รัฐบาลจีนว่าตบหน้าเขา มันก็จริงอย่างเขาว่า

 เพราะเขาประกาศโจ่งแจ้งว่าเป็นรัฐบาลคอมมิวนิสต์ เผด็จการ

ไม่เหมือนประเทศหนึ่งเป็นเผด็จการแท้ๆ   แต่....โกหกทั้งโลกว่าเป็นประชาธิปตาย (91ศพ)  

น่าสงสารประชาชน  แต่อย่างน้อยประชาชนจีนไม่ได้ถูกหลอกเรื่องระบอบการปกครองเหมือนบาง

ประเทศที่โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า มา 70กว่าปี

กรณีนี้เหมือนประเทศพม่าเปี๊ยบเลย   พม่ามีอ่องซานซูจี  ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพเหมือนกัน   ประเด็นคืออะไร?????

เป็นการร่วมมือกันรังแกประเทศพม่าโดยไปยุยงส่งเสริมฝ่ายค้านของรัฐบาลให้กระด้างกระเดื่อง ใช่หรือไม่ ?     และบัดนี้ก็ทำกับประเทศจีนอีกประเทศหนึ่ง  สำหรับประเทศจีนก็เป็นที่รู้กันว่า อเมริกันมองมาอย่างไม่ไว้วางใจตลอดแล้ว   นับแต่ยุคคลินตัน  ที่กล้าเปิดประเด็นเทียนอันเหมิน ขณะไปเยี่ยมจีนถึงประเทศจีน    การต่อต้านจีนของคณะกรรมการรางวัลโนเบลครั้งนี้ มีอเมริกาอยู่เบื้องหลัง ใช่หรือไม่  และพม่าก็เช่นเดียวกัน  ..........

นั่นเป็นความเข้าใจผิด.....

ที่จริง นี่เป็นเรื่องของรางวัลโนเบล ที่เขามีอิสระในการตัดสินของเขาเอง   และจะจับหลักการได้ว่า  ประเทศเจ้าของรางวัลเขาส่งเสริมประชาธิปไตย

เขามองว่าพม่า  และจีน  เป็นตัวการล้าหลังที่สุดของระบอบนี้   เมื่อมีคนเก่ง คนกล้า  และคนที่เข้าใจประชาธิปไตย  อย่างอ่องซาน ซูจี  และบัดนี้นายหลิว ที่ติดคุกอยู่ด้วยซ้ำ   เขาก็นำมาพิจารณาให้รางวัล  โดยมองประเด็นว่าคนเช่นนี้ได้มีความจริงใจ เข้าใจเข้าถึงประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเพียงใด  เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยให้ผายแผ่ไปทั้งโลก  คนที่ได้บรรลุความจริงทางการเมืองและสู่ความเป็นสาวกลัทธิประชาธิปไตย

นั่นคือ   แท้จริง  ประชาธิปไตย  เป็นลัทธิ   อย่างกับลัทธิศาสนาลัทธิหนึ่งเลย   เมื่อเข้าถึงแล้วก็ถวายชีวิตเพื่อประชาธิปไตย  แบบสาวกของลัทธิได้   กรรมการโนเบล เขามองและพิจารณาอย่างนี้    

เพราะฉะนั้น คนไทยน่าจะนึกได้ว่ายุคคนเจริญแล้ว  ประชาธิปไตยเท่านั้นที่เป็นความเหมาะสม และความเป็นธรรม

และคนฝ่ายเจริญ รัฐบาลที่เจริญแล้วทั่วโลก  เขาต้องการให้โลกเป็นประชาธิปไตย  โดยเฉพาะอเมริกา อังกฤษ   เขาเป็นผู้นำและเป็นสาวกคนแข็งแรง  จึงแสดงบทบาทมากเป็นพิเศษ

