ReadyPlanet.com
dot dot
bulletBUDDHISM to the NEW WORLD ERA
bullet1.Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Luxemberg-ลักเซมเบิร์ก
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet117.Lukanda-ลูกันดา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
bulletMystery World Report รายงานการศึกษาโลกลี้ลับ
bulletสารบาญโหราศาสตร์
bulletหลักโหราศาสตร์ว่าด้วยดวงกำเนิดและดวงฤกษ์รวมคำตอบคลี่คลายปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำนายชะตาชีวิต
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบนี้(เริ่ม ก.พ.55)
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น1
bulletประชาธิปไตยเท่านั้น 11
bulletทุกความคิดเห็นจากหน้า1(ก่อน ก.พ.55)
bulletทุกความคิดเห็นจากเวบบอร์ด(ถึงก.พ.55)
bulletภาค 11
bulletภาค 12
bullet54.Hmong ม้ง
bullet133.แอลเบเนีย
bullet133.แอลเบเนีย
bulletหน้าที่เก็บไว้




กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 8

กระทู้ 1 :  

เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 1  
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 2
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 3
เพื่อ ประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 4
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 5 
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 6 
เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 7

 

เพื่อ ประชาธิปไตย เท่านั้น ภาค 8 

 

 

 

 

 ความเห็นที่  81

 

 ขึ้นภาค 8 แล้วครับ  

 

มาอ่านภาพกันต่อนะครับ ตีความแล้วเข้าเรื่องหรือไม่ อย่างไร ?

เอาภาพนี้ก่อนนะครับ

 

 

 

    

 

 

ภาพแรกชื่อว่า  หมาป่าฝรั่งเศสกับแผ่นดินลูกแกะสยาม  ตอนฝรั่งเศสได้ลาวแล้วก็มองข้ามฝั่งโขงมายังไทย  ฝรั่งตะวันตกเอาไปเขียนเป็นการ์ตูนล้อในหนังสือพิมพ์ว่า  ฝรั่งเศสเป็นหมาป่า  มองข้ามฝั่งโขงมาเห็นลูกแกะตัวเล็ก ๆ ไม่ประสีประสา ก็อยากจะข้ามมา....แต่ไม่ได้มา 

 

3 ภาพต่อมา  ภาพ  โจโฉ ครับ   คิดว่าอย่างไรล๋ะครับ ?  ภาพแรกมีตัวอักษรจีนอธิบาย  ก็เรื่องสามก๊กจีน ยุคคริสต์ศักราช 200 กว่าปี  แล้วก็ภาพโจโฉนั่งบนบัลลังก์  และอีกภาพตอนเป็นหนุ่มนักรบ 

 

โจโฉยกทัพไปด้วยกองทัพจำนวน มากกว่าร้อยหมื่นคน  สำนวนไทยว่าอย่างนั้นครับ  ก็ร่วมล้านคนนั่นแหละ  (ตัวเลขร้อยหมื่นก็เขียนอย่างนี้ครับ 100,0000 เท่ากับ 1,000,000  คน) จะไปตีเมืองเกงจิ๋ว หรือกังตั๋งของซุ่นกวน แล้วตามล่าเล่าปี่ให้สิ้นโคตร ซุ่นกวนกลัวก็ไปคบกับเล่าปี่และขงเบ้ง ส่วนเล่าปี่กับขงเบ้งก็คิดให้ซุ่นกวนเป็นพันธมิตร   และคิดว่าจะได้ปัญญาขงเบ้งมาช่วยรบกับโจโฉ   ก็ไม่ผิดหวังครับ  เพราะจิวยี่ แม่ทัพเอกแห่งเกงจิ๋ว  มีกองทัพรวมแค่แปดหมื่นคน  (80,000 คน)   แล้วจะสู้หรือรักษาเมืองไว้ได้อย่างไร

 

โจโฉก็ไปพลาดตอนอุยกายไปขอสวามิภักดิ์โจโฉนั่นเอง   พบ  ก็เชื่ออุยกาย ว่าถูกจิวยี่เฆี่ยน 100 ครั้ง หาว่าอุยกายขลาดเกรงกลัวกองทัพร้อยหมื่นคนของโจโฉ และเห็นว่าโจโฉมีอานุภาพเกินคน เกินกษัตริย์ธรรมดา ๆ    ก็รับอุยกายไว้เป็นแม่ทัพ  อุยกายก็เสนอยุทธศาสตร์สำคัญให้เอาโซ่ร้อยลำเรือรบเข้าด้วยกันทุกลำ ทำให้เรือที่เรียงร้อยกันแล้วเหมือนแผ่นดินใหญ่ ทหารก็ไม่เมาคลื่นเหมือนเดิม  โจโฉก็ลืมตาโพลงเลยว่าเป็นความคิดดีแท้ ๆ ฝ่ายแม่ทัพทั้งหลายก็ยิ้มแย้มออกท่าทางชื่นชมเห็นด้วยพร้อมสรรเสริญว่าโจโฉมียอดอุบายดีจริง ๆ    แต่มีนายทัพคนหนึ่งท้วงว่าเมื่อกองทัพจิวยี่มาถึงอาจจะใช้ไฟ และ ไฟจะไหม้หมู่เรือและจะหนีลำบาก  โจโฉก็ตวาดว่า ไฟจะไหม้เรือเราได้อย่างไร ในเมื่อเป็นฤดูหนาวอยู่ มีลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดไปทางจิวยี่ หากมันมาไฟแหละจะไหม้กองทัพจิวยี่เอง  

 

ในหนังเห็นโจโฉโกรธมาก ที่มีแม่ทัพคนนั้นขัดแย้งความคิดของตัว ก็ชักหอกออกมาแทงกลางอกแม่ทัพคนนั้นล้มตายไปต่อหน้าทหารทั้งหลาย ตวาดซ้ำอีกว่าโง่ไร้ความคิด ไม่รู้ดินฟ้าอากาศ แล้วก็ให้แม่ทัพไปดำเนินการทันที ตามแผนที่อุยกายซึ่งแท้จริงเป็นใส้ศึกฝ่ายจิวยี่ บอกจนแล้วเสร็จลง และชื่นชมว่าทหารเราไม่เมาคลื่นอีกแล้ว  ขวัญและกำลังใจรบล้นฟ้าเลยทีเดียว  แล้วนัดแนะกับอุยกายว่า ให้กลับไปเอาทหารของตนกลับมาอยู่กับโจโฉ อุยกายก็กลับไป รอวันที่จะมาอีกครั้ง  แต่จะเอากองเรือบรรทุกฟางชุ่มด้วยน้ำมัน มาเผากองทัพเรือโจโฉ ไม่ใช่มาสวามิภักดิ์  

 

ฝ่ายจิวยี่ก็ล้มป่วยเพราะแผนที่จะเผาเรือโจโฉต้องอาศัยลมอาคเนย์พัดทวนกลับกระแสลมตะวันตกไปทางกองทัพเรือโจโฉจึงจะทำได้  ขงเบ้งก็ไปพบบอกว่าตนเก่งจะทำพิธีเรียกลมอาคเนย์ให้ จิวยี่ไม่มีทางก็ขอให้ขงเบ้งทำพิธีใหญ่เพื่อเรียกลม  ขงเบ้งสั่งอะไรก็ทำตามหมด  แล้วลมสลาตันที่พัดทวนไปยังกองทัพเรือโจโฉก็มาจริง ๆ (ที่จริงเป็นลมตามฤดูกาลที่ขงเบ้งคำนวณไว้แล้วว่าจะมาในวันและเดือนนั้น แต่ไปหลอกจิวยี่ว่าตนเป็นผู้วิเศษสามารถเรียกลมได้ เหมือนกับ วาร์เรน แฮ็ทธิง ไปหลอกคนอินเดียสี่ร้อยล้านให้เชื่อว่าเขาเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพระอิศวรเสียอีก ก็เลยได้อินเดียเป็นเมืองขึ้นอังกฤษโดยง่าย)  ครั้นลมมา ธงศึกพลิ้วกลับทิศไปเช่นนั้น ก็โห่ร้องกันทั้งกองทัพจิวยี่ อุยกายก็นำกองเรือบันทุกฟางชุบน้ำมันไปยังกองทัพโจโฉ ทำท่าว่ามาตามนัด  ฝ่ายโจโฉก็เห็นลมสลาตันพัดมาก็สงสัย พอดีที่ปรึกษาชื่อเทียหยก เตือนว่าอุยกายน่าจะไม่ซื่อ ให้หยุดอุยกายไว้ก่อน  โจโฉจึงเห็นนด้วยและให้แม่ทัพสั่งอุยกายหยุดอย่างเพิ่งเข้ามา  แต่อุยกายชักอาวุธออกมาให้เผาเรือฟางพุ่งใส่เรือโจโฉอย่างเร็ว  หยุดไม่ได้เสียแล้ว ...  และเพลิงก็ไหม้ขึ้น  

