Facebook.com Phayap Panyatharo
สารบาญโหราศาสตร์
การกลับมาอีกครั้งของแดงประชาธิปไตย ยิ่งใหญ่กว่าเก่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2556
แท้จริงการทะเลาะกันระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทย รัฐบาลเสื้อแดง กับเสื้อแดง กรณีพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอยนั้น มองว่าเป็นการเล่นละคอนหลอกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเหยื่ออันโอชะ และแล้วปลาก็งับเหยื่อ แดงกลับมารวมกันอีกที ไร้ร่องรอยของความขัดแย้งใดใด วันที่ 10 พ.ย.2556 แดงรวมพลังที่ราชประสงค์วอร์มภาคเช้า หมื่นอัพ ที่เวทีสนามฟุตบอล SGB เมืองทองธานี เย็นไปถึงกลางคืน แสนอัพ ที่ขอนแก่น 11 พ.ย. 2556 วันศาลกรุงเฮกตัดสินคดีไทย-เขมร เขาพระวิหารรอบ 2 แสนแสนอัพ และวันนี้ที่สนามกีฬาเชียงใหม่ คาดจะประมาณไม่ได้ พวกเขากำลังทำแนวโน้มของวิถีทางที่ชอบธรรมของประชาธิปไตยทางตรง ในไม่ช้านี้คาดว่าแดงทั้งแผ่นดิน เพียงยืนขึ้นเฉย ๆ หน้าบ้านตนเองเท่านั้นเอง ก็อาจจะออกมาตรการใดเชิงกฎหมายสำคัญเฉพาะกิจได้
ระวัง! โดยระบอบประชาธิปไตย โทษของผู้คิดล้มล้างรัฐบาลรุนแรงถึงระดับเป็นกบฏ ผู้คิดล้มล้างระบอบประชาธิปไตยรุนแรงกว่านั้น
โดยอุดมการณ์ของระบอบประชาธิปไตยแล้ว รัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนตามหลักการ Majority rule minority right นั้น รัฐย่อมมีสิทธิ์ที่จะบริหารประเทศไปได้เป็นเวลาตามที่ได้รับอนุมัติจากประชาชนของประเทศ และโดยมากจะกำหนดไว้เป็นเวลา 4 ปี แล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ทุก ๆ 4 ปี และในระหว่างนั้น ระบอบประชาธิปไตยจะให้ 2 อย่างคือ รัฐบาล ให้บริหารประเทศไปอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติตามนโยบายที่ประชาชนให้การรับรองก่อนการเลือกตั้ง และ 2 พรรคฝ่ายค้าน ไม่มีสิทธิคิดล้มล้างรัฐบาล โดยวิถีทางนอกรัฐสภา การล้มรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านสามารถทำได้โดยวิธีเดียวเท่านั้นคือขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งโดยวิธีนี้ หากฝ่ายค้านสามารถเอาชนะได้ด้วยเสียงส่วนมากในรัฐสภา รัฐบาลก็จะต้องยอมโดยอัตโนมัติ และให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การที่ระบบเป้นเช่นนี้ก็ย่อมเป้ฯผลดีแก่ประเทศชาติ ที่จะได้มีรัฐบาลบริหารประเทศไปโดยปราศจากการรบกวน มีสมาธิในการบริหารงานของประเทศอย่างเต็มที่ นั่นเองคือความดีของระบอบประชาธิปไตย ใครก็ตาม กลุ่มมวลชนใดก็ตาม การจะใช้วิธีการล้มรัฐบาลโดยวิธีการอื่นนั้นย่อมไม่ชอบด้วยวิถีทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการล้มรัฐบาลโดยวิธีการนอกรัฐสภา จะทำไม่ได้เป็นอันขาด และโดยกติกาประชาธิปไตย การคิดล้มล้างรัฐบาลโดยวิธีการอื่นนอกรัฐสภานั้นจะต้องมีความผิดอย่างหนักถึงระดับกบฎ และในเมื่อเป็นกบฎ 2 ระดับ คือล้มล้างรัฐบาล และล้มล้างระบอบประชาธิปไตยไทยด้วยแล้ว ย่อมมีโทษ 2 ระดับเลยทีเดียว ดังปรากฎในสมัยราชาธิปไตย เราได้พบการลงโทษผู้คิดล้มล้างรัฐบาลอย่างรุนแรงถึงตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ประกาศในสภาผู้แทนราษฎร ในเดือนตุลาคม 2556 นั้น ว่าจะล้มล้างรัฐบาลทุกวิถีทางให้จงได้ นั่น ถือว่ามีเจตนาล้มล้างรัฐบาลแล้ว ย่อมอยู่ในข่ายโทษระดับกบฎทันที มาวันนี้ เขาประกาศปิดประเทศ นั่นก็เท่ากับก่อการร้าย มีโทษถึงกบฎ เช่นเดียวกัน
ฉะนั้น เราจึงควรมาทบทวนเหตุผลของระบอบประชาธิปไตย ที่ให้มีการเลือกตั้งทุก ๆ 4 ปีนั้นก็เพื่อเปิดโอกาศให้รัฐบาลบริหารประเทศไทยอย่างเต็มความสามารถที่รัฐบาลนั้นมี โดยไม่ต้องมีอุปสรรคขัดขวางจากภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝ่ายค้าน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประเทศชาติมีโอกาศเดินไปข้างหน้านั่นเอง
แต่หากมีการขัดขวาง และค้านทุกอย่างที่เป็นนโยบายรัฐบาลเช่นที่พรรคประชาธิปัตย์ทำอยู่ตลอดมาตั้งแต่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง จนถึงปัจจุบันนี้ (ทั้ง ๆ ที่ผ่านการรับรองของประชาชนส่วนใหญ่มาแล้ว)นั้น พยายามที่จะล้มล้างรัฐบาล นั่นผิดหลักการประชาธิปไตย จำเป็นต้งมีการแจ้งเตือนว่าได้กระทำผิดกฎหมาย และทำผิดหลักการประชาธิปไตย เป้นอุปสรรคแก่การบริหารงานของประเทศ
- สุไงปาดี ชินะกุล
11 พ.ย.2556/13:15:20 น.