ไม่ใช่เพียงชื่อ    เช่น  สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว     สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเมียนมา   สาธารณรัฐประชาชนจีน  ฯลฯ   พวกมีแต่ชื่อ       พอ ๆ กับพวกโฆษณาชวนเชื่อไทย นำโดยเจ๊กลิ้ม   ไม่รู้อะไรเป็นประชาธิปไตย  แต่ตั้งชื่อตนเองเป็นประชาธิปไตย  เช่นขบวนการกลุ่ม  "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"  ที่แท้จริงเป็นตัวบ่างช่างยุ  ตัวร้ายกาจที่ทำลายประชาธิปไตยไทย     หรือรัฐบาลประชาธิปัตย์วันนี้  ที่นายกรัฐมนตรี  ไปไหน ๆ ทั้งในและนอกประเทศ  ก็มีแต่คำแก้ตัวให้ตนเอง     ทั้ง ๆ ที่โลกเขามองอยู่ เขม็ง  ว่ากำลังพาประเทศไทยออกนอกลู่นอกทางของประชาธิปไตย  แต่นายกรัฐมนตรีไทย ทหาร อมาตยาธิปไตยไม่เป็นประชาธิปไตยก็ยังไม่รู้สึก  ไม่รู้ อะไรเป็นประชาธิปไตย     การแก้ตัวหมายถึงการไร้สปิริตอย่างร้ายแรง  และจะเป็นอุปสรรคอย่างแรงของประชาธิปไตย    ในเมื่อสปิริตประชาธิปไตยก็เหมือนธรรมะ   คือความไม่เห็นแก่ตัว   มีแต่ต้องลาออกไป   มีความละอายใจ  เมื่อถูกมองอย่างสงสัยว่าไร้ความสามารถ เพียงเท่านี้ เขาก็ลาออก   จะไม่เกาะเก้าอี้แน่นอย่างไทยเป็นอยู่เช่นนี้   ขนาดฆาตกรรม 91 ศพ ประชาชนมือเปล่าไปแล้ว  ยังไม่รู้สึกในเรื่องสปิริตประชาธิปไตย

ไม่ดูประเทศประชาธิปไตยเขา   เช่น ญี่ปุ่น  เขาไม่เคยให้ใครไล่เลย  เขาออกเอง  เนื่องด้วยมีสปิริตสูงส่ง  ความจริงใน10 ปีมานี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นวางมือลงไปอย่างกับว่าเป็นเรื่องเล่น ๆ  ง่ายดาย   นั่นเพราะสปิริตประชาธิปไตย  อย่าลืมประชาธิปไตยบังเกิดขึ้นได้ด้วยคือสปิริตอันสูงส่งของนักการเมือง และพรรคการเมือง 

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ  จะไปแก้ตัวที่ต่างประเทศ ให้คนต่างประเทศฟังทำไมในเรื่อง 91 ศพ  และ ศอฉ.องค์การฆ่าคน    เพราะคนต่างประเทศเขาไม่ได้เชื่อถือสื่อไทยเลย  เขาดู BBC  และ  Aljazeera   ก็สรุปได้แล้ว   เขาก็เชื่อแล้วว่าอะไรเป็นอะไร  (คุณไม่เห็นหรือว่าสองสถานีนั่นเขาตามข่าว มาตลอดอย่างครบถ้วนทุกมุมมอง จนพอที่จะให้ศาล ที่เป็นศาลจริง ๆ  คือเป็น 1 ใน 3 อำนาจ ที่เป็นตัวของตัวเองจริง ๆ ตัดสินได้)   เขาไม่โง่เหมือนคนไทยบางพวก   คือพวก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย   ที่ชื่อประชาธิปไตยแต่พฤติกรรมคือผู้ทำร้ายประชาธิปไตย  และซึ่งมีคนโง่ ๆ เท่านั้นยอมรับ  ...

รวมนักวิชาการด้วยนะ        ตอนเจ๊กลิ้มมันประกาศ  70:30   มีนักวิชาการไปขอเข้าด้วย  สนับสนุนด้วยเยอะแยะ   รวมทั้งนายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์  ที่กำลังร่าง ๆ อะไรเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญอยู่     พวกนี้โง่หรือเปล่าฮะ ?????  ไปร่างอะไรรัฐธรรมนูญ ??????  ในเมื่อไม่รู้จักประชาธิปไตย........   ขอเตือน  ......