 

กองทัพเรือโจโฉ ก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปทั้งกองทัพ  เพราะโจโฉเองไปเชื่อใส้ศึกให้เตรียมเอาไว้สำหรับให้เพลิงเผาอย่างเต็มที่ไว้แล้ว โดยผูกเรือเข้าด้วยกันด้วยโซ่เหล็ก ขยับไม่ได้เสียแล้ว      ...    กองทััพร้อยหมื่นก็กลับพ่ายแพ้กองทัพแปดหมื่นลงอย่างง่ายดาย  

 

แล้วโจโฉก็หนีครับ  ทหารร้อยหมื่นตายไปเกือบหมด  

 

ไปตามทางก็หัวเราะขึ้น 3 ครั้ง   ครั้งแรกก็ว่าเราเพลี่ยงพล้ำมาปานนี้หากข้าศึกเรามันมีปัญญาหน่อยมันก็ต้องส่งกองกำลังมาที่ภูผานี้และรุกเราตรงนี้  แต่นี่มันโง่ในเชิงกลยุทธจริง ๆ  ก็หัวเราะ........พอสิ้นเสียงหัวเราะ   จูล่ง ก็มาโห่ร้องขึ้นไล่ต้อนโจโฉ  ฆ่าทหารโจโฉไปอีกครึ่งหนึ่ง   จูล่งก็ปล่อยไป    

 

แล้วไปอีกที่หนึ่งเป็นทางสองแยก นายทัพก็บอกว่าทางขวามือมีควันดำพลุ่งโพลง เกรงว่าจะมีข้าศึก  ส่วนทางซ้ายมือไม่มีอะไร  ขอให้โจโฉไปทางซ้ายมือเถอะ   โจโฉก็หัวเราะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  ว่าเจ้ามันโง่ พอ ๆ กับข้าศึกนั่นแหละ  ข้าศึกมันนึกว่าจะทำอุบายหลอกเราได้  มันสุมไฟไว้ทางขวามือเพื่อหลอกเราว่ามีกองทัพอยู่แล้วเราก็ไม่กล้าไป  แต่ที่จริงมันไปซุ่มอยู่ทางซ้ายมืออย่างสงบเงียบให้เราตายใจ แต่เราหรือจะไม่รู้ทันแล้วโจโฉก็ระเบิดเสียงหัวเราะ   

 

แล้วโจโฉก็พาทหารเดินไปทางถนนขวามือที่มีกองเพลิงควันโขมงอยู่   ไปถึงก็หัวเราะเสียงดังลั่นอีกครั้งหนึ่ง โดยคิดว่าข้าศึกวางอุบายไว้หลอกจริง ๆ ซึ่งตนฉลาดรู้ทันเสมอ  แต่พอสิ้นเสียงหัวเราะ  เตียวหุยก็ออกมา โห่ร้องไล่ฆ่าฟันทหารโจโฉ ตายไปอีกครึ่งหนึ่ง  

 

โจโฉก็หนีไปอีก  แล้วทีนี้ก็ไปหัวเราะครั้งที่ 3  เรื่องเล่้าไว้ว่าโจโฉหัวเราะอีกครั้งว่าตรงนี้เป็นเส้นทางคับแคบ และมีน้ำขังตามทาง เดินไม่สะดวก หากข้าศึกมันมีความคิดดีเป็นยอดนักรบมันต้องเอาทหารมาซุ่มอยู่เส้นทางนี้  ก็อาจทำร้ายเรา ถึงเสียชีวิตได้  แต่พวกมันคิดอุบายเล่ห์กลศึกได้เพียงตื้น ๆ  คิดอย่างนี้โจโฉก็หัวเราะแต่ พอสิ้นเสียงหัวเราะ  กวนอูก็ออกมาพร้อมทหารมากมาย  โจโฉ ก็ยอมแพ้เลย ไม่สู้รบ เพราะไม่มีทางหนีไปได้ ไม่มีทางเอาชีวิตรอดไปได้เลย พอกวนอูเอาง้าวแปดสิบสองชั่งชี้หน้ามา  ก็ลงจากหลังม้า นั่งลงกับดินเปียกนองน้ำ ก้มกราบกวนอูและขอชีวิต  ขอให้กวนอูรำลึกถึงความหลังครั้งกวนอูอยู่ด้วยโจโฉ ๆ ก็ได้ให้ความอุปการะอย่างดี  ให้ปล่อยโจโฉไปเถิด    ความจริงขงเบ้งผู้วางแผนดักโจมตีโจโฉที่แตกทัพเรือไปแล้ว ต้องการให้กวนอูได้ชดใช้บุญคุณโจโฉ นั่นเอง  ต่อไปทำศึกจึงจะเด็ดขาด  และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของขงเบ้ง  กวนอูรำลึกถึงความหลังก็ปล่อยโจโฉไป  ไม่ตัดศีรษะเอาไปให้เล่าปี่ 

 

ครับ...........สามก๊กตอนนี้  เป็นตอนสบักสบอมอย่างที่สุดของโจโฉ จอมเผด็จการทมิฬครับและจะเห็นว่ากวนอูทำผิดหลักยุทธศาสตร์สำคัญของการทหาร นั่นคือไม่เผด็จชีพแม่ทัพใหญ่ฝ่ายศัตรูเสีย ในเมื่อเป็นความชอบธรรมของสงครามเช่นนั้น 

 

แต่ว่า   เรื่องราวตอนนี้  น่าสมเพชมากที่สุดก็เรื่องเสียงหัวเราะ นี่แหละ  

 

หรือคิดว่าอย่างไรอีกบ้างครับ ?

 

มีคนโง่ ๆ  แล้วอวดฉลาดแบบนี้อีกไหมในแผ่นดินปัจจุบัน  ?

 

 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น  สุไหงปาดี ชินะกุล
    วันที่ 14 กันยายน 2558  23.25 น.

 

 

 

 

 ความเห็นที่ 82

 

 

ภาพ 4 ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เขารัชมัว อักษรที่จารึกไว้ว่า 
Mount Rushmore National Memorial 
Shrine of Democracy
แปลว่า เขารัชมัวที่ระลึกแห่งชาติ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งระบอบประชาธิปไตย 

 

 

มีความจริงอยู่ทีเดียวครับ  ที่พูดกันทั่วไปในเมืองไทยเราว่า  สามก๊ก  นี้  สำหรับนักการเมืองแล้ว จะต้องอ่าน   และที่แน่นอนก็คือ  ขุนทหาร หรือแม้นักศึกษาทหาร จะต้องอ่าน    และแม้บุคคลที่ชื่อว่า  ทรราชย์  นั้นจะต้องเอาใจใส่อ่านเป็นพิเศษก็เรื่องของโจโฉ  นี่แหละครับ   เพราะโจโฉนี้  คือ  ทรราชย์ ที่แท้จริง

 

