข้าใจให้ดีว่า  มันมากับความยุติธรรม และความเป็นธรรมในหมู่มนุษย์เสรีชนทั้งหลายอย่างแยกกันไม่ได้ 

ท่านก็ไปคิดดูว่า  การจะไปนิรโทษแด่ฆาตกร  ตีค่าฆาตกรระดับเดียวกับเพื่อนพ้องของเรานักต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เพื่อความเป็นธรรมของมวลมนุษย์ นั้น   มันขัดความยุติธรรมตามหลักสากลของนิติศาสตร์  มันขัดความเป็นธรรมทางศาสนา และหมายถึงขัดวิถีทางธรรมชาติของมวลหมู่มนุษย์....หมายคว มว่าแรงต้านทานท่านนั้นเป็นแรงต้านทานธรรมชาติ ที่เขาแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย (แล้วท่านจะสู้ได้หรือ  ได้ไปกี่น้ำ?)  และนั่นหมายถึงคนที่ไม่เข้าใจหลักการระบอบประชาธิปไตย ไม่เข้าใจมาตรา 2 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550 และรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่รับรองเรื่องระบอบประชาธิปไตยไทยเอาไว้

และไม่เข้าใจว่า หลักความยุติธรรมความเป็นธรรม ก็เป็นธรรมะข้อหนึ่ง  คนไทย คนพุทธรู้จักแต่ธรรมะชนิดที่สร้างนิสัยซับบอร์ดิเนททั้งสิ้น(มีงานวิจัยของนายหลุย โยคะโบก นักวิชาการศาสนาของฝรั่งเศสวิจัยเอาไว้ตั้งแต่ยุค มรว.เสนีย์ ปราโมช เป็น นรม.ไทย  ซึ่งมรว.เสนีย์โต้ว่า ตนอยู่กับศาสนาพุทธมาชั่วชีวิต แต่ฝรั่งมาเมืองไทยแค่ 3 เดือน จะรู้ดีไปกว่าตนได้อย่างไร......คือมรว.เสนีย์ แกไม่เข้าใจว่าฝรั่งเขามาพร้อมกับ รีเสิรช เมธอดโดโลยี่ เขาเอาเครื่องมือนี้มาวิจัย  แม้เพียง 3 เดือนเขาก็รู้มากกว่าเราที่อยู่ตลอดชีวิตเสียอีก...และทั้งความรู้นั้นเป็นสัจธรรมเสียด้วย....มีงานวิจัยของฝรั่งอีกคนหนึ่ง เขามาวิจัยไม่กี่เดือนเอง เขาก็รู้อะไรเป็นอะไรไปหมด ส่วนคนไทยแถวฝั่งแม่น้ำโขงก็ยังงมงายว่าเป็นเรื่องพญานาค...เรื่องผีปีศาจใต้แม่น้ำโขงอยู่ ...เขาวิจัยพบว่าต้นเหตุคือปลากระเบน...ไม่ใช่พญานาคตามที่คนโง่ฝั่งแม่น้ำโขงเชื่อกัน วันหลังมีโอกาสจะเล่าให้ฟัง) 

ความเป็นธรรมเป็นธรรมข้อหนึ่ง...ตามหลักธรรมะธรรมชาติ  พอ ๆ กับธรรมว่าด้วย ทาน (อามิสทาน อภัยทาน ธรรมทาน) ศีล สมาธิ ภาวนา ตามหลักปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ    อภัยทานมักพูด กันไป ปฏิบัติกันไปอย่างไม่คำนึงว่าในกรณีที่อภัยทานทำให้หลักความเป็นธรรมเสียหายไป  อภัยทานนั้นก็ไม่พึงปฏิบัติ  เพราะส่วนที่ได้จะไม่เท่าส่วนที่เสียไป  ...  และกม.นิรโทษนี่แหละ   ที่ทำให้หลักความยุติธรรม  ความเป็นธรรมในสังคมไทยเราเสื่อมทรามไปอย่างยิ่งอยู่แล้ว  ....   นั่นหมายถึงหลักการประชาธิปไตยไทย เสื่อมลงไปทุกวัน ๆ ด้วยการที่สังคมไทยเข้าใจผิด ๆ เรื่องอภัยทานนี่เอง