ตัวอย่างเช่น นักข่าว ASTV  ชื่อนายจตุพร (คนละคนกับวีรบุรุษของเรา)  นักข่าวมือใหม่สมัครเล่น    รายงานเข้า ASTV  สถานการณ์ 10 พ.ค.2553  (ดู นสพ.ดีนะครับ มีรายงานอยู่ ผมได้มาจากนั่น )   แกมองใกล้ ๆ ตัวแก  อยู่ห่างเหตุการณ์เพราะแกบอกว่ามันอันตรายไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ เพราะแกเองก็เกรงอันตรายเหมือนกัน   แต่แกก็รู้ไปหมด  รายงานฉอด ๆ ว่าระเบิดถูกขว้างจากฝ่ายผู้ชุมนุม  ......     ผู้ชุมนุมถืออาวุธหลายอย่างนับแต่ไม้ปลายแหลมไป   ฯลฯ     ไม่รายงานอีกฝ่ายเลย      นี่แหละเอเอสทีวใ  ทีวีโฆษณาชวนเชื่อ       แล้วจะไปเทียบชั้นกับ  BBC   Aljazeera  ได้อย่างไร  เหมือนหนูกับช้าง   ช่องอื่นก็เหมือนกัน  มาตรฐานเชื่อถือไม่ได้   เพราะเสียด้วยนโยบายของนายหมากระเป๋าด้วย

BBC   ~Aljazeera  เขาเป้นมืออาชีพระดับโลก  ความชำนาญงานของเขาไม่ใช่ธรรมดา มาเปรียบกับทีวีไทย ๆ ไม่ได้หรอกครับ    เหตุการณ์ 19 พ.ค. 2553 นั้นแหละที่พิศูจน์ฝีมือนักข่าวของเขาเลยทีเดียว     และที่จริง Aljazeera  เป็นโทรทัศน์ข่าวสงคราม ข่าวเหล็กและข่าวเลือด  นักข่าวเขามีสปิริต  ไม่กลัวตาย  เขามุ่งเข้าแหล่งข่าวให้ได้เพื่อรายงานข้อจริงหรือ fact ที่จริง ๆ  ไม่มีการเดาเอาอย่างเด็ดขาด  และพร้อมเอาภาพถ่ายไปประกอบให้เห็นกันจะจะ   เขาไม่ได้แสดงฝีมือเฉพาะเมืองไทย 19 พ.ค. 53   แต่แสดงฝีมือมาทั่วโลก    ความชำนาญงานของเขาก็เหมือนนักชีววิทยา ชำนาญสัตว์ร้าย  พวกเขาเข้าไปในเหตุการณ์ร้าย ๆ ได้  อย่างน่าทึ่ง พอ ๆ กับนักชีววิทยา ที่วิจัยชีวิตสัตว์ที่เราเห็ฯในโทรทัศน์นั่น  เขาเข้าใจสัตว์ร้าย จนรู้ไปหมดว่าจะทำอย่างไรตนจึงปลอดภัย    ส่วนสื่อไทย เช่นนายจตุพร(คนละคนกับพระเอกของเรา)  รายงานเข้าเอเอสทีวี แล้วเอเอสทีวีก็รายงานออกไปทั่วโลก  ภาพก็ไม่มี  มีแต่ปากฉอด ๆ  เดาเอาแท้ ๆ   ใครจะเชื่อ  และ นั่นทุเรศที่สุดของทีวีไทย   อายไปทั่วโลก     ตั้งแต่นายหมากระเป๋ามาคุมทีวีไทยนี้  ทีวีไทยเสื่อมเสียไปหมด    เดิมเขามีสำนักข่าวไทย  ไม่สนับสนุนให้เก่ง เป็นมืออาชีพ  จนบัดนี้หายจ้อยไปเลย  และมีสำนักข่าวไหนบ้างในประเทศนี้ ที่ทำงานพอเชื่อได้  อ้างได้ว่าเป้ฯสำนักข่าวของคนไทย    นั่นเพราะรัฐบาลเผด็จการ  ทำลายสถาบันอาชีพที่สุจริตตรงไปตรงมาไปอาชีพแล้วอาชีพเล่า   

สรุปแล้ว   คนต้องเข้าใจ ศึกษาหาความรู้เรื่องประชาธิปไตยที่แท้จริง และเริ่มด้วยเรื่อง  สิทธิของพลเมือง    ขึ้นชื่อว่าพลเมืองไทยแล้ว ย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด   และรัฐธรรมนูญต้องระบุไว้ ครับ    และที่จริงรัฐธรรมนูญที่เป้ฯประชาธิปไตย จะต้องระบุเรื่องสิทธินี้ไว้ก่อนเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น   

