www.newworldbelieve.net
กระทู้ 1 :
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 1
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 2
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 3
เพื่อ ประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 4
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 5
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 6
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 7
ความเห็นที่ 73
ขึ้นภาค 7 ไปเลยนะครับ
ไปดูพม่าครับ
รบกับประเทศหนึ่งมาตลอดเวลาประวัติศาสตร์ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่แล้วประเทศนี้ก็หายไป เกือบ 100 ปี ประเทศไทยหรือสยามก็เลยสบายขึ้น เมื่อศัตรูคู่อาฆาตตลอดกาลหายเข้ากลีบเมฆไป
ภาพชื่อว่า Shwedagon (ชเวดากอง) วาดโดยนักวาดภาพชาวอังกฤษ
แกไปโดนอังกฤษครับ
แต่อังกฤษต้องเสียแรงไปเยอะหน่อย กว่าจะได้เขมือบพม่า คือไม่เหมือนอินเดียครับ อินเดียที่มีพื้นที่เป็นประเทศกว้างใหญ่ไพศาล เป็นอันดับ 3 รองจากจีนและอเมริกา (อเมริกา 9,809,155 ตร.กม. ที่ 1 จีน 9,572,149 ตร.กม. ที่2 อินเดีย 3,287,263 ตร.กม. ที่ 3 ..... อังกฤษ 241,752 ตร.กม. พม่า 678,577 ตร.กม. พม่าใหญ่กว่าอังกฤษเสียอีก ส่วนอินเดีย ใหญ่ถึง 5 เท่าของพม่า 13 เท่าของอังกฤษ แต่ก็กลายเป็นขี้ข้าอังกฤษไป100-200 ปี ) ก็ยังตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษได้ง่าย ๆ และเป็นขี้ข้าอังกฤษอยู่ 176 ปี อังกฤษทะลุมาพม่าหลังได้อินเดียแล้ว 52 ปี และสถานการณ์ที่ฝ่ายหนึ่งก่อให้เกิดขึ้น เริ่มทำสงครามกับพม่า ปีพ.ศ. 2367(ภายหลังครองอินเดียมา 52 ปีแล้ว) เพราะพม่าเก่ง ทหารพม่าแข็งแรง อังกฤษจึงต้องรบกับพม่าถึง 3 ครั้ง กินเวลา 15 ปี พอชนะครั้งแรก ก็ตกลงกัน ให้พม่าเสียดินแดนตรงนั้นตรงนี้ให้อังกฤษ พม่าก็ต้องยอม แต่เก็บความแค้นเอาไว้ แล้วผ่านไปสัก 3ปีก็แล้วก็เอาทหารออกมาไล่อังกฤษ แต่ อย่างว่าแหละครับทหารอังกฤษเขาเก่งและมีวินัย มีอาวุธดีกว่า เขาก็ชนะ เป็นครั้งที่ 2 ก็ยังให้ตกลงกันแบบเดิม พม่าก็แค้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งอังกฤษรู้ไปหมดก็เตรียมแผนไว้รับ จนมาถึงครั้งที่ 3 รบกันครั้งที่ 3 พม่าก็แพ้อีก รวมแล้ว อังกฤษชนะทุกครั้งและครับ ครั้งสุดท้ายปีพ.ศ. 2428 ในสมัยพระเจ้ามินดงต่อมาพระเจ้าธีบอ นี่แหละ อังกฤษก็ได้พม่าทั้งประเทศเลย แล้วก็ต่อมาสิ้นวงษ์กษัตริย์พม่าไป พระเจ้าธีบอกับพระนางศุภยลัต พระมเหสี ถูกเนรเทศไปอินเดีย พม่ากลายเป็นบริวารอังกฤษอยู่ไม่นานนัก ถึง 62 ปี ญี่ปุ่นเข้ามาไล่อังกฤษไป ก็ได้เอกราช แล้วก็มีทหารเข้ามาคุมอำนาจ ที่เด็ด ๆ ก็ จอมเผด็จการเนวิน แหละครับครองอำนาจ 26 ปี โดนไล่ออก ตราบมาถึงปัจจุบัน มีนักประชาธิปไตยคนสำคัญเกิดขึ้น คือ อ่องซาน ซูจี ไงครับ
แต่ทหารที่เป็นใหญ่ในพม่าทุกวันนี้ ก็คิดว่าเอาอ่องซานอยู่ไปเรียบร้อยแล้ว
เอาละครับ ลองมาดูรายละเอียดบางเรื่องทางการเมืองพม่าต่อไปสักหน่อยครับ
- ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
วันที่ 31 สิงหาคม 2558 10.15 น.