ถ้าท่านไม่เคารพในความสำคัญของหลักการประชาธิปไตยข้อนี้  นั่นหมายถึงท่านกำลังคิดจะนำสังคมย้อนกลับไปสู่ความป่าเถื่อนต่อไปอีก   ทางออกของท่านก็ยิ่งจะวนเวียนเป็นวงกลม  เหมือนเดินป่าแล้วหลงทางโดนผีโป่งร่ายเวทมนต์ให้หลงวนอยู่อย่างไม่รู้ตัว   จนหมดแรง   เสียชีวิตกลางป่านั่นเอง          น่าสมเพชจริง ๆ 

 

เอาละ  แม้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หน.พรรคเพื่อไทย และ รมว.มหาดไทย ท่านก็ยังมองอยู่ว่านิรโทษ.....โดยให้ทั้งผู้ถูกกดขี่ และทั้งผู้กดขี่ เป็นสิ่งที่ควร ที่เป็นทางออก.....นั้นเป็นทางออก.....(ส่วนเรามองว่าไม่ใช่ทางออก แต่เป็นทางตัน ทางออกคือทางที่เรากำลังจะเอาฆาตกรเข้าคุก  กำจัดศัตรูประชาธิปไตยไปเสียจากสังคมระชาธิปไตย...เหมือนอเมริกันชนกำจัดนักค้าทาสไปอย่างเรียบเกลี้ยง... นั่นแหละทางออกละ  มันยาก แต่มีเป็นทางที่ถูกต้อง).เราก็จะคอยดู   โดยวิถีประชาธิปไตย .......  แม้ว่าเราจะมองว่า  นี่คือความคิดล้าหลังโบราณอีกความคิดหนึ่งอย่างแท้จริง  ......  ก็เอา  เวลาก่อนการชี้ขาด เราสู้กันอย่างเต็มที่ อย่าได้ยั้งมือ  แต่เมื่อตัดสินแล้ว  เราเคารพในการตัดสิน ตามกติกาประชาธิปไตย

        ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์

         24 ต.ค.2556/10.45.50

 

 <<<<< โปรดคลิกที่นี่เพื่อติดตามเรื่องราวที่ต่อเนื่อง:ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ฉ.วรชัย เหมะ ถูกแปรเป็นนิรโทษกรรมสุดซอย >>>>>

 

 <<<ตามไปแสดงความคิดเห็นได้ในกระทู้สด พรบ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะถูกแปรเป็นนิรโทษสุดซอย  คลิกครับ>>>

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่านไทย ป.4
บทบาทที่น่าเหมาะสมขององค์กรเถื่อน