นอกจากรายงานข่าวมั่วๆแล้ว  นักเล่าของเอเอสทีวีก็มั่วเหมือนกัน  เช้ามาก็มาเปิดหนังสือพิมพ์อ่านให้คนไทยฟัง และภาพนี้คงปรากฏไปทั่วโลก  แสดงถึงการทำข่าวที่ล้าหลังไร้มาตรฐาน  ไม่อิงอยู่กับหลักวิทยาศาสตร์คือการพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ  พอๆกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีฝีมืออะไรใช้ปากโฆษณาชวนเชื่อไปวันๆ อายเขาจัง ยิ่งฟังนายกแกพูดถึงเรื่องการแก้ปัญหาของค่าเงินบาทแข็งตคัวต่อเนื่อง แกก็อ้างแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยเขาบอกอย่างนั้นอย่างนี้  ไม่มีภูมิรู้เรื่องเศรษฐกิจของตนเองเลย แกจะมีได้อย่างไรในเมื่อได้แต่กระดาษแผ่นหนึ่งที่บอกว่าจบปริญญาโททางเศรษฐศาสตร์ แต่ยังไม่เคยทำงานอะไรทางเศรษฐกิจให้มีผลงานเป็นที่ยอมรับ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ภูมิปัญญาที่อ่อนด้อยจะนำพาประเทศไทยไปอย่างไร และคอยดูอนาคตต่อไปจะพิสูจน์ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะพาเศรษฐกิจไทยล่มจมวิกฤตเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่ ?

น่ากลัวว่าจะถึงวันนั้นจริง ๆ   เพราะปัญหาอยู่ทางนี้แกหนีไปพม่านู้น     นายโก่ง กค. นายกรน่ะ   แทนที่จะพูดเรื่องนโยบายเงินบาท กลับไปพูดเรื่องเงินกู้นอก ใน ระบบไปนู้น ซึ่งในสถานการณ์อย่างนี้ไม่มีใครสนใจนัก แกก็ลอยตัวไปไม่มีคนค้านแก  เพราะคนเขาสนใจเรื่องเงินบาทกันหมด   กท.พาณิช  ก็ปัญญาอ่อน  .... ทำการตลาดอย่างไรไม่ระวังเรื่องค่าเงินบาทเลย     ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย ก็อย่างที่นักวิชาการท่านว่า   เห็นแก่ตัวมากเกินไป    ............   แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว  อาจทำประเทศล่มจมได้ สำหรับรัฐบาลเด็ก..... ที่เอาแต่แก้ตัว สร้างภาพ  ลบภาพ ...  สร้างภาพเอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่น    ลบภาพที่กล่าวความจริงเกี่ยวกับความอ่อนด้อยของรัฐบาล  ที่ไร้จิตใจไร้สปิริตทางการเมืองไปอย่างสิ้นเชิง  .     ประชาชนจึงต้องมารวมไล่ออกไง

ประเทศไทยโชคดีที่มีนายกฯชื่ออภิสิทธิ์

และกำลังจะโชคดีใหญ่ ..ถ้าอภิสิทธิ์อยู่ครบเทอม

ประเทศไทยโชคดี แต่ประชาชนโชก....เลือด......

ประเทศไทยโชคดีที่มีนายกฯชื่ออภิสิทธิ์ ใครหนอเป็นเจ้าของประโยคนี้ ตอนที่นาอภิสิทธิ์เป็นนายกใหม่ๆ

แสดงถึงวิสัทัศน์ที่ล้าหลัง ไม่มีภูมิรู้ไม่มีภูมิธรรมเรื่องการบริหารประเทศ  บัดนี้ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าคนไทยโชคดีจริงหรือไม่  ต่อไปสื่อจะต้องตระหนักให้มากๆว่า  การแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อจะต้องได้ผู้รู้จริงๆ  ที่แล้วมาประเทศล้าหลังเพราะพวกล้าหลังคิดพูดอะไรไม่เป็นสัจธรรม  ตอนนี้มีสื่อทางเลือกมากมายที่นำอาหารสมองมาให้คนไทย  และโลกโลกาภิวัฒน์ต้องการคนรู้จริง ทำได้จริง มิใช่วาดวิมานในอากาศหลอกคนไทยไปวันๆ