แกไม่ได้เป็นกษัตริย์ นะครับ  แกเป็นนายทหารใหญ่  ที่คุมกองทัพทั้งสิ้นและสามารถบริหารดำเนินแผนการทุกอย่างในด้านกองทัพ รวมทั้งศึกร้อยหมื่นทหารยกไปกังตั๋งและเสียที่ไปอย่างน่าสมเพชน่าอับอาย นั่นแหละครับ   ฉะนั้น แกจึงอยู่เหนือฮ่องเต้ ซึ่งโดยพฤติกรรมคำรามลั่น ทรงอำนาจเถื่อนเช่นนี้  ฮ่องเต้ต้องฟังคำสั่งแกอย่างไม่บิดพลิ้ว  ในขณะเดียวกัน โจโฉ ก็จะอ้างฮ่องเต้ หรืออ้างสถาบัน  ไปทำโทษทหารหรือใครก็ตามที่ไม่อยู่ในแนวทางของตน หรืออ้างด้วยประการต่าง ๆ ที่ตนได้ประโยชน์ ซึ่งโดยวิธีนี้โจโฉจึงกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจปานฮ่องเต้องค์หนึ่ง  แม้การนั่งบนบัลลังก์ดุจฮ่องเต้ก็ทำได้  นั่นเอง 

 

ต่อเมื่อสิ้นชีวิตลงแล้ว  โจผี  ลูกชายจึงขึ้นดำรงตำแหน่งจอมทัพหรือผู้บัญชาการทหารแทน  และโจผีนี่เองที่อยากเป็นฮ่องเต้เสียเอง จึงปลดฮ่องเต้ลงจากบัลลังก์ ล้มล้างระบอบกษัตริย์ลง  และยกตนขึ้นเป็นฮ่องเต้หรือกษัตริย์องค์ใหม่  ราชวงศ์ใหม่ ดังมีเนื้อความในสามก๊กว่า "โจผีปลดพระเจ้าเหี้ยนเต้และสถาปนาตนขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก่อตั้งราชวงศ์วุย"

 

ครับ   นี่คือเรื่องของ  ทรราชย์โจโฉ   ที่ทรราชย์ทุกยุคสมัย จะต้องศึกษา เอาแบบเอาอย่างตามก้นไป  จนถึงทุกวันนี้  ครับ

 

 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น   นายวิจัยประชาธิปไตย
    วันที่ 15 กันยายน 2558  09.50 น.

 

 

 

 ความเห็นที่ 83

 

   

 

ครับ  โจโฉ ผู้มีชีวิตอยู่ระหว่าง พ.ศ. 698 หรือ ค.ศ. 155  และตายลงใน พ.ศ.764  หรือ ค.ศ.221  (อายุ 66 ปี)  นอกจากเป็นเจ้าอุบายเดินแผนทรราชย์ได้ดีตลอดชีวิตแล้ว  ยังเห็นได้ชัดเจนว่า เขาไม่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น  นักรบ  ด้วยซ้ำไป   จิตใจไร้สัจจะรักบูชาความเป็นนักรบ  เห็นได้จากการร้องขอชีวิตจากกวนอู อย่างไร้ศักดิ์ศรี นั่นอย่างไร  และเห็นได้จากการใช้อำนาจเถื่อนอย่างไร้ความเป็นคน ได้มีการสังหาร อย่างให้สิ้นสกุล  ได้สังหารแม้กระทั่งแม่ทัพที่เคยร่วมรบกันมา พร้อมทั้งโคตรสกุลเขา  และแม้กระทั่งนางสนมของฮ่องเต้ และลูกในครรภ์ โดยไม่ยอมฟังคำขอร้องแม้กระทั่งฮ่องเต้ขอให้อย่าฆ่าเด็กในครรภ์ก็ไม่ยอม  นี่คือความคิด ที่ว่าฆ่าล้างเจ็ดชั่วโคตร เพื่อผลาญศัตรูให้เกลี้ยงสกุลนั่นเอง ....และซึ่งทรราชย์ยุคต่อมา  ก็เอาเป็นเยี่ยงอย่าง รวมทั้งทรราชย์ไทยด้วยครับ

 

 

และเมื่อเทียบกับ สงครามทรอย  ในประวัติศาสตร์ก่อนคริสตศักราช 1,250 ปี หรือก่อน พ.ศ. 710 ปี แล้ว  แม่ทัพ นักรบ ที่วงการทหารยุคต่อมาทั่วโลก โดยเฉพาะโรมันยกย่องเอาไว้ คือ  เฮกเตอร์ แห่งกรุงทรอย  และ  อาคิรีส แห่งกรีก  ที่สู้สงครามกันอย่างเป็นนักรบ  เป็นลูกผู้ชาย  และเป็นยอดอัศวิน    พอ ๆ กับ  ยอดอัศวินแห่งยุคกษัตริย์ อาร์เธอร์  ในกาลต่อมาที่สู้กับโรมันยุคโรมันเสื่อมอำนาจลงเป็นยุคสุดท้ายของจักรวรรดิ์โรมัน จนตั้งตนเป็นกษัตริย์แห่งงอังกฤษ  ที่ต่อมาเป็นเจ้าโลก เป็นจักรภพที่มีแดนดินที่อาทิตย์ไม่ตกดิน  .... เราจะเห็นความต่ำต้อยของโจโฉ อย่างที่ไม่สมควรที่จะให้คำชมเชยใดใดได้เลย

 

 

      

 

 

 

ม้าไม้ในภาพยนต์เรื่องสงครามทรอย ที่ข้าศึกทรอยแอบซ่อนอยู่ภายใน แล้วกษัตริย์ทรอยให้ขนโดยการชักลากเข้าประตูเมืองมา โดยเชื่อคำลวงของข้าศึกว่ามอบให้เป็นของขวัญก่อนถอยทัพกลับไป ซึ่งพอขนม้าไม้เข้าไปในเมืองแล้ว ตกกลางคืนแม่ทัพพลรบข้าศึกข้างในนั้นก็ออกมาจากม้าไม้นั้นทำการเปิดประตูเมืองให้ทหารข้าศึกเข้าเมืองได้  และยึด ทำลายกรุงทรอยด้วยเพลิง   จนเมืองทรอยราบเป็นหน้ากลองไปเลย  ซึ่งภาพการเผากรุงทรอยนี้ก็พอ ๆ กับซุ่นกวน-เล่าปี่ จิวยี่-ขงเบ้ง ทำลายกองทัพเรือโจโฉและทหารร้อยหมื่นของโจโฉจอมทมิฬ ด้วยไฟ จนพินาศเกลี้ยงไป   เช่นกัน   จนกรุงทรอยหายสาปศูนย์ไปจากโลก  ต่อมาจึงได้ขุดพบซากเมืองบริเวณที่ชื่อ ฮิซาร์ลิก ในเมืองคานัคเกล ทางตะวันตกของประเทศตุรกี ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วง 1,250 ปีก่อนคริสตกาล หรือ 717 ปีก่อนพุทธกาล โดยเราสามารถเห็นซากกำแพงและหอคอยของเมืองทรอยได้ในปัจจุบันนี้   และภาพสวยงามที่เห็นก็คือ เฮเลน กับเจ้าชายปารีส  ต้นเหตุของสงครามทรอยนั่นเอง มีคำอธิบายภาพว่า   ภาพวาด เฮเลนกับปารีส โดย ฌาคส์-หลุยส์ เดวิด  ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประเทศฝรั่งเศส (คือเฮเลน คนงามยิ่งนางนี้เดิมเป็นมเหสีของ เมเนลอส เจ้าเมืองสปาร์ตา  แต่พอพบเจ้าชายปารีสก็เหมือนดั่งว่าโดนมนต์มหาเสน่ห์ด้วยกันทั้งคู่ กลับมาชอบกับเจ้าชายปารีสแห่งทรอยและหนีไปอยู่กรุงทรอยด้วยกัน)

 

 

และยืนยันได้ว่าสงครามทรอยเป็นสงครามที่ทำลายเมืองทั้งเมืองด้วยการเผาด้วยเพลิงพินาศไปทั้งเมืองจริง ..... ตามที่ภาพยนต์แสดงเอาไว้

 

 

 

ภาพวาด เฮเลนกับปารีส โดย ฌาคส์-หลุยส์ เดวิด
ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประเทศฝรั่งเศส

 

 