ภาพจากเวทีราชดำเนิน เมื่อ 00.20 น. 10 พ.ย.2556 ศิลปินชรา อ้าปากออกทีไรเต็มไปด้วยคำหยาบคาย ดูถูกสตรีเพศ..มีพิธีกรนักบิด นักปลุกระดมจากเอเอสทีวีคืออีปอง(นางอัญชลี ไพรีรัก คนที่ด่าพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่าหัวกระบือ มาใกล้ ๆ กูจะเคาะกะโหลกให้จะได้ฉลาดขึ้น) กับ...ไม่รู้จักชื่อ 2 ชายหุ่นและหน้าตาดี คนหนึ่งหน้ายิ้ม ๆ หน้าเป็น ...พอได้ข่าวเสื้อแดงโคราชเคลื่อนพลมา 35 รถบัส 40 รถตู้ ก็ดูหงอยลง แต่เสียงตะโกนของเขา มันบ่งบอกถึงปัญหาอันเร้นลึกที่ซ่อนอยู่ในอกเช่นเดียวกันหมดของคนประชาธิปัตย์ น่าวิตกว่าสังคมไทยเราได้เพาะปลูกสิ่งที่เลวร้าย ลงในนาแห่งจิตใจเด็กเยาวชนที่มา และงอกงามขึ้นเรื่อย ๆ คือความอิจฉาริษยา เสียงที่ก้องออกไปเป็นวาทะผรุสวาทที่ด่าคนอื่นนั้น นั่นแหละน่ากลัว เป็นเสียงที่สะท้อนความกลุ่มกลัดอันเกิดจากความอิจฉาริษยาทั้งสิ้น น่ากลัวว่าอกจะแตก อาเจียนเป็นลิ่มเลือด ตายได้นะหากตะโกนมาก...01.00 น...คนใจใหญ่กว่ากำปั้นมาแล้ว สาธิต วงศ์หนองเตย(คนที่เสื้อแดงตั้งชื่อว่าหมากระเป๋านั่นแหละ)
ฟังเด็กศรีสะเกษขึ้นเวที ในนามนักศึกษา อ้างว่าเกิดที่กาฬสินธ์ ไปโตที่ศรีสะเกษ มาเรียนหนังสือที่กทม.ออกวาทะได้ตามแบบเปี๊ยบเลย น่าเป็นห่วงอนาคตของเด็กคนนี้ และคนเหล่านี้ เมื่อมาใกล้ชิดประชาธิปัตย์ เพราะสิ่งที่ประชาธิปัตย์อบรมสั่งสอนสั่งสมลงสู่มันสมองเยาวชนไทย ตลอดทั้งพรรคพวกตนเองนั้น ไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากฝึกหัดการด่าให้ ไม่ได้คำนึงถึงอนาคต มีแต่ฝังแฝงอารมณ์ความอิจฉาริษยาลงไป เริ่มตั้งแต่ฝึกสร้างให้รู้จักออกวาทกรรมอันหยาบคาย ผรสุวาท หัดโกหกพกลมตามหลักการโฆษณาชวนเชื่อ หัดให้รู้จักใช้วาทะส่อเสียด ให้เข้าใจชั้นเชิงวาทะที่ยุแยกให้คนแตกสามัคคี สอนเรื่องการบิดเบือน สอนการส่อเสียดยุแยก ใส่ร้ายป้ายสีให้ ตลอดถึงการสร้างวาทกรรมเพ้อเจ้อไร้เหตุผล ไร้หลักฐานข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง ฉะนั้น ด้วยการฝึกสร้างนิสัยเช่นนี้ จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์เองได้เป็นก็เพียงพรรคการเมืองที่ปราศจากการสร้างสรรค์โดยสิ้นเชิง สิ่งที่พรรคนี้จะเป็นได้ก็เป็นได้เพียงพรรคที่ดีแต่พูด ทำอะไรไม่เป็นแค่นี้จริง ๆ น่าเสียดายอนาคตเยาวชน ที่มาใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะพลอยดูดซับเอาอุปนิสัยชั่วร้าย ที่ไร้การสร้างสรรค์ไปจากพรรคการเมืองนี้ และเป็นคนที่ดีแต่พูด ทำอะไรไม่เป็นเช่นพรรคประชาธิปัตย์ และเช่นเดียวกันกับสมาชิกพรรคนี้ ส.ส. ส.ว.ที่สังกัดพรรคนี้ ตามที่เห็นบทบาทพวกเขาในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคนรู้เห็นกันว่าเป็นบทบาทอันธพาลในระบอบประชาธิปไตยเราดี ๆ นี่เอง