กลับมากรณีเทียนอันเหมิน  Tiananmen Square, Beijing  : June 4th 1989   ( 4 มิถุนายน 2532 ) 

เริ่มเมื่อ เหมาเจ๋อตุง ประกาศประเทศจีนคอมมิวนิสต์ เป็นประเทศ   สาธารณรัฐประชาชนจีน  ( The People Republic of China) ในวันที่ 1 ตุลาคม 1949 ( 1 ตุลาคม 2492 )

คำว่า  สาธารณรัฐ  หรือ  the People Republic   หมายถึง   ประชาธิปไตย      แต่พวกหัวคอมมิวนิสต์เดิมไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น  ไม่มีความจริงใจ  แต่เอาคำนี้มาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น  (เหมือนกับเจ๊กลิ้มที่ตั้งกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลอกเอาจำลอง ศรีเมือง โพธิรักษ์แห่งสันติอโศก และ พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมหัวกันก่อการกบฎ จนได้เป้นรัฐบาลนั่นเอง)  แต่แล้วภาคประชาชนที่เดิมคิดว่ารัฐบาลจริงใจจะให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย แต่แล้วกลับไม่ใช่  ก็เริ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย  ขยายใหญ่ออกไปเรื่อย  จนถึงกรณีเทียนอันเหมิน   ใน 4 มิ.ย.2532 (61 ปีล่วงมาแล้ว)  แกนนำคือนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย นั่นเอง  มีการเคลื่อนไหวมวลชนแน่นทุกตารางนิ้ว   แล้ว  รัฐบาลจีนที่ได้ชื่อว่า  สาธารณรัฐประชาชน  ก็ออกคำสั่งหยิบยื่นความตายให้แก่ประชาชน   เคลื่อนกองกำลังติดอาวุธ สนับสนุนด้วยรถถัง รถหุ้มเกราะ  (เหมือนพม่า ต.ค. 2550  ไทย 19 พ.ค.2552 ไม่มีผิดเลย)      เข้าทำการเข่นฆ่าประชาชน    ตาย 7,000 คน  บาดเจ็บกว่า หลายพันคน

เป็นเรื่องราวที่  โลกไม่มีวันลืม

และ นายหลิว  เซียโบ   ( Liu Xiaobo )  ถูกจับเข้าคุกมาจนถึงบัดนี้ 

นั่นก็สมควรได้รับรางวัลสูงสุดของโลก    คือ  โนเบล สาขาสันติภาพ   โดยการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างถวายชีวิต สมศักดิ์ศรีสาวกลัทธิประชาธิปไตย  แห่งโลกใหม่   

ร่วมสิบปีมาแล้ว ฮ่องกงได้เริ่มพิธีกรรมรำลึก โศกนาฎกรรมเทียนอันเหมิน   แล้วโลกประชาธิปไตยก็บูมไปตาม  ทำการระลึกเหตุการณ์นั้น   อย่างไม่มีวันลืม     โลกประชาธิปไตยกำลังจะถล่มจีน   

แนวโน้มจีนวันนี้จึงน่าเป็นอันตราย   เมื่อประชาชนจำนวนมหาศาลถูกกดขี่    วันหนึ่งย่อมระเบิดออกมา  .....   แท้จริงจีนกำลังถอยหลัง  และล่าช้าลงไปในการพัฒนาประเทศ     เพราะลัทธิการปกครองไม่สอดคล้องหลักการของความเป็นมนุษย์  

สังเกตได้ว่า  เวลาเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ   ไม่ว่าเหมืองถล่ม  น้ำท่วม  หรือสินามิ    ตายกันเป็นหมื่น หรือแสน   ในประเทศจีน    แต่รัฐบาลจีนหามีความรับผิดชอบไม่   รัฐบาลจีนทุกวันนี้มองประชาชน  อย่างกับสวะ ๆ   ที่พร้อมจะกวาดทิ้งไปไหนก็ได้   ........( ลองมองดูกรณีเหมืองถล่มในชิลี เร็ว ๆ นี้สิ  จะเห้นว่าเขาเอาใจใส่ในความมีคุณค่าของคนขนาดไหน   นั่นคือสปิริตของประชาธิปไตย) 

ทหารไทยก็กำลังคิดโง่ ๆ ไปเช่นนั้น     เช่นเดียวกับทหารพม่า ที่ก้าวตามไปแล้ว.......