ความเห็นที่ 74
เรื่องการเมืองของประเทศในวัฒนธรรมพุทธ คือพม่า ลาว ไทย นี่ ค่อนข้างจะยาก ในการทำความเข้าใจเรื่อง ประชาธิปไตย เพราะอะไรครับ ?
เพราะวัฒนธรรมที่ล้าหลัง คร่ำครึ โดยที่ประชาชน คนพุทธไม่เข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น จึงยึดมั่นถือมั่นอย่างแนบแน่นไป ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง นั่นเอง
โดยตัวหลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาเอง คนพุทธ แม้กระทั่งผู้รู้ ผู้ร่ำเรียนเชิงศาสนธรรมพุทธ ถึงขั้นสูงสุด ก็ไม่เข้าใจสัจธรรม หรือ ข้อเท็จจริงว่าศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนประชาชนเลย ในเรื่องเศรษฐศาสตร์
ไม่มีหลักธรรมแห่งเศรษฐศาสตร์ในศาสนาพุทธ โดยความจริงในสังคมพุทธ ผู้รู้ หรือพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนาจึงสอนแต่เรื่อง ชีวิตสันโดษ ให้รักสงบ และยังเน้นหนักไปเรื่องการทำบุญทำทาน ทำให้ได้อย่างพระเวสสันดร เลยทีเดียว คือมีอะไรให้ทานไปให้หมด ซึ่งไม่สอดคล้องตามหลักเศรษฐศาสตร์เลย โดยสอนว่า ถ้ารักสันโดษ ทำชีวิตไปอย่างสันโดษได้ ทำบุญทำทานได้ คือทรัพย์มหาศาล และเมื่อเข้าใจไปเช่นนั้น ก็ประพฤติตนไม่ถูกหลักเศรษฐศาสตร์ หมายความว่า สอนไปไม่ช่วยให้เกิดความร่ำรวย เกิดวิถีทางสำหรับประชาชนที่จะนำไปทำมาหากินได้อย่างมั่นใจ ทันสมัย ทันคนอื่น ทันเมืองอื่นเขา เมื่อเราไม่ได้สอนเศรษฐศาสตร์ให้ประชาชนเรา ประชาชนชาติอื่นเมืองอื่น เขาก็เข้ามาแทรกแซงและกอบโกยเอาสินทรัพย์บ้านเราไปโดยหลักเศรษฐศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มา ลาวที่เคร่งครัดในวัฒนธรรม ก็เลยกลายเป็นประเทศที่ยากจนที่สุด 1ใน10ของโลก พม่าก็ตามไป ไทยก็พอ ๆ กัน
ก็คิดดูก็ได้ครับ หลักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คิดขึ้นเพื่อช่วยให้ประชาชนรู้จักทำมาหากินดีขึ้น มีดังนี้ครับ 1. ทรัพยากร 2. การผลิต 3. การตลาด 4. การค้าขาย 5. เรื่องดีมาน ซัพพลาย 6. เรื่องหนี้ 7. การลงทุน ไม่มีในพระคัมภีร์พุทธเลย เพราะอะไร ? เพราะยุคกำเนิดพุทธศาสนานั้น สังคมไม่เหมือนทุกวันนี้ ทุกวันนี้มีวิทยาศาสตร์ หรือ ศาสตร์[Science] ...แต่นักวิทยาศาสตร์ยุคนี้ หรือยุคไหน ล้วนเป็นคนพุทธทั้งนั้นแหละครับ รู้ไหม ?
แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนครับ มาดูภาพต่อไปนี้ก่อน แล้วดูว่าเป็นอะไรนะครับ
- ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
วันที่ 3 กันยายน 2558 เวลา 09.09 น.