อย่างไรก็ตาม มีข้อสรุปสามก๊กวันนี้ว่า  ระหว่างเวลา 60 ปีเกิดการต่อสู้ของสามก๊กนั้น ได้เกิดผลดีที่ทำให้ชนเผ่าต่าง ๆ ไม่อาจจะอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายได้ จำต้องเข้าสังกัดก๊กใดก๊กหนึ่งจนได้ เพื่อความรอดปลอดภัยของคณะ เชื้อชาติ เผ่าพันธ์ของตน   จนเกิดเป็นสามก๊กที่ใหญ่โต มีอาณาเขตมั่นคงกันทุกก๊ก  แล้วเมื่อแต่ละก๊กเสื่อมอำนาจลงไป  และมีก๊กที่เข้มแข็ง นั่นคือ ปราบปรามก๊กอื่นใต้อำนาจได้  จีนก็รวมตัวกันเป็นประเทศจีนประเทศเดียว  และกลายเป็นจีนคอมมิวนิสต์ในปัจจุบันนี้   ครับ(ชื่อว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน : People Republic of China  ความจริงคือชื่อ จีนคอมมิวนิสต์ นั่นเอง)   เหมือนแผ่นดินอินเดียนั่นแหละครับ  เมื่อมคธใต้อโศกมหาราชปราบปรามแผ่นดินทุกแผ่นดินในชมพูทวีปราบคาบ  อินเดียก็กลายเป็นประเทศเดียวที่ใหญ่ใตมโหฬาร  กลายเป็นประเทศอินเดียที่กว้างใหญ่ไพศาลในทุกวันนี้(ชื่อว่า สาธารณรัฐอินเดีย : Republic of India เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ถือว่า ควีนเอลิซาเบธ เป็นราชินี)

 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น นายวิจัยประชาธิปไตย
    วันที่ 16 กันยายน 2558  20.40 น.

 

 

 

 

 

 

 ความเห็นที่ 84

 

  

 

ถ้าเราเป็นคนที่สนใจประวัติศาสตร์และการเมืองสักหน่อย อ่านมาแล้วก็จะมีคำถามขึ้นมา   ดังนี้ครับ

สามก๊ก มันเป็นแผ่นดินที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างไร ? เมื่อมันเป็นอย่างที่มันเป็น มันเสียหายอย่างไร ?

 

และถ้ามันอยากจะเป็นประชาธิปไตย มันจะต้องทำอย่างไร ? และเมื่อมันได้เป็นประชาธิปไตย มันได้อะไรดีมาอย่างไร ?

 

 


ครับผม      มาดูภาพต่อไปนี้ก่อนนะครับ 

 

 

 

1 2 

3

 

 คำอธิบายภาพ     

ภาพที่ 1  ภาพโฆษณาหนังเรื่อง เอ็กโซดัส ก็อดส์แอนด์คิงส์ [EXODUS Gods and Kings]  ภาพนี้ได้มาจาก ฺ BBC.ไทยครับ เขาลงใน face book ของเขาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2014 (2557) ซึ่งมีเนื้อความบอกสั้น ๆ ว่า     

 

 

 

อียิปต์สั่งห้ามฉายภาพยนตร์ เอ็กโซดัส ก็อดส์แอนด์คิงส์ โดยเหตุที่สร้างเรื่องคลาดเคลื่อนจากพระคัมภีร์เอ็กโซดัส  โดยไม่ยอมรับข้อความที่ว่า โมเสสใช้ไม้เท้าทำอภินิหาริย์ แยกผืนน้ำออกจากกันเพื่อให้เป็นทางข้ามของชาวทาสจำนวนที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์คือ หกแสนคน ไม่รวมสตรีและเด็ก [Exodus 12/37] ที่ตามเขามาจากอียิปต์ (อย่างที่เห็นในหนังเรื่องบัญญัติสิบประการ [The Ten Commandments] นั่นแหละครับ  แต่ผู้สร้างหนังเรื่อง EXODUS Gods and Kings นี้เขาไม่เชื่อ เขาว่าไปอย่างอื่นตามหลักวิทยาศาสตร์ ส่วนกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนต์ของอียิปต์เห็นว่าไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์ EXODUS พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์(พอ ๆ กับ อัลกุรอาน ของชาวมุสลิมนั่นแหละ)   ก็ไม่ให้ฉาย

 

ลองดูข้อความในพระคัมภีร์คริสต์ เอ็กโซดัส(อพยพ) ว่าไว้อย่างไร   ว่าไว้ไว้อย่างนี้ครับ 

 

 

 

 

 

 

 

<<< Moses then stretched out his hand over the sea and the Lord moved the sea all night by a mighty east wind,  turning the sea into dry land. The water were divided and the Israelites went into the midst of the sea on dry ground. To their right and to their left the waters formed a wall for them.>>>[ EXODUS 14/21-22]   

 

 

    

 

 

<<<โมเสสยื่นมือของท่านออกไปเหนือทะเล และพระเจ้าก็ทรงบันดาลให้ลมทิศตะวันออกพัดโหมไล่น้ำทะเลตลอดคืน ทำให้ทะเลกลายเป็นดินแห้ง น้ำแยกออกจากกัน ชนชาติอิสราเอลก็พากันเดินบนดินแห้งกลางทะเล ส่วนน้ำนั้นตั้งเป็นเหมือนกำแพงสำหรับเขา ทั้งทางขวาและทางซ้าย >>>  

 

 

 ก็เดินข้ามได้ไงครับ  แล้วพอทหารตามมา ทหารไปถึงกลางทางน้ำก็ปิดท่วมทหารตายหมด  ดูหนังเรื่อง  The Ten Commandments ครับ 

 

 

 ประธานคณะกรรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ของอียิปต์กล่าวว่าในส่วนของเนื้อหาที่คลาดเคลื่อน มีอาทิตอนที่ชี้ว่าชาวยิวเป็นผู้สร้างปิรามิดและการแยกตัวของทะเลแดงเกิดจากแผ่นดินไหว แทนที่จะเป็นปาฏิหาริย์จากโมเสส...ข่าวว่าโมร็อกโคเป็นอีกประเทศที่ห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนกัน

 

 