ทำไมไม่คิดอย่างสิงคโปร์  ประเทศที่ไม่อาจจะมีกองทัพอากาศ     หรือไม่คิดอย่างญี่ปุ่น      ที่เขาไม่อาลัยในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกันเลย    ไทย  ทหาร  ชอบเกาะเก้าอี้แน่น......ทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไร......   ทำไม  ????     ทำไมทำสิ่งที่ง่าย ๆ  ให้เป็นเรื่องยากแสนยากไปได้......    ก็เพราะไม่รู้จักประชาธิปไตย  ไม่ไว้วางใจในประชาธิปไตย  และไม่ไว้วางใจประชาชน 

และไร้สปิริตของคุณธรรมอันสูงส่ง   คือสปิริตของประชาธิปไตย  ...

        รักประชาธิปไตย   อย่าเพียงแต่พูดออกจากปาก     ต้องแสดงสปิริตครับผม......

แล้วเคยมีไหม พรรคประชาธิปัตย์   โดยเฉพาะนับตั้งแต่หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่   เคยแสดงสปิริตอะไรบ้าง  ...  ไม่มีเลย     ......   มีแต่โกหกพกลม   กลางสภาบ้าง  กหลางสื่อมวลขนบ้าง.....

แล้วพม่าก็มีการเลือกตั้ง..........  ไม่ทราบเหมือนกันว่าได้แบบอย่างมาจากไหน ..........  เป็นทฤษฎีการเมืองสูตรไหน ????   ตลกโง่ ๆ จังเลย   โลกคงหัวเราะกันหงอหงายไปเลย........

ประชาธิปไตยไม่ใช่แบบที่คุณคิดคุณทำอยู่นี้   ไอ้พม่าหน้าโง่.......

แน่นอน  โอบามา ปธน.สหรัฐ  ทั้ง  ฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ  สหรัฐ  ต้องโจมตีแหลก..................

เพราะขัดความเป็นประชาธิปไตย  อย่างซึ่ง ๆ หน้า ......

จีนคิดเรื่องการเมืองแบบเดียวกับพม่า   นั่นคือคิดบนพื้นฐานการศาสนาประจำชาติ  คือศาสนาพุทธ.............  แต่มองแบบดั้งเดิมเกินไป....  จำเป็นต้องมองศาสนาแบบใหม่ คือมองแบบประชาธิปไตย................ 

ส่วนไทย.....   ก็มองแบบพม่าเหมือนกัน โดยเฉพาะพวกทหาร  ....  เชื่อว่าตนเองมั่นในหลักการธรรมะ.............    แต่หารู้ไม่ว่า  ธรรมะที่ยึดมั่นถือมั่นนั้นเป็นธรรมะที่ล้าหลัง  ไม่เข้ายุคสมัย...............

ต้องมองธรรมะแบบใหม่  แบบที่ชาวยุโรปอเมริกามองอยู่  นั่นคือธรรมะคือประชาธิปไตย

ต้องมองศาสนาพุทธทั้งระบบให้ชัดเจน  ..............และได้ข้อสรุปรวมก่อน........  แล้วจะพบว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ว่าด้วย  มนุษย์......

เข้าใจแค่นี้ไว้ก่อน.... ก็แล้วกัน....... 

นั่นคือ   ในอุ้งมือมนุษย์เอง....