รวมทุกความคิดเห็นทุกบทความจากเวบไซต์นี้

นสพ.ดี เล่มที่ 49
นสพ.ดี เล่มที่ 48
บทกวีการเมืองจากวัดพระโต
หลักธรรมและหลักโหราศาสตร์ ว่าด้วย ดวงกำเนิด และ ดวงฤกษ์
โหราศาสตร์ : หลักธรรมและหลักโหราศาสตร์ ว่าด้วยอำนาจอิทธิพลดาวพระเคราะห์ต่อชีวิตมนุษย์
ไม่ซื่อตรงต่อสถาบัน FB:Phayap Panyatharo
รัฐประหาร22พ.ค.2557 16.30น.
นามธรรมและประชาชนจะลงโทษองค์กรอิสระ
บันทึกมติปชป.ให้สส.ลาออก ถึง ยิ่งลักษณ์ยุบสภา
พล.อ.เปรม มีข้อสงสัยไม่จงรักต่อสถาบันกษัตริย์ FB Phayap Panyatharo
องค์กรอิสระตัดสินนายกปู 7-8 พ.ค.2557จาก FB Phayap Panyatharo
กรณีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ
นิติศาสตร์เป็นศาสตร์ที่รับใช้(บทแทรกที่ 3 บทสรุป)
นิติศาสตร์เป็นศาสตร์ที่รับใช้(บทแทรกที่ 1-2)
นิติศาสตร์เป็นศาสตร์ที่รับใช้
วันแจ้งความแห่งชาติ 1 เม.ย. พุทธศักราช 2557
สรุปประเทศไทยวันนี้
คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ 20 พ.ย. 2556 ท่านจะต้องเรียนรู้ไปมากกว่านี้อีกเยอะเลย
ประเทศไทยวันนี้มีคำถาม ????
ข้อคิดจากการตัดสินของ ตุลาการรัฐธรรมนูญล้ม พรบ.กู้เงิน 2ล้านล. ของรัฐบาล
เวบไซต์ของเราถูกบลีอก
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปกราบสมีสุวิทย์ ๆปิดรีดวอยซ์ทีวีแสนบาทก่อนกลับ
ศาล เมื่อไม่สถิตยุติธรรม ก็เป็นปาราชิก
วันมาฆะบูชา ยุทธศาสตร์ในศาสนา
สมชัย ศรีสุทธิยากร คนเถื่อนแห่งองค์กรเถื่อนโดยรัฐธรรมนูญเถื่อน
รัฐบาลโดย ศอ.รส.เตรียมจับสุเทพ
ม็อบสุเทพ-ประชาธิปัตย์ เป็นกลุ่มคนที่เห็นแก่ตัวสุด ๆ เอารัดเอาเปรียบสังคมไทยอย่างไร้ความละอายใจ โดยถูกครอบด้วยอวิชชาความโง่เขลาอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น
อย่าลืมพรรคปชป.ไม่มีฐานะที่แท้จริงในระบอบประชาธิปไตย
สุเทพ-อภิสิทธิ์ทำปชป.พังเรียบ ใครจะกอบกู้?
สถานการณ์เมืองไทยเป็นอย่างไร
บทวิเคราะห์สื่อไทย
บันทึกประเทศไทยวาระ ที่ 2 ในหลวงกับม.7
สดุดี 5 ธันวามหาราช พุทธศักราช 2556
บันทึกประเทศไทย 1-3 พ.ย.2556 กบฏสุเทพ เทือกสุบรรณ
คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ 20 พ.ย.2556
อะไรเป็นอะไร วันที่ 12 พ.ย.2556? ปัญหาโพธิรักษ์และ กองทัพธรรม
ระวังคิดล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยมีโทษถึงกบฎ เด็กศรีสะเกษหยาบคายไร้การสร้างสรรค์ตามแบบพรรคประชาธิปัตย์ การกลับมาของแดงทั้งแผ่นดิน
ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ฉ.วรชัย เหมะ ถูกแปรเป็นนิรโทษกรรมสุดซอย
ม็อบสามเสนแปรเป็นม็อบราชดำเนิน ต้องการอะไร?
อาลัยสายัณห์ สัญญา
ล้อมกรอบประชาธิปัตย์วันนี้นายธนาอภิปราย ดร.ฆิกเมฆ เฉลย (3)
ล้อมกรอบประชาธิปัตย์วันนี้ดูดี ๆ นายเชน เทือกสุบรรณ นักเลงโตในสภา (2)
ล้อมกรอบประชาธิปัตย์วันนี้ดูดี ๆ มาธาดอร์ปชป.- สิงห์ปชป.ตายไหมครับ?
[ทบทวน]ป่าเถื่อนตีโซ่ตรวนผู้ต้องหาได้อย่างไร ระบบศาลไทยล้าหลัง ป่าเถื่อน ยังไม่รู้แก้ไขเสียที
ล้อมกรอบประชาธิปัตย์วันนี้ ดูดีๆ ไม่เข้าใจฐานะตนเองต้องสั่งสอน- มาธาดอร์ปชป.-สิงห์ปชป.สิ้นชื่อ
สภาของประชาชนกับสมาชิกสภาฝ่ายค้านที่ไม่เข้าใจฐานะตนเองในระบอบประชาธิปไตย สุดถ่อยในรัฐสภาไทย
พรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านนิรโทษกรรมประชาชนผู้ถูกกลั่นแกล้งจากรัฐบาลตนเอง
ประเด็นรัฐธรรมนูญโจร เพียงอ่านภาษาไทยให้ชัดเจนเท่านั้นเอง
ม.68 กับภาษาไทยระดับประถมศึกษา ตลก.รธน.ไร้วุฒิภาวะ
ผู้พิพากษาจิตป่วยมีด้วยหรือ? ม.68กับภาษาไทยระดับประถมศึกษา