คือในทัศนะของอียิปต์นั้นยังคงเชื่อมั่นในไบเบิลอยู่อย่างเต็มที่ (ทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันนี้ เรื่องราวในไบเบิล หรือ Holy Bible ถูกนักวิทยาศาสตร์ เช่นนักโบราณคดี  นักประวัติศาสตร์ นักชีววิทยา และนักวิทยาศาสตร์ทุกสาขาเขามาร่วมกันวิจัยพิศูจน์อย่างมีเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ไปทุกเรื่องที่เป็นอภินิหารย์ของพระเจ้า เช่นเรื่องพระเยซูในไบเบิลว่า ทรงฟื้นคืนชีวิต หลังจากสิ้นพระชนม์ลงบนไม้กางเขน  คือที่มี ว่าไว้ใน RESERECTION (การฟื้นคืนพระชนม์)นั้น แท้จริงพระเยซูไม่ได้ฟื้น และไม่ได้เหินฟ้าขึ้นสวรรค์ ไปนั่งเคียงพระยะโฮวา บนโซฟาร์ตัวเดียวกัน แต่อย่างไร  ถูกฝังอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งขอบเมืองเยรูซาเล็ม อิสราเอล นั่นเองโดยชาวคริสต์ทั่วโลกไม่รู้ว่าพระศพอยู่ใต้แผ่นดินนี่เอง ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ไปอย่างไร [และไม่ได้เป็นอย่างที่คัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลามเล่าไว้ คือมุฮำมัดเล่าว่า พระองค์อัลเลาะห์ ทรงมองเห็นเหตุการณ์ตอนพระเยูถูกปิลาต สั่งให้ทหารโรมนำไปผูกเสาโบยด้วยหวายต่อหน้ามหาชนคนดูตลอดคืนก่อนนำไปตรึงกางเขน จึงทรงมีพระเมตตา โดยที่พระเจ้ายะโฮวา ที่พระเยซูคร่ำครวญถึงตลอดมานั้นไม่ได้มองดูพระเยซูเลย  เพราะพระยะโฮวา ที่พระเยซูและชาวคริสต์ทั่วโลก เรียกว่า พระบิดานั้น แท้จริงไม่ใช่พระเจ้า เป็นเพียงเทวดาองค์น้อย ๆ องค์หนึ่งเท่านั้นเอง  พระเจ้าผู้ทรงอำนาจยิ่งใหญ่ที่แท้จริงคือองค์อัลเลาะห์ ๆ จึงทรงแก้ไขสถานการณ์ให้ โดยสับเปลี่ยนตัวบุคคลไปแทนพระเยซูเสีย ปลดปล่อยพระเยซูไป ให้ตัวแทนแบกไม้กางเขนแทนพระเยซูไป จนถึงจัดการตอกมือ ตอกเท้าเข้ากับกางเขน และเอาขึ้นตรึงกางเขนจนสิ้นชีพลงบนไม้กางเขน  ส่วนพระเยซูนั้น ท่านมุฮำมัดเล่าว่า องค์อัลเลาะห์ทรงให้เมฆเลื่อนลงมารับพระองค์ขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นที่ 2 ไม่ได้ขึ้นไปถึงชั้น 7 และนั่งร่วมอาสน์กับอัลเลาะห์แต่อย่างไรเลย....นั่นเป็นเรื่องที่มีในพระคัมภีร์อัลกุรอานครับ ]  ซึ่งเป็นเรื่องราวที่โกหกพกลมในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์ จนที่สุดมีการค้นพบโครงกระดูกในถ้ำ แล้วนักวิทยาศาสตร์สามารถพิศูจน์ได้ว่า เป็นโครงกระดูกที่มีอายุมาเท่าไร  เป็นของคนที่มีความสูงต่ำ ดำขาวอย่างไร ฟันเป็นอย่างไร ตาเป็นอย่างไร แข้งขา มือ เท้า เป็นอย่างไร นักวิทยาศาสตร์ยุคนี้เขาวิจัยรู้ได้หมด  เขาก็รู้ได้ว่าเป็นโครงกระดูกพระเยซูคริสต์  และนั่นคือการพิศูจน์ว่า พระคัมภีร์ โยฮัน[John]  ลูกา[Luke]  มัทธิว[Matthew]  และมาระโก[Mark]  ที่เป็นพระคัมภีร์หลักกล่าวถึงเรื่องราวของพระเยซูคริสต์  เล่าเรื่องโกหกไว้แทบทั้งสิ้น   ต้องทำหนังอย่างเรื่อง บัญญัติ 10 ประการครับ  อียิปต์จึงจะอนุญาติให้ฉาย  ซึ่งในบัญญ้ติ10 ประการนั้น เขาสร้างฉากน้ำที่แยกออกจากกันได้อย่างที่เอ็กโซดัสว่าไว้ครบถ้วน 100%เลยทีเดียว   เคยดูแล้วยังครับ หนังใหญ่ มียูล บรินเนอร์ เป็นฟาร์โรห์ รามเสส[Rameses]  กับ ชาร์สตัน เฮสตัน เป็นโมเสส [Moses] นำแสดง   
 

 

 

 

 

 

 

 

ภาพที่ 2 - 3 ได้มาจาก Oceansmile.com โอเซียนสไมล์ทัวร์ ครับ   ในหนังเรื่องบัญญัติสิบประการนี่แหละที่บอกเราอย่างละเอียดว่าเขาสร้างปิรามิด เช่นในภาพคือ มหาปิรามิดกีซ่า เมืองกีซ่า ประเทศอียิปต์ขึ้นมาได้อย่างไร ... กษัตริย์ผู้กระหายอำนาจ ที่โอ้อวดโง่เขลาเลื่อมใสในพระเจ้าอย่างงมงาย ให้กองทัพไปเกณฑ์หรือออกคำสั่งประชาชนทาสมานับหมื่นนับแสน มาช่วยกันก่อสร้าง ไม่มีค่าแรงงาน ชีวิตคนยุคนั้นทั้งชีวิตเป็นสมบัติของกษัตริย์เป็นทาสของกษัตริย์  แล้วแต่เจ้านายเขาจะเรียกใช้      

 

 

 

ก็เหมือนกับสามก๊กแหละครับ  ทหารที่ตายกันเป็น ร้อยหมื่นนั้น เขาเกณฑ์มาจากประชาชน แล้วเอามาใช้เอามาสั่ง ใช้งานเหมือนเป็นเจ้าชีวิต ตายไปก็ตายเปล่า ส่วนพวกเจ้า พวกเผด็จการก็ครองอำนาจต่อไป   

 

 

 

 

 

 

 

คำตอบก็ง่าย ๆ ครับ ถ้าเราเข้าใจเรื่องเหล่านี้     
 

 

 

 

 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น  ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
    วันที่ 18 กันยายน 2558  10.30 น.

 

 

 

 

 

ความเห็นที่ 85

 

 

เราจะมาดูเรื่องราวของโจโฉต่อไปอีกสักหน่อยนะครับ  เป็นเรื่องที่บอกถึงความไม่เป็นผู้เป็นคนของคน ๆ นี้  แล้วจบชีวิตลงอย่างผิดปกติคนทั้งหลาย เพราะถูกผีต้นสาลีเข้าสิงเอา ตาเหลือกตาค้างจนเสียชีวิต ครับ   เอามาจากเรื่องเลยครับ  ตัดลงไปบางข้อความ ให้สัั้นเข้า เอาเฉพาะที่ตรงประเด็นครับ 