มนุษย์เสรีชน

คงต้องหาสาเหตุว่าทำไมทหารไทยจึงนิยมลัทธิเผด็จการ  เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงที่มาของตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ  คนพวกนี้มาจากระบอบอุปถัมภ์  และสร้างค่านิยมมาตลอดว่าตนเองมีอาวุธ  มีอำนาจ.จะข่มขู่ใครให้ยอมจำนนก็ได้  สื่อฟรีทีวี  หนังสือพิมพ์ไม่กล้าไปต่อกรกับกองทัพแม้มีเรื่องเหม็นๆ ทุจริตคอรัปชั่นก็ไม่กล้าขุดคุ้ยตีแผ่ กองทัพไทยจึงอหังการว่าไม่มีใครมาลบล้างอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้  ตลอดเวลารัฐบาลที่เป็นพลเรือนต้องยอมศิโรราบ  หากรัฐบาลไหนคิดจะผ่าตัดแดนสนธยาหรือไปล้วงลูกเมื่อไรจะอยู่ได้ไม่นาน  โดยเฉพาะรัฐบาลไทยรักไทยที่บังอาจไปยุบ สอบต. ที่มีงบลับจำนวนมหาศาล ในเมื่อทุกองค์กรต้องถูกตรวจสอบ  แล้วกองทัพทำไมจึงลอยตัว ป่าภูเขามินายพลใหญ่ไปปลูกคฤหาสน์ก็ไม่น้อย  ดูตัวอย่างเขายายเที่ยง เขาสอยดาวซิ ทั้งๆที่ประชาชนเป็นคนเสียภาษีแท้ๆแต่ไม่มีอภิสิทธิ์อะไร และต้องอยู่ใต้กฎหมาย  แต่พวกคนมีสีกลับมีอำนาจ...ไม่จำกัด  มิน่าจึงมีการปฏิวัติรัฐประหารเข่นฆ่าประชาชนหลายครั้ง  แต่จับมือใครดมไม่ได้

ทหารยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยครับ  และคนพวกนี้กลัวประชาธิปไตย.....

เปิดงานวิจัย “การเลือกฝ่ายทางการเมืองของพระสงฆ์ไทย”

“ความคิดทางจริยธรรมกับการเลือกฝ่ายทางการเมืองของพระสงฆ์ในสังคมไทยปัจจุบัน” ผลงานของ อ.สุรพศ  ทวีศักดิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต

 งานวิจัยเรื่อง “ความคิดทางจริยธรรมกับการเลือกฝ่ายทางการเมืองของพระสงฆ์ในสังคมไทยปัจจุบัน” ผลงานของ อ.สุรพศ  ทวีศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ศูนย์หัวหิน

สิ่งที่สถาบันสงฆ์และมหาเถรสมาคมควรตระหนักอย่างยิ่งคือ การฆ่าหมู่ประชาชนที่คิดต่างทางการเมืองเป็นการทำปาณาติบาตอย่างโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม  แม้ในเขตอภัยทานก็ไม่ละเว้น แต่ประชาชนไม่เห็นสถาบันสงฆ์ออกมาแสดงบทบาทของการเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ เห็นแต่การออกแถลงการณ์ห้ามพระสงฆ์ยุ่งเกี่ยวทางการเมือง ข้าพเจ้าในฐานะชาวพุทธอยากสะท้อนมุมมองหนึ่งให้มหาเถรสมาคมได้เข้าใจว่า การล้มล้างรัฐบาลที่มาจากประชาชนและยัดเยียดรัฐบาลเผด็จการมาปกครองประชาชน ใช้กระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐานเป็นเครื่องมือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์  ขัดกับหลักพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง พระสงฆ์ที่แสดงตนว่าเป็นกลางทางการเมือง เข้าใจการเมืองหรือไม่ เข้าใจอุดมการณ์การต่อสู้ทางการเมืองของคนเสื้อแดงหรือไม่ เข้าใจสัจธรรมของคำสอนในพระพุทธศาสนาหรือไม่ พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอริสาวกท่านสอนว่าพระธรรมวินัยเป็นเครื่องกำราบมิให้คนชั่วเหิมเกริมและคนดีอยู่ผาสุก ผู้ปกครองมีเมตตาธรรม ผู้ถูกปกครองต้องมีสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงออกและได้รับการคุ้มครอง เป็นไปได้หรือที่มนุษย์ปกติทั่วไปจะพบกับสันติสุขด้วยการยอมถูกบงการชีวิตยอมถูกกดขี่ข่มเหงรังแก อย่างฟังความเห็นของสงฆ์บ้าง และอยากให้สังคมได้ชำแหละความจริงเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยสงฆ์ 