ความเห็นที่ 75
ภาพประวัติศาสตร์ : นี่คือ First Viceroy/Governor General of India : Warren Hasting ผู้ปกครองคนแรกของอินเดีย ยุคอาณานิคมอังกฤษ ระหว่างปี 1772 – 1948 [2315 – 2491] อีกด้าน ภาพภริยาของเขา จากอังกฤษ ให้ดูมาดผู้ทรงอำนาจเหนือประเทศล้าหลังที่ใหญ่โตเช่นอินเดีย หน้าตาก็บอกถึงอารยธรรมที่เหนือชั้นกว่า ปกครองอินเดีย มาเสวยสุขเหนือประเทศที่มีพลเมืองกว่า 400 ล้านคนเป็นที่ 2 รองจากจีน อยู่ถึง 176 ปี จึงได้คืนเอกราชให้ไป
สิ่งที่เห็นจากภาพนี้ คือ Viceroy หรือผู้ปกครองประเทศอินเดียคนที่ 1 ของประเทศอังกฤษ ยุคที่ได้อินเดียมหาศาลเป็นเมืองขึ้น ชื่อ Warren Hasting [วาร์เรน แฮ็ทธิง] ภาพถัดไปเป็นศรีภริยาของท่านผู้นี้ ภาพคู่นี้ปรากฎในสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ มาตั้งแต่เดิมในประเทศอินเดีย เป็นภาพที่แสดงบุคคลิกภาพของมนุษย์ที่มีสง่าราศี เทียบเท่าเทพเจ้าของอินเดียเลยละ ดูผิวพรรณเขานะครับ นวลนุ่ม ดูสายตาที่บ่งถึงความกรุณาปรานี ดูเครื่องนุ่งห่มและที่เอามาประดับกาย ดูเสื้อคลุมผืนดำใหญ่ มีอัญมณีเป็นปล้อง ๆ เรียงลงมา ดูแขนที่วางบนพนักเก้าอี้ และดูนิ้วมือสิครับ โอ้โฮ เป็นนิ้วที่บอกไปถึงชีวิตเลยละ และดูภริยาของเขา เมื่อวางรูปไว้ใกล้ ๆ กัน อังกฤษต้องการให้คนอินเดียดูและมองว่า นี่คือเทพเจ้า ผู้ยิ่งใหญ่ไปกว่า อิศวร - อุมา หรือกฤษณะ - ปาราวดี เสียอีก และแน่ละ คนอินเดียเชื่อเช่นนั้นอยู่ไม่น้อย จึงเชื่อฟังอังกฤษอย่างดีไงครับ ยอมเป็นบริวารผู้จงรักภักดีไปถึง 176 ปี ครั้นได้เอกราชก็ยังซื่อตรง ยอมเป็นหนึ่งในประเทศในเครือจักรภพโดยดี พร้อมความนิยมอย่างสูงว่าสหราชอาณาจักรเป็นเจ้านายผู้วิเศษจริง ๆ มาจนถึงทุกวันนี้
และเมื่อมองสายตาเขา ไปยังพม่า แน่ละเมื่อได้เป็นเจ้าอินเดียแล้ว ความคิดของเขาก็เลยไปถึงพม่าในทันที และ 52 ปีต่อมา อังกฤษก็รุกเข้าไปในพม่า แล้วเขมือบพม่าไปอย่างสมบูรณ์ในพ.ศ. 2428
- ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
วันที่ 3 กันยายน 2558 เวลา 11.00 น.
ความเห็นที่ 76
เอาภาพให้ดูอีก ช่วยออกความเห็นด้วยนะครับ
- ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
วันที่ 3 กันยายน 2558 09.30 น.