......ในบั้นปลายชีวิตโจโฉป่วยเป็นโรคประสาท มักปวดหัวเป็นประจำ ว่ากันว่าเกิดขึ้นหลังจากแม่ทัพกวนอูแห่งจ๊กก๊กได้ถูกตัดหัวด้วยฝีมือของซุนกวนแห่งง่อก๊ก ซุนกวนก็คิดที่จะส่งหัวของกวนอูไปให้โจโฉเพื่อให้เล่าปี่หันไปล้างแค้นกับโจโฉแทนที่จะมาล้างแค้นตน เมื่อกล่องใส่หัวของกวนอูมาถึงมือโจโฉ โจโฉเปิดกล่องมองดูหัวของกวนอูก็หัวเราะและทักทายแต่แล้วจู่ๆหัวของกวนอูก็เบิกตาโพลงอ้าปากค้างทำให้โจโฉตกใจจนตกจากเก้าอี้ หลังจากนั้นเมื่อได้ฟังเรื่องลิบองถูกวิญญาณของกวนอูเข้าสิงลุกขึ้นด่าซุนกวนจนกระอักเลือดตายก็เกิดความกลัวจนพูดว่า "ขนาดกวนอูตอนเป็นยังดูน่ากลัว ตอนตายก็ดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่อีก"(และโจโฉก็รู้แผนของซุนกวนว่าปัดภัยมาให้ตนจึงสั่งให้สลักร่างกายด้วยไม้หอมให้แก่กวนอูและฝังศพกวนอูทางทิศใต้ของเมืองลกเอี๋ยงและแต่งตั้งกวนอูเป็นอ๋องแห่งเกงจิ๋ว ตนก็จะไปเซ่นไหว้ให้แก่กวนอู หลังจากงานศพของกวนอูผ่านไป จิตใจของโจโฉก็อยู่ไม่เป็นสุขทุกคืนจึงคิดจะสร้างตำหนักใหม่แต่ขาดเสาเอก แต่ก็ได้พบมีศาลแห่งหนึ่งที่มีต้นสาลี่ใหญ่สูงกว่า 100 ศอกเหมาะที่จะเอามาทำเป็นเสาเอก โจโฉสั่งให้โค่นลงแต่คนตัดไม้ไม่สามารถโค่นลงได้จึงไปรายงานให้กับโจโฉ โจโฉจึงไปดูต้นสาลี่ด้วยตัวเอง เมื่อสำรวจแล้วก็สั่งให้คนตัดไม้โค่นอีกแต่ก็ได้รับเสียงค้ดคานจากชาวบ้านว่าต้นสาลี่นั้นศักดิ์สิทธิ์มีเทพคุ้มครองอยู่โค่นไม่ได้ แต่โจโฉหาได้ใส่ใจไม้และบอกกับชาวบ้านว่า"ข้ากร่ำศึกมากกว่าสี่สิบปี ไม่เคยกลัวผู้ใด มีแต่ไพร่สามัญจนถึงฮ่องเต้ล้วนเกรงกลัวข้า ภูตผีที่ไหนกล้าขวางข้าจึงชักดาบฟันต้นสาลี่ทำให้มียางไม้ที่มีสีคล้ายเลือดพ่นออกมาถูกเสื้อ โจโฉก็เผ่นหนีไปด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็มีอาการปวดหัวหนักขึ้น ต่อมาหมอฮัวโต๋ได้มาทำการตรวจอาการของโจโฉก็พบว่าลมในสมองมันตีบซึ่งต้นเหตุมันอยู่ในกะโหลกและเสนอการรักษาด้วยการให้ผ่ากะโหลกศีรษะ โจโฉกลับคิดว่าฮัวโต๋จะฆ่าตนจึงสั่งให้จับไปขังคุกและทรมาน แม้จะได้รับการคัดค้านจากที่ปรึกษาก็ไม่ฟัง ฮัวโต๋ก็ถูกจับขังคุกจนตาย ต่อมาโจโฉก็ได้จัดงานเลี้ยงแม้จะปวดหัวก็ยังทนได้และได้รับจดหมายจากซุนกวนว่าขอให้โจโฉขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ ปราบปรามเล่าปี่พิชิตเสฉวน เมื่อปราบได้ก็จะมาสวามิภักดิ์แต่โจโฉกลับไม่เชื่อ แต่เหล่าที่ปรึกษาและทหารของท่านก็กลับเห็นด้วยได้พากันอ้อนวอนขอให้ขึ้นมาเป็นฮ่องเต้แต่โจโฉไม่รับและขอเป็นวุยอ๋องก็พอแล้ว หลังจากนั้นอาการของโจโฉก็ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆจนซบเซานอนลงบนเตียง แต่ในขณะที่หลับฝันเห็นวิญญาณที่ตนเคยฆ่ามาก่อนตามทวงเอาชีวิตจนสะดุ้งตื่นขึ้นชักดาบจนทำให้เหล่านางกำนัลต้องเผ่นหนีกระเจิงไป ที่ปรึกษาก็ได้แนะนำให้เชิญนักพรตลัทธิเต๋ามาช่วยทำพิธีปัดรังควาน แต่โจโฉก็ได้พูดว่าฟ้าได้ลงโทษแล้ว ไม่อาจฏีกาหรือขอขมาได้เลย ตนหมดบุญเพียงเท่านี้แล้วไม่อาจช่วยได้แล้ว

 

โจโฉก็ได้สั่งเสียกับเหล่าที่ปรึกษาและทหารของตนว่าให้ช่วยค้ำจุนโจผีบุตรชายคนรองผู้เป็นทายาทต่อจากตนและทำการใหญ่ด้วยการรวบรวมแผ่นดินจีนให้ได้และก็ได้สั่งให้สร้างสุสานไว้72 แห่งที่นอกจวนเตียวเต้งและเกียงบู๋ และสั่งให้ฝังตนไว้ในสุสานใดสุสานหนึ่งใน 72 แห่งเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังมาพบเจอ มีแต่เพียงคนที่เชื่อใจได้เท่านั้นที่รู้ว่าตนอยู่หลุมไหน และหลังจากนั้นท่านก็ได้เชิญเหล่าบรรดาภรรยาของท่านมาหาตนเพื่อสั่งเสีย แต่ช่วงนั้นตาของโจโฉเกิดบอดมองไม่เห็นก็ได้ใช้มือจับลูบคล้ำใบหน้าของเหล่าบรรดาภรรยาเพื่อจดจำว่าเป็นใครและได้มอบถุงเงินจำหนวนหนึ่งให้แก่พวกนางเพื่อให้พวกนางหัดทำงานปัดด้ายทอเกือกขายแลกเอาเงินเลี้ยงตัวเอง และสั่งให้พวกนางอาศัยในหอตั่งเซ็กต้องเซ่นไหว้ตนทุกวันและให้นางกำนัลขับกล่อมตนด้วย หลังจากนั้นโจโฉก็ได้เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 66 ปี ภายหลังจากโจโฉเสียชีวิต โจผีได้ถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกจากตำแหน่งและสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าโจผีแห่ง

ราชวงศ์วุย

 

 รวมทั้งยกย่องโจโฉขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์วุย พร้อมถวายพระนามย้อนหลังว่าพระเจ้าเว่ยบู๊ตี้.......

 

 

 

 

 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น  ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆินทร์
    วันที่ 21 กันยายน 2558  19.10 น.

 

 

 

 

 ความเห็นที่ 86

 

 

ขอแทรกสักนิดหนึ่งนะครับ  ที่ ดร.ฆิกเมฆ พูดถึง พระเยซู ในพระมหาคัมภีร์อัลกุระอาน ความเห็นที่ 85 นั้น  ที่ว่า อัลเลาะห์ทรงช่วยให้พ้นจากการตรึงกางเขน  แล้วทรงช่วยให้ลอยขึ้นสวรรค์ไปอยู่ ณ สวรรค์ชั้นที่ 2 นั้น  มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระแม่มาเรีย ตามสำนวนชาวคริสต์ ว่าอย่างนี้ครับ

 

 

ภาพการตรึงกางเขนพระเยซูคริสต์ เขียนตามพระคัมภีร์ไบเบิล จะเห็นพระแม่มาเรียนอนอย่างท้อแทบพระหฤทัยสลายบนพื้นใต้กางเขนนั้น

 

 

<<< อัลเลาะห์ได้ทรงดลพระอำนาจให้เกิดมีเมฆปริมณฑลหนึ่งมาโอบอุ้มร่างอีซา(คือพระเยซู...ผู้แสดงความเห็น) )ขึ้นสู่ฟ้าชั้นที่สอง ฝ่ายมัรยัม(พระแม่มาเรีย....ผู้แสดงความเห็น) ผู้มารดาได้เกาะยึดเมฆไว้ พลางร้องไห้รำพัน อีซาจึงเอ่ยพูดกับมารดาตนว่า แม่จ๋า ภพหน้าเท่านั้นที่จะให้เราอยู่เป็นแม่ลูกกันมีวาสนาร่วมกันได้อีก  ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นในคืน อัล-ก๊อตร์  (คืนกฤษฎีกา) ณ ไบตุลมักดิส  ตอนนั้นอีซามีอายุ ๓๓ ปี ฝ่ายผู้เป็นมารดายังมีชีวิตได้อีก ๖ ปีหลังจากที่อีซาสู่ฟ้า>>>[จาก พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย ส่วนที่ ๓ บทที่ ๒ อาล-อิมรอน วรรคที่ ๕๗ หน้า ๒๓๔]


และอีกตอนหนึ่งที่น่าสนใจจากอัลกุรอาน มีว่า

<<<นบีอีซาถูกอัลเลาะห์ให้กำเนิดมาโดยไม่มีบิดา แต่โดยประกาศิตจากอัลเลาะห์ ในฐานะผู้นำทั้งในวิชาการในด้านเคารพสักการะต่ออัลเลาะห์ และในด้านรักษาธรรม เป็นผู้สงวนตัวให้พ้นจากสตรีเพศและเป็นศาสดาหนึ่งที่สืบเทือกเถามาจากพระศาสดาผู้ชอบธรรมทั้งหลาย >>>[อาล - อิมรอน ส่วนที่ ๓ บทที่ ๒ วรรคที่ ๓๙ หน้า 225]