พรรคที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแก่ประชาชนไทยคือพรรคประชาธิปัตย์
หมอนี่ มาจากไหน ประชาชนรู้จักหรือเปล่า?
หน้ากากขาวในเฟสบุ๊ค นี่ชื่อจริง Narisa Jittapong
นโยบายชาวนาย่อมปรับเปลี่ยนได้ครับ อย่าไปสอนเขาผิด ๆ
หน้ากากขาวไชยวัฒน์ถึงอัญชัญบุตรถึงอรหันต์เก๊หลวงปู่เก๊วีรพลฉัตติโกรวมมาจากหน้า1
หน้ากากขาวไชยวัฒน์ สินสุวงษ์ ศิษย์โพธิรักษ์เจ้าลัทธิวิเศษเหนือมนุษย์
เอกยุทธ อัญชัญบุตรคนโกงแปดเหลี่ยมตายแน่แล้ว
สภารัฐธรรมนูญโลกเยือนไทยขอให้คืนสิทธิ์สส.แด่จตุพร พรหมพันธ์
ภาพที่อัปยศแด่วงการตุลาการไทย
ใครทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และควรจะรับผิดชอบอย่างไร?
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 3 มี.ค.2556
ปัญหามุสลิมโลก โรฮินยาถึงฉก.32 นราธิวาส ไสยบาบาถึงปัญหามุสลิมสามจว.ใต้
Muslim Rohingyas FB Phayap Panyatharo มุสลิมโรฮิงยา จากเฟสบุคพยับ ปัญญาธโร
แดงทั้งแผ่นดิน นปช.เคลื่อนไหววันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.2555
DSI แจ้งข้อหาอภิสิทธิ์-สุเทพออกคำสั่งฆ่าพัน คำกองแท๊กซี่เสื้อแดง
บันทึก24พ.ย.2555สิ่งที่เรียกว่าองค์การพิทักษ์สยามเริ่มต้นการแสดง ขณะที่กาซายุติการยิง
จากบันทึกในอดีตถึงพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
สรุปประเทศไทย รัฐบาลคมช.พล.อ.สุรยุทธ จุฬานนท์
คอป.และคณิต ณ นคร ที่รัฐบาลไปฝากความหวังไว้ แต่ผมว่าก็อย่าเพิ่งวางใจ
บันทึกแดงชุมนุม 15 ก.ย.2555 ทบทวนรัฐประหาร 6 ปีฆาตกรยังลอยนวล
รายงานรัฐบาลทหารปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน เริ่ม 13 พ.ค.2553
มาทบทวนรายงานรัฐบาลทหารสลายการชุมนุมนองเลือดเรียกร้องประชาธิปไตย ราชประสงค์19พ.ค.2553
รวมบทศึกษาการเมืองไทยช่วง16พ.ย.- 10 ธ.ค.2551 หลายบทความจากหลายนามปากกา
ตลกรัฐธรรมนูญตัดสินแล้ว ไม่ยุบพรรคเพื่อไทย
ศาสนากับประชาธิปไตย กรรมจะลงโทษเอกยุทธ อัญชัญบุตรให้คุณหรือ ?
แดงเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมแสดงพลัง 24มิ.ย.2555
ปัญหามุสลิมไทย (รีไวด์)
เรื่องที่น่าเบื่อหน่ายในรัฐสภาไทย
นโยบายทักษิณ เพื่อไทย บทวิเคราะห์ 48 บทนโยบายทักษิณ กับประชาธิปไตย (รีไวด์)
ทักษิณแถลงแนวนโยบายพรรคเพื่อไทย บทวิเคราะห์(รีไวด์)
Japan Tsunami 2011
เทศกาลวันมาฆบูชา Magha Puja
รายงานจากรัฐสภา พิจารณาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ศาสนากับประชาธิปไตย กรรมจะลงโทษเอกยุทธ อัญชัญบุตรให้คุณหรือ ?
นโบยทักษิณ นโยบายพรรคเพื่อไทย ญี่ปุ่นฟื้นตัวแล้ว หลังดุลการค้าเป็นบวก 71 ล้านเย
นโยบายทักษิณ เพื่อไทย ในที่สุดพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ก็มาร่วมกับคนเสื้อแดง
ศาสนาและประชาธิปไตย ปรัชญาชีวิต วัฒนธรรม เก่า ใหม่
ศาสนาและประชาธิปไตย ว่าโลกจะแตก 23 พ.ค.2554
ดูรัฐบาลอภิสิทธิ์ เนวิน ชิดชอบ บรรหาร ศิลปะอาชา อันธพาลในประชาธิปไตย
ดูรัฐบาลอภิสิทธิ์ รัฐบาลเด็ก กรณีเรือบรรทุกน้ำตาลจมที่อยุธยา เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ปล่อยให้ประชาชนลำบากมาถึง 2 สัปดาห์แล้
วารสารต้านนิติราษฎร์ (หน้า 1)



แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์ สื่อของเราทั้งหมดนี้ ได้กลายเป็นแดนสนุกน่าท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกกว่า 8 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน 8 พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น.