ความเห็นที่ 77
นี่คือภาพ ใต้ฝุ่นนากิส ที่เข้าไปทำลายพม่า เมื่อ 3 พ.ค. 2551 มีรายงานจากต่างประเทศว่า คนพม่าตาย 130,000 คน แผ่นดินพม่าเป็นโคลนเต็มไปหมด ซากศพผู้เสียชีวิตกองกันกลาดเกลื่อน แต่รัฐบาลพม่ากลับไม่รู้สึกอะไรต่อเหตุการณ์นี้เลย
Nargis นากิส
มีรายงานภาคภาษาอังกฤษว่าดังนี้ครับ
On 3 May 2008, Cyclone Nargis devastated the country when winds of up to 215 km/h (135 mph)[52] touched land in the densely populated, rice-farming delta of the Irrawaddy Division.[53] It is estimated that more than 130,000 people died or went missing and damage totalled 10 billion dollars (US$); it was the worst natural disaster in Burmese history. The World Food Programme report that, "Some villages have been almost totally eradicated and vast rice-growing areas are wiped out."[54]
The United Nations estimates that as many as 1 million were left homeless and the World Health Organization "has received reports of malaria outbreaks in the worst-affected area."[55] Yet in the critical days following this disaster, Burma's isolationist regime complicated recovery efforts by delaying the entry of United Nations planes delivering medicine, food, and other supplies. The government's failure to permit entry for large-scale international relief efforts was described by the United Nations as "unprecedented."[56]
ทำไมคนพม่า รัฐบาลพม่าที่ทำตนเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา (ถึงขนาดเอาเรื่องอังกฤษไม่ถอดรองเท้าเข้าวัด มาปลุกระดมคนพม่าให้ต่อต้านจนทหารอังกฤษต้องถอดรองเท้าเข้าวัด) ซึ่งเป็นศาสนาแห่งความเมตตาอันบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ในโลก จึงไร้การกระทำที่สอดคล้องไปตามหลักการนี้ ในเมื่อขณะนั้นประชาชนนับแสน นับล้านคน และบ้านเรือนของพวกเขาประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง ที่ผู้เป็นมนุษย์คนหนึ่งย่อมทนอยู่ไม่ได้ ที่จะยื่นมือไปช่วยผู้ตกทุกข์ยากไร้เหล่านั้น นั่นเป็นวิถีชาวพุทธอยู่โดยปกติแล้ว สหประชาชาติ ได้ระบุว่า(ดูข้างต้นนะครับ) รัฐบาลพม่าไม่ได้ยินดีในการต้อนรับความช่วยเหลือจากสหประชาชติ โดยถ่วง ให้เครื่องบินที่ขนเครื่องมือแพทย์ ยา และอาหาร ที่จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยากเหล่านั้นอย่างเนิ่นนาน รัฐบาลไทยขณะนั้คือรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ก็ได้ประสบปัญหาที่รัฐบาลพม่าไม่ยอมให้ประเทศอื่นเข้าไปประเทศของเขาในขณะนั้น จึงมีแต่รอ จนอาหาร และเครื่องบริโภค หลายส่วนเน่า เสียหายไป แต่ในที่สุดสหรัฐอเมริกา และสหประชาชาติก็ให้พม่าเปิดประเทศรับความช่วยเหลือจนได้
แต่นี่ พม่าเป็นอะไร ?
เป็นเผด็จการครับ ที่ไร้น้ำิจิตน้ำใจอย่างยิ่ง
ไม่สมกับเป็นประเทศพุทธศาสนาที่มีเจดีย์ชเวดากอง เป็นศูนย์รวมจิตใจชนทุกชั้นทั่ประเทศ
ไม่มีจิตใจแม้จะเป็นจิตใจมนุษย์ หรือคนธรรมดา
และไม่มีจิตใจ ประชาธิปไตย
คือจิตใจประชาธิปไตย นั้น เขาจะมองคน ทุกคนอย่างมีคุณค่า เป็นคน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เหมือนกันหมด
และเขาจะไม่ไปวัดคุณค่า ว่าเป็นคนต้อยต่ำ ด้อยความรู้ ด้อยการศึกษา หรือสำนวนคนไทยวันนี้ว่า คนไม่มีคุณภาพ เป็นอันขาด
ประชาธิปไตย ไม่มีคำว่า คนไม่มีคุณภาพ