ซึ่งตรงนี้มีข้อสังเกตว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ผู้เขียนพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน อาจจะยังไม่ทราบ จึงเขียนว่า  เป็นผู้สงวนตัวให้พ้นจากสตรีเพศ   เพราะมีข้อเท็จจริง  และทั้งมีศิลปินผู้วาดภาพวัน  the last supper (อาหารเย็นมื้อสุดท้าย) นั้น มีสตรีนางหนึ่งร่วมบนโต๊ะอาหารด้วย ซึ่งสาวกยุคนั้นต่อมาทราบดีว่าเป็นภริยาพระเยซูซึ่งสืบทอดทายาทมาอย่างลับ โดย มีขบวนการอัศวินคอยพิทักษ์อย่างเข้มแข็งมาถึงทุกวันนี้  ส่วนเรื่อง ให้กำเนิดโดยไม่มีบิดา  ท่านนบีมุฮำมัดเล่าว่า มีคู่ผัวเมียคู่หนึ่ง ผัวชื่อซะกะรียา อายุ 120 ปี เมียชื่อมัรยัม อายุ 98 ปี วันหนึ่งอัลเลาะห์ได้บอกมัรยัมว่าจะให้มีบุตรโดยมิต้องมีบิดาผู้ให้กำเนิด(ไม่ต้องร่วมเพศกัน เหมือนที่เทพธิดา อัปสรสวรรค์จากพระเจ้ามาบอกนางมาเรียตามคัมภีร์ไบเบิลนั่นเอง)  มัรยัมถามพระเจ้าว่าข้าน้อยอายุ 98 ปีแล้วจะมีบุตรได้อย่างไร พระองค์ตอบว่า นั่นจะได้เห็นว่าพระองค์ทรงมีอิทธิฤทธิทรงอานุภาพสร้างสรรค์ได้ทุกอย่าง แล้วอัลเลาะห์ก็บอกว่า  เขาจะถูกส่งตัวขึ้นยังเบื้องฟ้าเมื่ออายุ ๓๓ ปี  แล้วมัรยัมก็ตั้งครรภ์และคลอดอีซาออกมา

อัลกุรอาน เป็นหนังสือที่สรรเสริญอัลเลาะห์อย่างสูงส่ง ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ได้แทรกบทที่สรรเสริญอัลเลาะห์เรื่องต่าง ๆ ไว้เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งเล่ม   เพื่อเน้นความสำคัญ เพื่อมุฮำมัดเองได้ประโยชน์ตามหลักการโฆษณาชวนเชื่อ The Sun also Rises.[ดวงอาทิตย์ก็พลอยส่องแสงกับดาวอื่นด้วย]  ดังเช่น

<<< แท้จริงอัลเลาะห์เท่านั้น แม้สักสิ่งเดียวทั้งในแผ่นดินและฟากฟ้า ก็ไม่สามารถซ่อนเร้นพระองค์ได้ >>> [อาล - อิมรอน ส่วนที่ ๓ วรรคที่ ๕ หน้า ๒๐๕} ซึ่งบอกว่า อัลเลาะห์ทรงมองทะลุทุกอย่าง ทรงรู้หมดด้วยภูมิปัญญาอันสูงส่ง ทรงรู้แม้กระทั่งว่า สตรีมีทารกขึ้นในท้องเป็นหญิงหรือเป็นชาย


  • ผู้แสดงความคิดเห็น  บัวระย้า ชบาบุญเสฏฐ์  
    วันที่ 22 ก.ย. 2558  24.49 น.
     

 

 

 

 

ความเห็นที่ 87

 

 เอาละ  มาตอบคำถามกันละ ตามที่ถามไว้ในความเห็นที่ 84 

 

ถาม 1.  สามก๊ก มันเป็นแผ่นดินที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างไร ? เมื่อมันเป็นอย่างที่มันเป็น มันเสียหายอย่างไร ?

ตอบ   เพราะมันเป็นแผ่นดินเผด็จการทรราชย์ ไงครับ  มันก็เสียหาย ที่สิ้นวงศ์กษัตริย์  จักรพรรดิ์องค์สุดท้ายคือ อ้าย ซิน จูโล ปูยีเมื่อ 17 ต.ค.2510 อายุ 61 ปี  8 เดือน สิ้นราชวงษ์จีนลง     แล้วต่อมามันก็เป็นคอมมิวนิสต์ เป็นจีนแดง อย่างไรครับ  มาจนถึงทุกวันนี้   มันก็เสียหายถึงประชาชน 1,273 ล้านคน  ที่ต้องเป็นทาสของคณะทรราชที่ปกครองแบบคอมมิวนิสต์อยู่ทุกวันนี้ เป็นพวกยึดอำนาจสูงสุดเป็นของตนผู้เดียว จะฆ่าประชาชนเท่าไรก็ได้ อย่างเช่นกรณีเทียนอันเหมิน  เอารถถังออกมาไล่เหยียบคนจีนตายไป 5,000 คน  ดินถล่ม  เหมืองถล่มนี่  เขาปล่อยให้ตายไปเลยเป็นร้อยเป็นพันคน   ที่เสียหายก็คือเขาไม่ยอมให้ประชาชนฉลาดเกินเขา  เขาให้เป็นคนโง่ จึงปกครองง่าย สั่งอะไรคนโง่ก็ทำ  ทุกวันนี้เขาก็เอาหนังจีนกำลังภายในให้ดูทุกวัน ๆ เพื่อให้ประชาชนเพ้อเจ้อ เลื่อมใสในสิ่งหลอกลวง   ให้รู้น้อย รู้เฉพาะบางเรื่องที่ไม่เป็นอันตรายแก่พวกที่ปกครอง  เหมือนมุสลิมโรฮิงญา  ในพม่า รัฐยะไข่....ไงครับ  เป็นมุสลิมคนยากคนจนจากประเทศในอ่าวเบ็งกอล   เขาไม่ให้มีการศึกษา ให้เข้าแต่โบสถ์หรือมัสยิดและสอนเรื่องเดียว ๆ ทั้งปีทั้งชาติว่าพระเจ้าอัลเลาะห์เป็นผู็สร้างโลกให้เขาอยู่ สร้างพืชพันธ์ธัญญาหารให้กิน อยากได้อะไรก็จงอ้อนวอนเอาจากอัลเลาะห์  ห้ามทรยศต่อพระเจ้าผู้มีพระคุณ ต้องทำตามคำสั่งพระองค์แม้ด้วยชีวิต  เมื่อทำดังนี้ ตายไปแล้วก็จะไม่ถูกลงโทษและได้อยู่กับพระเจ้า เขาให้พวกนี้รู้เท่านี้ ถ้ารู้เกินไปจากที่พระเจ้าสอนถือวส่าเป็นคนทรยศ จะต้องโทษหนัก พวกนี้จึงพากันทะยอยไปอยู่พม่า จนถึง 8 แสนคน ก็เกิดเรื่องเพราะที่พม่าคนไม่เคารพอัลเลาะห์   ก็ลงทะเล มีแค่เรือพายไป เที่ยวไปในทะเลอันดามัน เพราะขึ้นฝั่งไม่ได้ เขาไม่รับ  ก็เอาแต่ขับบทสวดสรรเสริญอัลเลาะห์ และขอให้อัลเลาะห์บันดาลเกาะให้อยู่  ให้เกาะลอยเหนือน้ำขึ้นมา ให้พวกเขามีแผ่นดิน มีบ้านอยู่ เชื่ออย่างเขาสอนจริง ๆ  จึงท่องไปท่องมากลางทะเลอันดามัน จากอินโดนีเซีย ถึง อินเดีย พม่า มะละกา รอแผ่นดินผุดขึ้นกลางทะเลให้อยู่ด้วยอำนาจของพระเจ้าของเขา   นี่คือสิ่งที่น่าสงสารที่สุด เพราะไม่ได้รับการศึกษาอย่างอื่นเลย ศึกษาแต่เรื่องพระเจ้าอย่างเดียวว่าพระเจ้าทรงมีอิทธิฤทธิ์สร้างสรรค์ทุกอย่างแม้โลกและดวงดาวพระองค์ยังสร้างขึ้นมาได้ และได้รับการสอน สั่งให้บูชาเชื่ออย่างแท้จริงว่าอัลเลาห์ทรงมีพระเมตตาอย่างล้นเหลือ ไม่มีวันทอดทิ้งประชาชน มุสลิมยากจนมีความรู้แค่นี้  รวมทั้งมุสลิมที่ภาคใต้ของไทย ที่เผาโรเรียนทิ้งบ่อย ๆจนชาวโลกพิศวง ก็เพราะเชื่อเขาสอนว่าความรู้ทั้งหลายนั้นอัลเลาะห์สอนไว้หมดแล้ว ความรู้อื่นที่ไม่มีในคัมภีร์อัลกุรอานเป็นความเท็จทั้งสิ้น  ผู้สอนเป็นคนทรยศต่อพระองค์   นอกจากมัสยิดแล้ว ไม่มีโรงเรียนใดอีก ก็ให้เผาโรงเรียนทิ้งเสีย  เหมือนมุสลิมอาฟกานิสถาน  เชื่อว่าพระเจ้ามาช่วยรบอยู่ตลอด แพ้ไม่มี วันหนึ่งกองทัพฟ้ามะลาอิกะของอัลเลาะห์ ตามที่นะบีเขาคือศาสดามุฮำมัดผู้เขียนคัมภีร์บอกไว้ก็จะยกมาช่วย ทั้ง ๆ ที่ตายกันไปเกือบหมดก็ยังไม่ยอม หลบไปอยู่ในถ้ำตามป่าตามเขา  ไม่ยอม มาสร้างประเทศสร้างสังคมใหม่ที่มีความอยู่ดีกินดีขึ้น  

