นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปกราบ นายสุวิทย์ ......ว้อยส์ทีวี ถูกยึด ถูกบีบบังคับให้ขอขมา พร้อมควักเงินให้แสนกว่าบาท(โดยการบังคับข่มขู่รีดไถของนายสุวิทย์ จากความโง่เขลาเข้าใจผิดว่า ตนถวายเงินแด่พระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง)
ที่เขาเรียกตัวว่า พุทธอิสสระ นั้น มีความรู้บ้างหรือเปล่า ว่าเพียงชื่อ พุทธอิสสระ นี้ก็บอกถึงความไม่ชอบ ไม่ควร และไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยแล้ว.....
พุทธอิสระ แปลว่า พระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ที่ทรงมีอิสระภาพ พ้นจากกิเลสตัณหาอุปาทานแล้ว..........
........เขาต้งชื่อเอาแบบนี้............แปลว่าอวดอุตริมนุสธรรม....มีเจตนาอวดโอ้โดยตรง ......ก็เท่ากับเป็นปาราชิกอยู่แล้ว .....โดยพระวินัยในพระปาฏิโมกข์ ปาราชิกข้อที่ 4
โดยหลักธรรมของพระพุทธศาสนา .....ชื่อนี้ คือการยกตัวเสมอพระพุทธเจ้า ..........เสียสติ ลืมตัว...............ไม่มีสาวกใด ที่ชื่อว่าสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จะยกตัวเสมอศาสดาได้ ....แม้ในศาสนาอื่น ๆ ทุกศาสนา ก็ไม่มีสาวกใด(สาวกหมายถึง follower...ผู้เดินตามหลังไป) ยกตัวเสมอศาสดา เช่นเดียวกัน
................
พระสุวิทย์ นี้โดยบุคคลิกภาพ ...... เป็นพระไร้การศึกษา ทั้งทางโลกทางธรรม ....... (จบ ป.4 หรือม.3 ......จบ น.ธ.ตรี .....ประมาณนี้เอง) ขาดความรอบรู้ทางสังคมวิทยา จรรยามารยาท ........... ฟังการพูดการจา(ฉันอย่างนั้นฉันอย่างนี้....ด่าคนนั้น ด่าคนนี้ แล้วบอกว่าตนเป็นคนตรง...พูดอะไรตรงไปตรงมาตามใจคิดนึก ไม่อ้อมค้อม......ดูท่าเดินไขว้มือไว้ข้างหลัง....ก็น่าจะ.) ของพระรูปนี้ คนฟังที่โง่เขลา มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาแต่ไร้ปัญญา ฟังแล้วดูเป็นพระที่ทรงอำนาจเด็ดขาดดี ก็เลื่อมใส นึกในใจว่าท่านต้องบรรลุธรรมชั้นสูงสุด ระดับอรหันต์แน่ ท่านดูเหนือโลก ไม่เกรงกลัวใคร........... พอไปพบก็นึกระย่ออยู่แล้ว......นึกว่าไปพบพระผู้สูงสุด อะไรประมาณนั้น และก็ยอม ยอมโดยไร้เหตุผล ที่จะทำบุญเอาง่าย ๆ เป็นแสนเป็นล้านบาท.......และพระหลายรูปที่เป็นพระที่สร้างปัญหาให้สังคม ก็จะออกบุคคลิกภาพใหญ่ ๆ ไม่เกรงกลัวใครเช่นนี้แหละ .......สังคมไทยกำลังเรียนรู้อย่างเร็วอยู่ในไม่ช้าก็จะเข้าใจ .............
กรณีพระสุวิทย์นี้ ในตอนแรก สุเทพ ก็เพียงคิดจะเอามาเป็นเครื่องมือ เพื่อเสริมแนวรบทางด้านจิตวิทยามวลชนเท่านั้น แต่ไป ๆ มา ๆ สุวิทย์เองกลับถีบตัวเป้ฯใหญ่ขึ้นพอ ๆ กับสุเทพ เอง ............แน่นอน ....หากการครั้งนี้สำเร็จ ก็หวังกันว่าจะได้บำเน็จความดีความชอบอย่างสูงสุด..........แต่สำหรับอดีตพระสุวิทย์นี้ .......... เนื่องจากประชาชนทั้งปวงที่เป็นชาวพุทธทั่วประเทศ คือประชาชนชั้นรากหญ้า ๆ ทั้งหลาย เขาเข้าใจศาสนาดีมาก ๆ ...... เขาเข้าใจดีจนสามารถควบคุมพฤติกรรมพระได้อย่างศักดิ์สิทธิ์........ดูกรณีพระนิกร ธรรมวาที มาถึงพระยันตระ อมโร ที่ก่อเรื่องโด่งดัง และต้องดับชื่อเสียงลงอย่างสนิท ก็เพราะประชาชนเขารู้วินัยพระดี ..........เขาชี้ได้เลยว่า ปาราชิก ต้องพ้นไปจากศาสนา ... ยังไม่พอ หากไม่หนีไป ประชาชนนี่แหละยกขบวนไปล้อมวัด ........ ยื่นคำขาดให้เลย ..........ประชาชนรู้ดีว่าศักดิ์ศรีของพระอยู่ที่ศีล-227 ข้อ มีศีลยบริบูรณ์เขาก็ก้มกราบ สนิทใจจริง แต่เมื่อศีลขาด....มันทำให้ขาดไปจากความเป็นพระแต่เป็นตัวอุบาทว์ขึ้นมาทันที.....ชาวพุทธจึงสามารถเปลี่ยนท่าทีต่อคน ๆ หนึ่งคนเดียวกัน ไปในทางตรงกันข้ามได้อย่างไม่ขวยเขินใจอะไรเลย ...... คือวันนี้ประชาชนก้มกราบท่านอย่างเลื่อมใสศรัทธาสูงสุด .....ก็เพราะท่านเป้ฯพระ แต่อีกวันต่อมา ประชาชนออกมาขับไล่.....ก็เพราะท่านกลายเป้ฯตัวอุบาทว์ไปแล้ว นั่นเอง
พระสุวิทย์นี้ ได้กลายเป็นตัวอุบาทว์ไปนานแล้ว โดยเฉพาะวาระหลัง ตนเป็นสงฆ์สาวก รับใช้พระพุทธเจ้า แต่กลับมารับใช้กบฏแผ่นดิน ผู้ต้องหาฆ่าประชาชน 100 ศพ โดยเจตนาให้พ้นผิด......เท่ากับช่วยโจร ช่วยคนอุบาทว์ต่อประเทศชาติ นี่เป้ฯการไม่สมควร โลกถือว่า เป็นโลกวัชชะ
คนจำนวนมากอาจจะเคยนับถือ แต่หากมาคิดว่า คุณธรรมภายในย่อมเสื่อมไปแล้ว เพราะการกระทำบาป ผิดศีล ศีลขาดไปแล้ว ด่างพร้อยไปแล้ว ต้องโทษตามพระวินัยไปโดยอัตโนมัติแล้ว ........ ก็ไม่มีอะไรจะศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป.......
และภาพที่เห็น สุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือนายสุวิทย์ ผู้โอ้อวดอุตริมนุสธรรม ว่าตนเป็นพระพุทธเจ้า นามว่า พุทธอิสสระ ก็ค่อยเสื่อมเสียไป และจะจบลงอย่างไร ........ ตัวเองเคยคาดคะเนเอาไว้บ้างหรือไม่ ............ถึงตรงนั้นแม้หัวโล้นก็จะถูกสตรีผู้เกลียดชังลูบคลำเอาได้
|