มีแต่คนเหมือนกันหมด และเพราะคตินี้ คนประชาธิปไตยทุกคนมีสิทธิปกครองตนเอง มีเสียงตนคนละ 1 เสียงเสมอไป ถึงคุณจะเรียนหนังสือมาแค่ ป.4 แต่คุณก็มีค่าเท่ากับคนเรียนจงปริญญา แต่ถ้าคนเรียนจบ ด๊อกเตอร์ หรือเป็นศาสตราจารย์ แล้วมาออกทีวีว่าคนอื่นว่าเป็นคนไม่มีคุณภาพ นั่นคือ ดร.คนนั้น ศาสตราจารย์คนนั้นแหละโง่ ไม่เข้าใจประชาธิปไตยเลย โง่กว่าชาวบ้าน ชาวไร่ชาวนาเสียอีก และรัฐบาลเผด็จการทหารไทยที่ทำรัฐประหาร ก็เชื่อตามไปเช่นนี้ตลอดมา ประชาธิปไตยไทยจึงพอตั้งขึ้น ก็มีคน พรรคมาว่ารัฐบาลของคนไม่มีคุณภาพ สส.ไม่มีคุณภาพ รัฐมนตรีไม่มีคุณภาพ คนอีสาน คนเหนือเป็นคนไม่มีคุณภาพ ก็ได้รัฐบาลที่ไม่มีคุณภาพ แล้วไปบอกว่าคนกรุง ที่เป็นคนฉลาด มีคุณภาพ ต้องตั้งรัฐบาลใหม่
แบบนี้ประชาธิปไตยไทย จึงเจอมาร ไม่มีการพัฒนาไป ไม่มีโอกาสเดินหน้า สร้างวิถีประสบการณ์แห่งระบอบ จึงต้องให้โอกาสเดินหน้าไปสู่ที่ดีกว่าเดิม โดยวิถีประชาธิปไตยนั่นแหละ ทำไปตามระบอบของประชาธิปไตยเท่านั้นเอง
แล้วอีกเหตุการณ์หนึ่ง มีการเลือกตั้งในพม่า วันที่ 27 พฤษภาคม 1990(2533)
<<< ในวันที่27 พฤษภาคมค.ศ. 1990 มีการเลือกตั้งทั่วไปตามที่รัฐบาลสัญญาไว้ แต่ชัยชนะอย่างล้นหลามกลับเป็นของฝ่ายค้านคือพรรค NLD (*) ซึ่งได้ที่นั่งทั้งหมดถึง ร้อยละ 81 คือ 392 ที่นั่งจาก 492 ที่นั่งในสภา แต่รัฐบาลก็กลับลำโดยไม่รับรองผลการเลือกตั้ง และจับกุมนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้นักการเมืองฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยหนีการจับกุมมายังชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศไทยมากขึ้นอีก จากเหตุการณ์ข้างต้นทำให้ประชาคมโลกประณามการกระทำาของรั ฐบาลพม่า ประเทศตะวันตกดำเนินนโยบายควำบาตรและตัดความช่วยเหลือต่าง ๆ ลงไป >>>...[จากข้อเขียนนักประวัติศาสตร์ไทยเรื่อง ประวัติศาสตร์การเมืองพม่า]
และองค์การสหประชาชาติก็ได้จัดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ให้พม่า อีกประเทศหนึ่งครับ ลาว พม่า จึงแย่มาก
ทำไมรัฐบาลพม่าจึงทำอย่างนั้นล่ะครับ ? ประชาชนเลือกฝ่ายค้านท่วมท้นถึงขนาดนั้น จะไม่รับรองเขาได้อย่างไร จะไปว่าประชาชนผู้ที่เลือกฝ่ายค้าน คนไม่มีคุณภาพ อย่างนั้นหรือ ? แล้วคุณเอง มีคุณภาพหรือไม่ อย่างไร ใครเป็นคนวัด ? จะให้เป็นตัวอย่างสำหรับรัฐบาลทหารไทยขณะที่กำลังร่างรัฐธรรมนูญอยู่วันนี้ละกระมั้ง ?
เดี๋ยวก็เกิดจลาจลส่งผลเสียทางเศรษฐกิจ ให้ไทยถูกจัดเป็น 1 ใน 10 ประเทศยากจนที่สุดในโลกอีกประเทศหนึ่งต่อไปอีกหรอก
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายวิจัยประชาธิปไตย
วันที่ 4 กันยายน 2558 11.25 น.
ความเห็นที่ 78
นายพลเนวิน ทำพม่าตกต่ำทางเศรษฐกิจ เพราะครองอำนาจถึง 26 ปี จนพม่าเป็นประเทศ LCD หรือ Least Developed Country [Fourth worlds] ขององค์การสหประชาชาติ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพียง 200 เหรียญสหรัฐต่อปี
นักวิชาการระบุไว้อย่างนี้ครับ
Indexratings of all countries in the world. A country is classified as a Least Developed Country if it meets three criteria [1]based on:-low-income(three-year averageGNIper capita of less than US $750, which must exceed $900 to leave the list)-human resource weakness (based on indicators of nutrition, health,education and adult literacy
) and- economic
vulnerability
(based on instability of agricultural production, instability of exports of goods and services, economic importance of non-traditionalactivities, merchandise export concentration, and handicap of economic smallness, and thepercentage of population displaced by natural disasters).