 

ถาม 2.  และถ้ามันอยากจะเป็นประชาธิปไตย มันจะต้องทำอย่างไร ? และเมื่อมันได้เป็นประชาธิปไตย มันได้อะไรดีมาอย่างไร ? 

 

ตอบ  ก็ออกกฎหมายให้เป็นประชาธิปไตยซี  ระบุ ให้อำนาจเป็นของประชาชน (อย่างเช่นไทย ก็เขียนเอาไว้นี่ครับว่า  <<<มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข >>> <<<มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้>>> <<<รัฐสภาประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา........ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา....ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้ง...... >>><<< นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร>>>  

 

ถ้าสงสัย งง ๆ  ก็ กลับไปอ่านอินโดนีเซีย และทำอย่าง อินโดนีเซียซีครับ  หลักรัฐศาสตร์ของอินโดนีเซียเขาเป็นหลักสากลโลกเลยละ   จะยกมาให้อ่านดูอีกรอบหนึ่ง เรื่อง ประชาธิปไตยแบบปัญจศีล ที่ผู้นำชาติหลังถูกปลดปล่อยจากอาณานิคมแล้ว   มีคำอธิบายหลายคน  

<<< คำอธิบายที่ดีที่สุด  ของผู้นำอินโดนีเซียคนหนึ่ง(พล.อ.สุฮาร์โต)   ดังนี้ครับ ผมย่อให้นะครับ

ประชาธิปไตยแบบปัญจศีล (Pancasila democracy) 

1. ประชาธิปไตยแบบปัญจศีลหมายถึง  "ประชาธิปไตย"อันคือหลักการในเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน

2. ให้คุณค่าอย่างสูงต่อความเป็นมนุษย์ตามหลักคุณค่าและเกียรติ์ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

3. ระบอบประชาธิปไตยแบบปัญจศีลมีรากกำเนิดจากการตระหนักถึงคุณค่าของครอบครัวและความร่วมมือแก่กันและกัน

4. ระบบพรรคการเมืองจะได้รับการประกันเพื่อที่จะเอื้อให้เกิดกลไกที่ดีและสร้างสรรค์สำหรับสิทธิของประชาชนในการที่จะจัดตั้ง เข้าร่วม และแสดงความคิดเห็นหรือจุดยืนทางการเมืองของตน พรรคการเมืองจะทำให้หลักการ "ปกครองโดยประชาชนซึ่งนำพากับภูมิปัญญาอันเกิดจากการใคร่ครวญและการมีตัวแทน" เกิดขึ้นได้ดังที่กำหนดไว้ในคำปรารภของรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1945 ในฐานะเครื่องมือของระบอบประชาธิปไตย

5. เทิดทูนหลักสิทธิมนุษยชน และสิทธิประชาธิปไตยของพลเมืองทุกคนไว้อย่างสูงส่ง โดยผู้ใช้สิทธิเหล่านี้จะต้องจงรักภักดีต่อความดีงามที่ยิ่งใหญ่กว่า คือความดีของสังคม ของประชาชน และของรัฐ

6. ในการใช้เสรีภาพทางศาสนาของงเรานั้น จำเป็นต้องบอกไว้ด้วยว่า การทำตามศาสนบัญญัติดังที่กำหนดไว้ในหลักศาสนาต่าง ๆ ของเรานั้น เราควรช่วยกันสอดส่องเพื่อให้แน่ใจว่า ความแตกต่างด้านความคิดไม่ได้เกิดขึ้น
 
พลเอกสุฮาร์โต้ อดีดประธานาธิบดีผู้นี้ ไม่ได้พูดถึงอำนาจประชาธิปไตยว่าต้องแบ่งปันกัน อย่าคิดยึดเอาเป็นของตนคนเดียวเป็นอันขาด ตอนแกเป็นประธานาธิบดี
แกเลยยึดครองอำนาจไปคนเดียวถึง 31 ปี (สภาเผด็จการของแกเลือกแกเป็นต่อกันถึง 7 สมัย จนที่สุดประชามหาชนอินโดนีเซีย รวมทั้งทหารกลุ่มที่เข้าใจหลักการประชาธิปไตย รวมพลังกันขับไล่พลเอกสุฮาร์โตออกไปจากอำนาจ ขับไล่ออก(ทำงานไม่เป็น เป็นแต่ใช้กำลังไปคุมนั่นคุมนี่) จำลาออกไปอย่างน่าอับอายโดยดี
 

 

ความหมายปัญจศีลข้อที่ 1  ในความหมายของประชาธิปไตยแล้ว  พระเจ้า จะหมายถึงหลักการที่ไม่มีตัวตนของประชาธิปไตย ครับ  ใช่ว่าหมายถึงพระเจ้ายะโฮวาห์ หรือ  อัลเลาะห์  องค์ใดองค์หนึ่ง    แต่คนประชาธิปไตย ย่อมเข้าใจดีอยู่แล้ว  เมื่อค่อยเป็นประชาธิปไตยไป  คำว่าพระเจ้าในข้อ 1 นี้  คนที่ยังไม่เข้าใจก็จะค่อยเข้าใจไปเป็น  พระเจ้าที่ไม่มีตัวตนแต่เป็นหลักการประชาธิปไตย(ที่ว่าด้วยมนุษย์ล้วน ๆ)   เช่นในศาสนาพุทธ  เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระองค์ตรัสว่า ไม่มีใครเป็นเจ้า เป็นผู้ปกครองหมู่สงฆ์ต่อจากพระองค์   จะมีพระธรรมวินัยเป็นผู้ปกครองอย่างสมบูรณ์ไปเท่านั้น >>>

 

 และเมื่อเป็ประชาธิปไตยแล้ว  ก็จะรวย  การเงินสะพัด    ครับ  อยากรวยก็ให้เป็นประชาธิปไตย  ครับ  

 

ต่อภาค9ไปเลยนะครับ

 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น   สุคนธ์ สิงห์ศิษย์ 
    วันที่ 23 กันยายน 2558  20.30 น

 

 

  

 โปรดคลิกติดตามต่อไป

 กระทู้ 1:เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น 

กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 1  
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 2  
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 3
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 4
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 5
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 6
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 7
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 8
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 9
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 10

กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 11
กระทู้ 1 เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 12 

                                                กระทู้ 2:  ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต

                                                            ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 1

                                                             ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 2

                                                             ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 3 

                                                             ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 4 

                                                             ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 5   

                  ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 6  

                                                             ประชาธิปไตยคือลมหายใจแห่งชีวิต ภาค 7 

 

                                                                        








แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์ สื่อของเราทั้งหมดนี้ ได้กลายเป็นแดนสนุกน่าท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกกว่า 8 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน 8 พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น.