พุทธทำนายเป็นไปได้สูงทีเดียว ที่ผู้มาบวชในพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เปรียบเหมือการนำไก่ไปแลกกับพระธรรมวินัย จึงได้เห็นความเฉยเมยเย็นชา แม้รู้ว่าการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นบาป  แต่ก็ไม่เห็นสถาบันสงฆ์แสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมที่จะตำหนิบริภาษการกระทำอันเหี้ยมโหดไร้มนุษยธรรมของรัฐบาลและกองทัพ  เห็นแต่ภาพพระผู้ใหญ่ออกมาป้องปรามพระสงฆ์ที่มาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม โดยอ้างว่าคือความเป็นกลาง และยังบอกให้ยอมปรองดองกับรัฐบาลเผด็จการที่กดขี่ข่มเหงประชาชน น่าสรรเสริญพุทธศาสนิกชนอย่าง บก.ลายจุด สมยศ  พฤกษาเกษมสุข ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางสัญลักษณ์เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนเจ็บ คนตาย แม้จะถูกจับกุมคุมขังแต่ก็ไม่หวาดกลัว จิตใจกล้าหาญที่ยอมสละแม้อิสรภาพ เลือดเนื้อ ชีวิตเพื่อความถูกต้อง นี่แหละคือชาวพุทธที่แท้จริงในโลกปัจจุบันที่เห็นคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเพื่อนร่วมชาติอย่างเท่าเทียมกัน  

ถ้าเป็นสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสงฆ์สาวกต้องตำหนิบริภาษและประกาศคว่ำบาตรรัฐบาลที่ฆ่าประชาชนไปแล้ว แต่นี่ไม่เห็นสถาบันสงฆ์ตำหนิ ต่อต้าน หรือเตือนสติรัฐที่ทำปาณาติบาตต่อประชาชนมือเปล่าที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง ในหลักพระธรรมวินัยก็สอนให้เปิดใจให้กว้างยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างมองอะไรๆให้รอบด้าน การมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันและเปิดโอกาสให้แสดงทัศนะเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีแต่ทำให้ประจักษ์แจ้งในความจริงซึ่งสอดคล้องกับโลกแห่งการเรียนรู้ แต่วงการศึกษาไทยสังคมไทยไม่เว้นแม้แต่สังคมสงฆ์มักสร้างกระแสที่ขัดกับหลักแห่งความเป็นจริง  คือสอนว่าอย่าพูดคุยถกเถียงในเรื่องที่มีทัศนะไม่เหมือนกัน เพราะจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทบาดหมางใจกัน เลยทำให้คนไทยปิดประตูแห่งการรับรู้ความจริง-ความเท็จด้วยเหตุด้วยผลด้วยการพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์ ผลสุดท้ายคนไทยส่วนมากเลยใจแคบ อยู่ในโลกแคบๆที่มองอะไรๆมัวซัวไปหมด แม้รัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็มีโลกทัศน์คับแคบมองเห็นแต่ประโยชน์ตนและพวกพ้อง  แต่มองไม่เห็นประโยชน์ของประชาชน 

แล้วทำไมทหารถึงไม่ต้องการประชาธิปไตย ในเมื่อประชาธิปไตยทำให้คุณสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆได้ด้วยความรู้ความสามารถ ทำให้คุณมีเสรีภาพทางความคิด ทำให้คุณปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามกฎหมายบ้านเมือง ทำให้ประชาชนได้รับการคุ้มครอง ทำให้คุณภาคภูมิใจในหน้าที่รั้วของชาติ ทำให้คุณมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ทำให้ประชาชนมองเห็นคุณเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ทำให้คุณละจากโลกนี้ไปด้วยจิตใจที่ปิติสุขเพราะได้ทำหน้าที่สมกับชายชาติทหาร ทำให้พ่อแม่ลูกเมียที่อยู่ข้างหลังได้ภาคภูมิใจในวีรกรรมอันกล้าหาญของคุณ และเชื่อแน่ว่ากุศลกรรมที่คุณได้สั่งสมจะช่วยให้คุณไปสู่สุคติภพเมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ถ้าคุณยืนอยู่ข้างรัฐบาลเผด็จการ เข่นฆ่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์คุณจะได้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่ ดีชั่วเราย่อมรู้ตัวด้วยสามัญสำนึกธรรมดาๆ ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเพียงภาพมายาที่หลอกลวงให้หลง แม้มีทรัพย์มากมายก็บริโภคด้วยความหวาดระแวงในความผิดบาป ตายไปแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ นอกจากกุศลและอกุศลที่ตนทำเท่านั้น