<<<ช่วงเวลาสามเดือนตั้งแต่กรกฎาคม – กันยายน ค.ศ.1988 เป็นช่วงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของพม่า ซึ่งทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพม่าถือเป็นหมายเหตุของการเมืองพม่ายุคใหม่ นักศึกษาพม่าได้มีบทบาทอีกครั้งหลังจากการเรียกร้องเอกราช ในการนำทั้งพระสงฆ์ ประชาชนลุกขึ้นมาประท้วงต่อต้านระบบทหารของนายพลเนวิน และเรียกร้องให้พม่าเปลี่ยนแปลงสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
การประท้วงใหญ่ เมื่อ 8 สิงหาคม (และ 8 กันยายน) ปี 1988 ตามหมายเลข 8 อันเป็นมหามงคลของฝ่ายประท้วง มีคนเข้าร่วมขบวนนับเป็นล้านคน เพื่อบีบให้นายพลเนวินยอมรับความผิดพลาดในการบริหารประเทศที่เขาครองอำนาจมาถึง 26 ปี ทำให้พม่าซึ่งเคยเป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากร ต้องกลายเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ยากจนที่สุดขององค์การสหประชาชาติ มีฐานะเป็น LCD หรือ Least Developed Country มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพียง 200 เหรียญสหรัฐต่อปี ในขณะที่ไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเท่ากับ 1 พันเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 1988 (ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, 2544: 84)
นายพลเนวินต้องลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคโครงการสังคมนิยมพม่าหรือ BSPP พร้อมๆ กับการลาออกของประธานาธิบดีซันยุ แล้วตั้งนายพลเส่งลวินที่มีชื่อเสียงในการปราบปรามนักศึกษาและประชาชนขึ้นมาครองอำนาจช่วง 27 กรกฎาคม – 12 สิงหาคม ซึ่งในช่วงเวลาระยะสั้นๆ นี้ เส่งลวินสั่งยิงนักศึกษาประชาชนอีก 3,000 คน จากนั้นบรรดาผู้นำนักศึกษาก่อการประท้วงอีกในวันที่ 8 สิงหาคม จนทำให้รัฐบาลเส่งลวินล้มลง >>>
พม่า กับประวัติศาสตร์พม่า ดูค่อนข้างสับสนมากนะครับ เห็นได้ว่า คณะรัฐมนตรีพม่า ทหารพม่า ประชาชนพม่า เคร่งครัดในวัฒนธรรมพุทธอย่างมาก มีเจดีชเวดากอง เป็นที่รวมจิตใจของคนทุกชั้น ยังมีสำนักหรือวัดที่นำการปฏิบัติธรรมพุทธอย่างเข้ม จนประเทศพุทธใกล้เคียงเลื่อมใส ส่งพระไปร่ำเรียนกรรมฐานตามแบบอย่างอันเคร่งครัดของครู อาจารย์กรรมฐานของพม่านั้น
แต่เมื่อประเทศเผชิญเหตุการณ์ ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ และทั้งภัยธรรมชาติ เช่น เจอนากิส ถล่ม การปฏิบัติในเชิงแก้ปัญหา กลับเหมือนคนบ้า ที่ไร้ร่องรอยของความเป็นประชาธิปไตย แม้ความเป็นคนไปอย่างสิ้นเชิง
ครับ ค่อยดูกันไปครับ
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายวิจัยประชาธิปไตย
วันที่ 4 กันยายน 2558 เวลา 20.25 น.
ความเห็นที่ 79
เมื่อสรุปตามที่ผู้เชี่ยวชาญคอมมิวนิสต์เขาสรุปว่ามีประเทศคอมมิวนิสต์โลกเหลือเพียง 5 ประเทศเท่านั้นแล้ว [นายฝรั่งชื่อ Matt Rosenberg ซึ่งมีคำบรรยายใต้ภาพแกว่า Geography expert แกว่ามีประเทศคอมมิวนิสต์เหลืออยู่ในโลกเวลานี้แค่ 5 ประเทศเท่านั้นเอง คือ จีน คิวบา ลาว เกาหลีเหนือ และ เวียดนาม เท่านั้นเอง]
เราก็มาถึงเวียดนาม ครับ
และได้ข้อสรุปลงทันทีว่า ยากที่จะเป็นประชาธิปไตย และก็เสี่ยงต่อการที่จะนำประเทศไปสู่ โลกที่ 4 ขององค์การสหประชาชาติ คือ ประเทศที่ยากจนที่สุดของโลก นั่นเองครับ
ดูภาพเรื่องราวของประเทศนี้ ในวันที่ 2 กันยายน 2558 วันที่ตั้งประเทศมาได้ 70 ปี เป็น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม บางที่ก็ว่ามี 2 ชื่อ อีกชื่อคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม อีกชื่อคือชื่อเดิม ว่า เวียดนาม
เวียดนาม วันนี้ โดยท่านประธานาธิบดี เติ่น ซาง ที่เป็นประธานการชุมนุมใหญ่ ท่านก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องประชาชนประชาธิปไตย แต่ก็เป็นเช่นนั้น เพราะประเทศนี้เป็นคอมมิวนิสต์ ไงครับ
แต่ประเทศที่ยืนยันหรือพูดมาตลอด แม้มีรัฐบาลเผด็จการทหาร ทหารที่ทำรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตย มา ก็ยังต้องพูดถึงการเลือกตั้ง ว่าจะต้องมีการเลือกตั้งไวไวนี้ โดยเข้าใจว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วก็จะเป็นประชาธิปไตย
ซึ่งมันไม่ใช่จะเป็นได้ดั่งนั้นครับ
ประชาชนเรา แม้กระทั่งนักการเมืองเรา นักวิชาการเรา โดยเฉพาะนักการทหารเรา ยังมีความรู้น้อยมากในเรื่องขบวนการประชาธิปไตย ในนัยะความหมายของการสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นนั้น มันไม่ใช่เรื่องปุ๊บปั๊บ จะสำเร็จลง
เราต้องให้มีการศึกษา เรียนรู้ ประชาธิปไตย และลงทุนสร้างพื้นฐานประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างยิ่งใหญ่ ครับ
เราต้องกลับไปสร้าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งครับ และเราต้องไปดูหลักสูตรทหาร จปร. ว่าเขาสอนเรื่องการปกครองประเทศโดยอารยธรรมใหม่ไว้หรือไม่ ?
- ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
วันที่ 6 กันยายน 2558 เวลา 05.25 น.
ความเห็นที่ 80
มาสู่บทสรุปโดยภาพนี้ครับ
ทุกวันนี้ โลกมนุษย์กำลังทำสงครามโลกกันอยู่ครับ แต่ลักษณะของสงครามได้เปลี่ยนรูปไปแบบที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เหมือนที่เคยรบกันมาในสงครามคราวที่แล้ว ๆ โดยเฉพาะยุคสงครามโลก ครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ที่จบลงด้วยระเบิดมหาประลัยปรมานู ทิ้งลงที่ประเทศญี่ปุ่น
ไม่เหมือนสงครามหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เรียกกันว่าสงครามเย็นหรือ cold war ครับ
แต่เป็นสงครามเศรษฐกิจ ที่ขณะนี้มีสู้รบกันอย่างหนัก ชัดเจนอยู่ 2 ฝ่าย คือ คอมมิวนิสต์จีน กับประชาธิปไตยสหรัฐอเมริกา หรือโลกคอมมิวนิสต์-เผด็จการ สู้กับโลกประชาธิปไตย
ไทยเลือกที่จะอยู่ข้างประชาธิปไตยครับ
โดยมองเห็นชัดเจนว่า จะต้องชนะเผด็จการ และคอมมิวนิสต์ แม้ในสงครามเศรษฐกิจโลกขณะนี้ โดยวิถีทางประชาธิปไตย
แต่ที่เราได้เห็นแล้วว่าเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ไปแล้วในสงครามเศรษฐกิจโลกยุคใหม่นี้ก็คือ พม่า กับ ลาว ไงครับ เมื่อพ่ายแพ้ไปแล้ว เขาก็โยน 2 ประเทศนี้ไปอยู่ในโลกที่ 4 เป็นประเทศโลกที่ 4 ของโลกไป
นี่คือสงครามยุคใหม่ครับ ที่เราจะต้องเรียนรู้และศึกษายุทธศาสตร์แบบใหม่กันอย่างรวดเร็วและตั้งใจศึกษาอย่างสุขุม รอบคอบ และลึกซึ้ง จึงจะชนะ นั่นคือยุทธศาสตร์สงครามแบบประชาธิปไตย ครับ
ต่อไปภาค 8 เลยนะครับ
- ผู้แสดงความคิดเห็น นายวิจัยประชาธิปไตย
วันที่ 7 กันยายน 2558 เวลา 06.30 น.
โปรดคลิกติดตามต่อไป
กระทู้ 1:เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 1
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 2
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 3
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 4
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 5
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 6
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 7
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 8
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 9
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 10
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 11
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 12
กระทู้ 2: ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 1
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 2
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 3
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 4
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 5
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 6
ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 7